สืบเนื่องจากการที่มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค และ สภาองค์กรของผู้บริโภค ออกมาเคลื่อนไหวคัดค้าน การแก้ไขปัญหาโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ตามแนวทางที่คณะกรรมการฯชุดที่แต่งตั้งขึ้น โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนนตรี ถึงขั้นล่ารายชื่อเพื่อยับยั้งไม่ให้นำข้อสรุปว่าด้วยการขยายสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียว เข้าสู่การพิจารณาของครม.
สำนักข่าว TOP NEWS ได้มีการสอบถามความเห็นกับ นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ซึ่งได้ตั้งข้อสังเกตุว่า ข้อมูลที่ออกมาตอนนี้มีลักษณะไม่ตรงกัน ระหว่าง ข้อเรียกร้องของมูลนิธิฯและสภาองค์กรของผู้บริโภคกับข้อมูลของดร.สามารถ ราชพลสิทธิ์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ จึงถือเป็นเรื่องสำคัญที่สังคมต้องร่วมกันพิจารณา แต่สำหรับตนก็มีข้อสงสัย ถึงการที่ 2 หน่วยงานออกมาเรียกร้องให้ลดราคาค่าโดยสารรถไฟฟ้า เฉพาะสายสีเขียว หรือ เรียกร้องให้ลดราคาเฉพาะบีทีเอสเหลือ 25 บาท แต่ไม่เรียกร้องให้รถไฟฟ้าใต้ดิน หรือ MRT ของ การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย หรือ รฟม. ปรับลดค่าโดยสารลงมาด้วยเช่นเดียวกัน
เพราะปัจจุบันพบว่า ในส่วนของราคาค่าโดยสารของ รถไฟฟ้าของรฟม.สูงกว่าค่าโดยสารของบีทีเอส โดยค่าโดยสารสูงสุดของบีทีเอส ที่กำลังพิจารณา อยู่ในอัตราสูงสุดที่ 65 บาทต่อเที่ยว ต่อระยะทาง 68.25 กม. แต่ของรฟม. ค่าโดยสารสูงสุด รวมระหว่างรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน และสายสีม่วง อยู่ที่ 70 บาทต่อเที่ยว ทั้งที่โครงการรถไฟฟ้าของ รฟม. มีการลงทุนโดยภารรัฐถึง 80% และเอกชนลงทุน 20% ขณะที่บีทีเอส เป็นการลงทุนของเอกชนเต็ม 100% จึงทำให้มีความแตกต่างเกิดขึ้น
ดังนั้นหาก มู ลนิธิเพื่อผู้บริโภค และสภาองค์กรผู้บริโภค ตั้งใจจะรณรงค์ให้มีการปรับลดราคาค่าโดยสารรถไฟฟ้าจริงๆ ก็ควรจะต้องรณรงค์อย่างเท่าเทียมกันทั้งสองฝ่าย เพื่อให้ผู้บริโภคได้ประโยชน์สูงสุด ไม่ใช่เลือกรณรงค์เฉพาะบีทีเอส ส่วนรถไฟฟ้าสายอื่นกลับไม่มีการรณรงค์ หรือ เรียกร้องใดๆ เพราะจะทำให้ประชาชนอาจเข้าใจผิดได้ว่า การรณรงค์ครั้งนี้มีอะไรอยู่เบื้องหลังหรือไม่ รวมถึงยังเป็นข้อสงสัยให้ประชาชนอยากถามกลับไปยัง มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค และสภาองค์กรผู้บริโภคว่า ทำไมจึงมารณรงค์เฉพาะสายสีเขียว แต่สายสีอื่นที่มีการลงนาม เซ็นต์สัญญาขยายสัมปทานไปแล้วจึงไม่มีการตรวจสอบ
นอกจากนี้ สิ่งที่ตนยื่นตรวจสอบมาตลอด คือ การได้มาซึ่งคณะกรรมการสภาองค์กรของผู้บริโภค ผ่านกระบวนการได้มาโดยชอบหรือไม่ เพราะสมาขิกของ องค์กร ประมาณ 152 องค์กร อาจจะมีผลงานเป็นที่ประจักษ์ ไม่เป็นไปตามพระราชบัญญัติด้วยการจัดตั้งสภาองค์กรของผู้บริโภค ดังนั้นจะได้การยื่นเรื่องขอให้มีการตรวจสอบตามกฎหมายต่อไป
“หลังจากนี้สมาคมฯจะเดินหน้าตรวจสอบ และร้องเรียนเกี่ยวกับโครงการรถไฟฟ้าสายอื่นๆ เพื่อรักษาผลประโยชน์สูงสุดของประชาชน โดยเฉพาะการล้มประมูลโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ซึ่งเรื่องนี้ได้ยื่นเรื่องต่อดีเอสไอให้ตรวจสอบเรียบร้อยแล้ว แต่จะดำเนินการติดตามความคืบหน้าจากดีเอสไอ ในการสอบสวนไต่สวนเพื่อเอาผิดกับบุคคลที่มีส่วนเกี่ยวข้อง โดยเฉพาะคณะกรรมการม.36 และผู้บริหารรฟม. ซึ่งตนเองยืนยันจะติดตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด เพราะเป็นประเด็นที่ให้ประเทศเสียประโยชน์”
