No data was found

“ประยุทธ์” ขันน็อตปมวัคซีน เบรกโควิดระบาด

กดติดตาม TOP NEWS

ปัญหาเรื่องวัคซีนดูเหมือนจะเป็นประเด็นร้อนที่หลายฝ่ายหยิบยกมาโจมตีรัฐบาลตลอด ทั้งในแง่การนำเข้าที่ล่าช้าและปริมาณน้อยเกินไป ทั้งในแง่ของการกระจายวัคซีนสู่คนไทย และแม้แต่การฉีดก็ถูกมองว่าล่าช้าเหมือนเต่าคลานพาลทำให้รัฐบาลถูกโจมตีในเรื่องนี้มาตลอด วานนี้ภายหลังการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) หรือ (ศบค.) ดูเหมือน “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ รมว.กลาโหมจะรู้ตัวว่าเรื่องนี้เป็น “จุดอ่อน” ให้หลายฝ่ายโจมตีรัฐบาล

วานนี้เลยเห็นนายกฯเริ่มขยับออกมาส่งสัญญาณเรื่องนี้แบบชัดๆดังๆ ให้ทุกฝ่ายเห็นว่ารไม่ได้นิ่งนอนใจหรือทำทองไม่รู้ร้อนและพยายามเหยียบคันเร่งผลักดันเรื่องนี้เต็มที่ โดยการประกาศว่าจากนี้ภายใน 1 เดือน จะเร่งเพิ่มปริมาณการฉีดวัคซีนให้กับกลุ่มเสี่ยงทุกคน ทั้งในแง่ “ปริมาณ” จำนวนวัคซีนที่จะเพิ่มมากขึ้น ทั้งในแง่ “บุคลากร” ที่จะเป็นคนฉีดก็จะมีการเชิญชวนอดีตแพทย์ พยาบาล เจ้าหน้าที่สาธารณสุขที่เกษียณอายุราชการไปแล้วให้กลับมาสวมยูนิฟอร์มฝึกอบรมเพื่อมาทำหน้าที่ “นักรบแนวหน้า” ฉีดวัคซีนต้านโควิดให้กับคนไทย โดยตั้งเป้าจะฉีดวัคซีนให้คนไทยราว 60 % ให้ได้ตามเป้าหมายภายในเดือนมิ.ย.นี้ ที่ล่าสุดวันนี้ 17 เม.ย. 2564 ทั่วประเทศสามารถฉีดวัคซีนให้กับคนไทยไปแล้ว 605,259 คน แบ่งเป็นคนที่ได้รับการฉีดวัคซีนเข็มแรก 523,830 คน และครบสองเข็มแล้ว 81,429 คน เกือบ 1 % ของประชากรไทย 70 ล้านคน โดยส่วนใหญ่เป็นการฉีดให้บุคคลากรทางการแพทย์ เจ้าหน้าที่กลุ่มเสี่ยง คนอายุ 60 ปีขึ้นไป คนที่มีโรคประจำตัว และ ประชากรในพื้นที่เสี่ยงจังหวัดสีแดง

นอกจากนี้ยังมีการมอบหมายให้คณะกรรมการจัดหาวัคซีนชุดที่มีนพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร เป็นประธานไปพิจารณาแนวทางการนำเข้าวัคซีนตัวอื่นๆ ไม่ใช่พึ่งใบบุญแค่ 2 ยี่ห้อที่เราขึ้นทะเบียนไปแล้ว คือ 1. ซิโนแวค จำนวน 2 ล้านโดส ส่งมอบ ก.พ.-เม.ย. ตอนนี้มาแล้ว 1 ล้านโดส ในจำนวนนี้ 6 แสนโดสจะฉีดให้กับบุคลากรทางการแพทย์ที่มีความเสี่ยงก่อน และ 2. แอสตราเซเนก้า จำนวน 61 ล้านโดส ส่งมอบ มี.ค.-ธ.ค. ตอนนี้มาแล้ว 1.17 แสนโดส ส่วนที่เหลือจะทยอยมาในช่วงมิ.ย.-ส.ค. 26 ล้านโดส และ ช่วงก.ย.-ธ.ค. 35 ล้านโดส ที่เบื้องต้นรัฐบาลวางเป้าจัดหาวัคซีน 70 ล้านโดสเพื่อฉีดให้กับประชาชน 35 ล้านคน แต่จะมีการพิจารณาเอาวัคซีนอื่นๆ เข้ามาฉีดเพิ่มให้กับคนไทยที่เหลือด้วย โดยเฉพาะวัคซีนสปุตนิคจากรัสเซีย หรือ วัคซีนไฟเซอร์จากสหรัฐอเมริกา เพื่อเป็นทางเลือกให้กับคนไทยและเผื่อสำรองไว้กรณีฉุกเฉิน โดยมอบหมายให้องค์การเภสัชกรรม (อภ.) สั่งซื้อ เพื่อนำมาแจกจ่ายหรือให้กับสมาคมโรงพยาบาลเอกชนได้รับไป หรือใครก็ตามที่มีขีดความสามารถในการฉีดวัคซีน หรือหากประเทศต้นทางวัคซีนไม่ขายให้เอกชน รัฐบาลก็พร้อมดำเนินการในรูปแบบจีทูจีหรือรัฐบาลต่อรัฐบาลเพื่อนำวัคซีนเหล่านี้เข้ามา รวมถึงการพิจารณาทางเลือกจากวัคซีนตัวอื่นๆ อาทิ วัคซีน Ad5-ncov หรือ Convidecia บริษัท CanSino Biologics จากจีน วัคซีน COVAXIN บริษัท Bharat Biotech ของอินเดีย เป็นต้น

ทั้งนี้จากข้อมูลของกระทรวงสาธารณสุขล่าสุด เมื่อวันที่ 7 เม.ย. 10 ประเทศอาเซียนฉีดวัคซีนไปแล้วราว 18,416,057 ล้านโดส โดยประเทศที่มีการฉีดวัคซีนสูงสุดครอบคลุมจำนวนประชากรในประเทศ คือ 1. สิงคโปร์ 1,518,000 โดส คิดเป็น 13.3% 2. อินโดนีเซีย 13,452,610 โดส คิดเป็น 2.5% 3. กัมพูชา 418,569 โดส คิดเป็น1.3% 4.มาเลเซีย 830,036 โดส คิดเป็น 1.2% 5. เมียนม่า 1,040,000 โดส คิดเป็น 1% และ 6.ไทย 323,989 คิดเป็น 0.3 % อย่างไรก็ตามข้อมูลฉีดวัคซีนของคนไทยล่าสุดวันนี้ 17 เม.ย. 2564 น่าจะขยับมาใกล้ๆ 1% เพราะทั่วประเทศสามารถฉีดวัคซีนให้กับคนไทยไปแล้ว 605,259 คน

ทั้งนี้ประเด็นปัญหาที่มีการโจมตีรัฐบาลกีดกันเอกชนนำเข้าวัคซีน ล่าสุดนายอนุทิน ชาญวีระกุล รองนายกฯและรมว.สาธารณสุข ออกมาย้ำว่ารัฐบาลไม่ได้กีดกันให้เอกชนนำเข้าวัคซีนแต่อย่างใด หากเอกชนรายได้พร้อมสามารถดีลกับบริษัทผู้ผลิตวัคซีนและยอมรับเงื่อนไขข้อกำหนดต่างๆได้ก็สามารถนำวัคซีนเข้ามาได้ เพียงแต่ขอว่าต้องมีการขึ้นทะเบียนกับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ให้ถูกต้องตามกฎหมายก่อน

ประเด็นสำคัญของเรื่องวัคซีน นอกจากปริมาณวัคซีนต้องมีเพียงพอกับคนไทยส่วนใหญ่ ไม่ว่าวัคซีนยี่ห้อนั้นจะต้องฉีด 1 เข็มหรือ 2 เข็มแล้ว การกระจายวัคซีนยังต้องไปสู่คนไทยอย่างทั่วถึงเท่าเทียม ไม่ใช่ฉีดแต่พวกเดียวกันเอง พวกผู้ใหญ่ พวกวีไอพี พวกส.ส.หรือส.ว. ฯลฯ แต่ควรกระจายให้คนไทยทุกกลุ่มอย่างถ้วนทั่วทุกตัวคน เพราะชั่วโมงนี้ไม่ว่ากลุ่มไหนหรือใครก็เสี่ยงหมดพอๆกัน ปัญหาเรื่องการฉีดวัคซีนยังไงให้เท่าทันกับสถานการณ์ เพราะเชื้อโควิดเดินหน้าแพร่ระบาดทุกวัน ผู้ติดเชื้อหลักพันคนตัวเลขสี่หลักติดต่อกันมา 4-5 วันแล้ว ปริมาณการฉีดเข็มแรกของคนไทยทั่วประเทศแค่ 5 แสนคนกว่าๆ ขณะที่ครบ 2 เข็มแค่ 8 หมื่นคนเศษ ราวๆ 0.2 % ของคนไทยทั้งประเทศเท่านั้น ซึ่งถือว่าช้ามากๆ เรื่องนี้พล.อ.ประยุทธ์ต้องลงมาเร่งต้องลงมาบี้กระบวนการทุกจุด อย่าให้ช้าอย่าให้หย่อนยานเพราะทุกวินาทีเดิมพันด้วยชีวิตคนไทยเสี่ยงเพิ่มขึ้นติดเชื้อมากทุกวัน

ตามแผนที่กระทรวงสาธารณสุขวางไว้ ระยะที่ 1 ต้องเร่งฉีดวัคซีนซิโนแวค 2 ล้านโดสที่ได้มาก่อนให้เสร็จภายในเดือนพ.ค. ส่วนระยะที่ 2 วัคซีนเอสตราเซเนก้า 61 ล้านโดสต้องฉีดให้แล้วเสร็จภายในสิ้นปีนี้เพื่อให้ครอบครุมคนไทยส่วนใหญ่ของประเทศ บวกลบคูรหารเหลือมีเวลา 7 เดือนในการฉีด มิ.ย.-ธ.ค. ตามแผนกระทรวงสาธารณสุขจะกระจายวัคซีนให้โรงพยาบาล 1,000 แห่งใน 77 จังหวัดทั่วประเทศฉีดวัคซีนให้ได้วันละ 500 โดสต่อวัน ตั้งเป้าฉีดเดือนละ 20 วัน ไม่นับเสาร์อาทิตย์ หนึ่งเดือนโรงพยาบาล1,000 แห่งทั่วประเทศจะฉีดวัคซีนได้ 10 ล้านโดส ฉีดครบ 7 เดือนก็จะได้ 70 ล้านโดสตามแผนพอดี ในทางทฤษฎีการวางเป้าหมายแบบนี้มันง่าย แต่ในทางปฏิบัติต้องดูว่าจะทำให้เกิดผลตามนี้ได้หรือไหม เพราะทุกวันนี้การฉีดวัคซีนยังแกว่งอยู่เลยบางวันหลักพันอีกวันหลักหมื่น พูดมันง่ายทำมันยากพล.อ.ประยุทธ์ต้องลงมาขันน็อตมาดูเรื่องนี้ด้วยตัวเองทุกฟันเฟืองถึงจะเดินหน้าเรื่องวัคซีนได้เต็มที่ ไม่งั้นแผนฉีดวัคซีนให้คนไทยหมู่มากเพื่อเบรกการระบาดของโควิดไม่มีทางบังเกิดผล

 

ข่าวที่น่าสนใจ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

เขมรหนีความจน! ลอบเข้าไทยหางานที่แปดริ้ว หวังค่าแรง 400 บาท
ผบ.พล.ร.11 นำกำลังพลร่วมกิจกรรมฉัตรมงคล
รวบสมาชิกแก๊งคอลเซ็นเตอร์ยุคบุกเบิก หนีคดีกว่า 14 ปี สอบสวนกลาง ตามรวบ
"พิพัฒน์" นำทีมคุย "กลุ่มมิตรผล" ร่วมยกระดับมาตรฐาน-ศักยภาพแรงงาน
"พท." จัดหนักล็อตใหญ่ส่ง 9 สายแข็งชิง "นายกอบจ." ดับเครื่องชน "ก้าวไกล" ให้มันรู้ไผเป็นไผศึกเลือกตั้งท้องถิ่น
"กฟน." รับผิดประมาท เหตุคนตกท่อดับ แจงสาเหตุนำฝาไม้ปิดแทน
สอบสวนกลาง รวบสาวรับจ้างเปิดบัญชีม้า ผู้เสียหายสูญเงินไม่น้อยกว่า 300 ล้านบาท
"จอมแฉ" สิ้นลาย ถูกสอบสวนกลางรวบตัว หลังขู่ยื่นหนังสือตรวจสอบประมูลงาน กรรโชกทรัพย์หลายบริษัทฯ
"พิมพ์ภัทรา "จี้ถาม"ปลัดอุตฯ" คาใจเหตุ "อธิบดีกรมโรงงาน" ลาออก
ระทึก สภ.ศรีราชา ผู้ต้องหาหญิง พยายามผูกคอ ในห้องขัง โชคดีเจ้าหน้าที่เห็นทัน

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น