ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่มีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานการประชุมผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ จากห้อง PMOC ชั้น 2 ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล การประชุมครม.ใช้เวลาไม่นาน เมื่อเข้าสู่ช่วงวาระสถานการณ์โควิด-19 นายกรัฐมนตรี รายงานว่า วันนี้เรารักษาผู้ป่วยติดเชื้อ โควิด-19 หายมากกว่าตัวเลขผู้ติดเชื้อรายใหม่ และอยากจะให้ตัวเลขผู้ที่รักษาหายเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ขอให้ผู้ที่เกี่ยวข้องมาดูแลช่วยกันจัดการให้สถานการณ์ดีขึ้น หากเรารักษาผู้ป่วยให้หายได้มากสถานการณ์ก็น่าจะดีขึ้น
นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวอีกว่า ขอให้เร่งเบิกจ่ายงบประมาณที่จะใช้ช่วยบุคลากรทางการแพทย์ด่านหน้า และให้ไปดูชุดตรวจ Antigen test kit ว่าจะสามารถควบคุมราคาได้หรือไม่ เพราะได้รับเรื่องร้องเรียนจากประชาชนว่าราคาแพง ขอให้กระทรวงพาณิชย์และกระทรวงสาธารณสุข รีบไปจัดการ ซึ่งนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข รายงานว่า ในวันเดียวกันนี้กระทรวงสาธารณสุขจะมีการประมูลบริษัทชุดตรวจ Antigen test kit เพื่อนำไปแจกจ่ายประชาชน ก็จะได้รู้ว่าราคาจะอยู่ที่ประมาณเท่าไหร่ ด้านนายจุรินทร์ ลักษณะวิศิษฎ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ รายงานว่าชุดตรวจก็เหมือนรถยนต์ ซึ่งมีหลายยี่ห้อ หลายแบบ ต้นทุนแต่ละบริษัทไม่เหมือนกัน บางครั้งจะมาควบคุมราคาก็ต้องหาวิธีว่าจะทำอย่างไร นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี ยังสั่งเรื่องยาฟาวิพิราเวียร์ ยาฟ้าทะลายโจรและยาที่จำเป็น จะต้องใช้ให้รีบจัดซื้อ และขอให้จัดหาให้เพียงพอ โดยนายอนุทิน รายงานว่า เราจะผลิตเองอยู่แล้วคาดว่าน่าจะเพียงพอ
ขณะที่ที่ประชุมครม.ยังได้พูดถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ในกลุ่มของภาคอุตสาหกรรมที่อาจจะส่งผลกระทบ เนื่องจากขาดแคลนแรงงานต่างด้าว หากจำเป็นจะต้องนำเข้าแรงงานต่างด้าวจะต้องเข้ามาแบบถูกกฎหมายจึงขอให้กระทรวงมหาดไทยและกระทรวงแรงงานไปพูดคุยกันว่าจะหามาตรการอย่างไร
จากนั้นนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี รายงานคำสั่งศาลแพ่งคุ้มครองชั่วคราว ห้ามนายกฯบังคับใช้คำสั่งเรื่องข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 (ฉบับที่ 29 ) ว่า ศาลได้ให้คำแนะนำว่ารัฐบาลสามารถใช้กฎหมายอย่างอื่นในลักษณะเดียวกันมาบังคับใช้ได้ และรัฐบาลไม่ได้ต้องการจะสู้คดีต่อ ให้เป็นไปตามคำสั่งศาล
นายวิษณุ ยังสอบถามในที่ประชุมถึงการวิพากษ์วิจารณ์การเตรียมออก พ.ร.ก.จำกัดความรับผิดสำหรับบุคลากรสาธารณสุขในการรักษาผู้ป่วยโรคโควิด-19 ให้คณะบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการจัดหาและบริหารวัคซีนโควิด-19 ว่า กฎหมายดังกล่าวมีลักษณะรายละเอียดเป็นอย่างไร
ด้านนายอนุทิน ชี้แจงครม. ว่า ในการประชุมของกระทรวงสาธารณสุข แพทย์และปลัดกระทรวงสาธารณสุข มีข้อกังวลจึงเสนอว่า “การทำงานกลัวว่าจะโดนฟ้องร้อง เพราะตอนนี้ผู้ป่วยรายใหม่ติดเชื้อวันละ 2 หมื่นคน หากดูแลไม่ดีแล้วผู้ป่วยตายก็กลัวว่าจะโดนฟ้องร้อง จึงอยากได้พ.ร.ก.ดังกล่าวให้คุ้มครอง เพื่อป้องกันการฟ้องร้อง ซึ่งเรื่องการจัดหาวัคซีนเป็นเรื่องรองที่พูดถึง แต่หลักใหญ่ที่พูดถึง ไม่ยอมหยิบยกมาพูด จากนี้จะไปขอคำแนะนำพูดคุยกับนายวิษณุอีกครั้ง”
“ผมยืนยันว่าหากจะทำก็จะต้องทำให้รอบคอบอยู่แล้ว แต่เรื่องนี้ยังไม่เกิดขึ้น แต่กลับโดนเอามาสร้างตีกระแสก่อน และเรื่องยังไม่ถึงผม ผมยังไม่เห็นตัวเรื่องเลยที่จะทำ และยังไม่รู้ว่ารายละเอียดจะเป็นอย่างไร และยังไม่ถึงขั้นที่จะนำเสนอที่ประชุมครม.” นายอนุทิน ชี้แจง
ด้านนายกรัฐมนตรี กล่าวเพียงว่า “บางเรื่องพูดไปกันใหญ่ พูดกันไปก่อน ทั้งที่ครม.ยังไม่มีการอนุมัติ ยังไม่ได้ทำอะไร ไม่ได้มีการพูดคุยกันเลย”
อย่างไรก็ตาม ในช่วงท้ายการประชุมครม.นายกฯสั่งการให้ครม.ทุกคนช่วยกันลงพื้นที่ไปช่วยชาวบ้านบ้างในช่วงโควิด-19 จะได้ออกเป็นข่าวบ้าง ชาวบ้านจะได้เห็นภาพ และรู้ว่าเราทำงาน รวมถึงเรื่องปัญหาหนี้นอกระบบประชาชนอาจจะไม่กล้าแจ้ง ขอให้ดำเนินคดีตามกฏหมายกับผู้รับจ้างทวงหนี้ที่ใช้ความรุนแรง และขอบคุณทุกคน พรรคร่วมรัฐบาลที่ร่วมกันทำงาน