“ชูวิทย์” ฮึ่มฟ้องทนายตั้ม เรียกค่าเสียหาย 100 ล้าน ลั่นสนั่นไม่กลัวเมริง

ทนายอนันตชัย ลั่นฟ้องทนายตั้ม 100 ล้าน หลังแถลงข่าวกล่าวหาชูวิทย์รับเงินสีเทา ยืนยันทนายตั้ม ผิดหมิ่นประมาทและผิดมารยาททนายความชัดเจน เชื่อชูวิทย์ถูกแบล็คเมล์ เผยจากนี้จะให้ชูวิทย์หยุดตอบโต้ทนายตั้มและให้ไปเจอกันที่ศาล ขณะที่ชูวิทย์ลั่นกลางศาล"ไม่กลัว"เตรียมเปิดบิ๊กเซอร์ไพรส์ วันพรุ่งนี้ว่าจะเอาเงินไปคืนที่ไหน

27 มี.ค.66 เมื่อเวลา 8.30 น. ที่ผ่านมา นายอนันตชัย ไชยเดช ทนายความพร้อมด้วยนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ เดินทางมาสืบพยานในคดีที่นายชูวิทย์เป็นโจทก์ยื่นฟ้องหมิ่นประมาทนายสันธนะ ประยูรัตน์ โดยมีสื่อมวลชนต่างมารอทำข่าวเป็นจำนวนมาก เพื่อมารอสอบถามความคืบหน้าในการดำเนินคดีทนายความษิทธา เบี้ยบังเกิด หรือ ทนายตั้ม

 

 

 

 

 

โดยทนายอนันตชัย กล่าวว่า คดีที่ตนเองรับว่าความให้นายชูวิทย์กรณีทนายตั้มแถลงข่าวกล่าวหานายชูวิทย์ ส่วนตัวไม่ได้มีเรื่องบาดหมางข้องใจอะไรกับทนายตั้มเจอกันก็ทักทาย แต่ตนเองต้องทำหน้าที่ของทนายความ สำหรับการเตรียมดำเนินคดีทนายตั้ม มีเหตุผล 3 ข้อดังนี้

ประเด็นแรกคือ การแถลงข่าว และให้สัมภาษณ์ของทนายตั้ม เข้าข่ายการกระทำความผิดฐาน “หมิ่นประมาท” และ “หมิ่นประมาทโดยการโฆษณา” ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326 และ 328 โดยทนายตั้ม ได้แถลงข่าวในลักษณะที่กล่าวหานายชูวิทย์เรียกรับเงินเพื่อไม่ให้เปิดโปงสารวัตรซัว เป็นเงินจำนวน 10 ล้านบาท รวมถึงกล่าวหาว่าลูกชายของนายชูวิทย์ รับเงินดิจิตอล จำนวน 50 ล้านบาท และได้เรียกรับผลประโยชน์เรื่อยๆ ซึ่งเป็นการกล่าวในช่วงเวลาที่นายชูวิทย์ แถลงข่าว หรือให้สัมภาษณ์เปิดโปงการกระทำโดยมิชอบของสารวัตรซัว ต้องการลดความน่าเชื่อถือ สร้างความเสียหายแก่นายชูวิทย์

ข่าวที่น่าสนใจ

และถ้าหากยังจำกันได้ นายชูวิทย์ เคยออกมาประกาศผ่านสื่อมวลชนว่า เงินรางวัลนำจับยึดทรัพย์คดียาเสพติด 5% จะนำไปบริจาคให้โรงพยาบาล เพราะนายชูวิทย์ มีเงินใช้มากพออยู่แล้ว จึงไม่มีความจำเป็น หรืออยากได้เงินอีกแต่อย่างใด การที่ออกมาประกาศว่าการเปิดโปงทุจริตต่าง ๆ ครั้งนี้ เพราะว่าเห็นการทุจริตคอร์รัปชั่นต่าง ๆ มากมาย ที่ทำให้สังคมไทยเน่าเฟะมานานแล้ว ต้องการเห็นการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดี ตราบที่ยังมีลมหายใจอยู่

ประเด็นที่2 การแถลงของทนายตั้ม ถือว่าไม่กลั่นกรองข้อเท็จจริงตามวิสัยของผู้ประกอบวิชาชีพทนายความโดยทั่วไป มีลักษณะชี้ช่องส่งเสริมให้มีการฟ้องร้องคดีโดยไม่มีมูลความจริง ตามข้อบังคับสภาทนายความ ว่าด้วยมรรยาททนายความ พ.ศ. 2529 หมวด 3 ข้อ 9 “กระทําการอันเป็นการยุยงส่งเสริมให้มีการฟ้องร้องคดีกันในกรณีอันหา มูลมิได้” มีโทษสูงสุดต้องถูกลบชื่อออกจากทะเบียนทนายความดังนั้นการกระทําของทนายตั้ม น่าจะมีความผิดมรรยาททนายความ

 

 

 

 

และประเด็นสุดท้ายคือ การที่ทนายตั้ม กล่าวชี้ช่องว่า จะดำเนินคดีฟอกเงินกับนายชูวิทย์ นั้น เท่ากับทนายตั้ม ยอมรับข้อเท็จจริงแล้วว่า เงินที่นำมาให้นายชูวิทย์ เพื่อปิดปากมิให้แถลงข่าวเปิดโปง สารวัตรซัว นั้นเป็นเงินสกปรก “เป็นทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด” บุคคลที่ทนายตั้ม กล่าวถึง หรือเจ้าของเงินนั้น จึงเป็นผู้ครอบครองใช้เงิน รวมทั้งปกปิดแหล่งที่มาของเงิน จนครบองค์ประกอบความผิดฐานฟอกเงิน ตาม พระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 มาตรา 5 (1) (2) (3) แล้ว ทำให้บุคคลนั้น ๆ ต้องถูกดําเนินคดีในความผิดฐานฟอกเงิน แต่ข้อเท็จจริงที่ปรากฏคือ นายชูวิทย์ ไม่รู้ และไม่มีเหตุอันควรรู้ว่าเงินที่มีผู้นำมาให้นั้นเป็น “ทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด” จึงขาดเจตนา ดังนั้นนายชูวิทย์ จึงไม่มีความผิดฐานฟอกเงิน

ทนายอนันตชัยยังตั้งข้อสังเกตอีกว่า รูปถ่ายถุงเงินที่ทนายตั้มนำมาเผยแพร่ เชื่อว่า นายชูวิทย์น่าจะถูกแบล็คเมล์ เพราะรูปที่ถ่ายถุงเงินเป็นรูปภาพที่ถ่ายไว้ก่อนจะเจอนายชูวิทย์ จึงไม่แน่ใจว่าผู้ที่นำเงินมาให้ต้องการอะไรกันแน่ จากนี้จะบอกนายชูวิทย์ว่าขอให้หยุดตอบโต้ทนายตั้ม และให้ไปเจอกันที่ศาล

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

ขณะที่นายชูวิทย์ กล่าวว่า วิชาชีพทนายความ โดยปกติถ้ามีคนเดือดร้อนก็ต้องไปช่วยเขา ส่วนเรื่องค่าใช้จ่ายก็ค่อยตกลงกันภายหลัง แต่ไม่ใช่ทนายตั้มที่มีการเรียกค่าแถลงข่าวเป็นจำนวนกว่า 300,000 บาท ตนเองก็ไม่เคยคิดว่าจะมีการคิดค่าแถลงข่าวด้วย พอไปแถลงข่าว ก็ไม่เคยมีหลักฐานที่ชัดเจนไปกล่าวหาเขา สื่อก็กลายเป็นเครื่องมือ จะเชื่อถือได้หรือไม่ตนเองไม่ได้โจมตีแต่สิ่งที่พูดไปเป็นเรื่องจริง

 

การเป็นทนายความต้องใช้ความสามารถ ต้องใช้หลักฐาน ใช้พยานแต่ปรากฏว่าฝ่ายอีกฝ่ายใช้การแถลงข่าว นั่นไม่ใช่วิถีของทนายความ โดยอย่างยิ่งบอกว่าตัวเองเป็นทนายประชาชน ส่วนเงินบริจาคจำนวน 6 ล้านบาท ที่ทางโรงพยาบาลคืนมา อยากให้ติดตามว่าวันพรุ่งนี้จะเอาไปให้ใคร

ก่อนจะเดินขึ้นบันไดศาลไป นายชูวิทย์ทิ้งท้ายว่า “ตอนนี้มีกระบวนการพยายามที่จะมาปิดปากผม มีทั้งทนาย พวกหิวแสง นักร้องเรียน ใครฟ้องมาผมก็จะฟ้องกลับ จะสู้ในทางกฎหมาย ผมพร้อมสู้ทุกทางเวลาสู้ก็จะไม่ค่อยเหมือนกัน ฝากไปบอกหมาลอบกัด ผมพร้อมจะกัดตอบ กูไม่กลัวมึง”

 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

"นายกฯ" เจอหน้าคุย "แม่ทัพภาคที่ 2" มั่นใจไม่มีปัญหา พร้อมหนุนกองทัพป้องอธิปไตยเต็มที่
กัมพูชาวอนนักธุรกิจไทยในเขมรค้าขายตามปกติ
“มูลนิธิยังมีเรา” จับมือ “มูลนิธิหัวใจบริสุทธิ์” สานฝันเด็กสายอาชีพ มอบทุนการศึกษาต่อยอดทักษะแรงงานเพื่ออนาคตที่ดีกว่าเดิม
"บิ๊กป้อม" แถลงยืนยันพปชร.ไม่ร่วมรัฐบาล เรียกร้อง "แพทองธาร" ลาออกนายกฯ
"นายกฯ" เจอหน้า "แม่ทัพภาคที่ 2" แล้ว ถึงบ่นอุบไมค์สื่อโดนหัว
เขียวเข้ม ! แพลงก์ตอนบลูมทะเลหาด วงศ์อมาตย์ เปลี่ยนสีเขียวเข้ม เริ่มส่งกลิ่นคล้ายกำมะถัน
"นายกฯ" มอบสิ่งของให้ทหารชายแดน อุบลราชธานี พบปะให้กำลังใจ พลทหารกองกำลังสุรนารี ขอบคุณปกป้องรักษาอธิปไตยไทย
นักวิชาการเขมรชี้กัมพูชาเสี่ยงสูญเสียอธิปไตย
“ฮุน เซน” ทวงบุญคุณ! ปล่อยภาพลับ พา “อุ๊งอิ๊ง-สามี” ชมห้องพัก “ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์” ครั้งหนีคดีลี้ภัย
ระทึก ! เพลิงไหม้บริษัททำไม้ในมีผู้ได้รับบาดเจ็บ 1 ราย

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น