“ดร.สมชาย” ฟันธง APEC 2022 ไทยได้ประโยชน์เต็มๆ

"ดร.สมชาย" ฟันธง APEC 2022 ไทยได้ประโยชน์เต็มๆ

สืบเนื่องจากการที่ประเทศไทย จะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค APEC 2022 ระหว่างวันที่ 14– 19 พฤศจิกายน 2565 และถือเป็นการประชุมแบบพบหน้ากันครั้งแรกในรอบ 4 ปี ภายใต้หัวข้อหลัก “เปิดกว้างสร้างสัมพันธ์ เชื่อมโยงกันสู่สมดุล ” ให้เกิดผลลัพธ์ที่เป็นประโยชน์สูงสุดต่อคนไทยและภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก

โดยสาระสำคัญของการประชุมครั้งนี้ จะเริ่มจากการประชุมเจ้าหน้าที่อาวุโสครั้งสุดท้าย ในช่วงวันที่ 15 –16 พฤศจิกายน เพื่อสรุปผลการทำงานที่สำคัญของเอเปคตลอดทั้งปี เพื่อจัดทำเอกสารผลลัพธ์การประชุม และเตรียมการสำหรับการประชุมรัฐมนตรีเอเปค ครั้งที่ 33 ซึ่งจะเป็นการประชุมระหว่างรัฐมนตรีต่างประเทศและรัฐมนตรีการค้า/เศรษฐกิจของเอเปค ในวันที่ 17 พฤศจิกายน และการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ครั้งที่ 29 ระหว่างวันที่ 18 –19 พฤศจิกายน 2565

ขณะที่การประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ครั้งที่ 29 ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชานายกรัฐมนตรี เป็นประธาน จะมีการหารือแนวทางการฟื้นฟูเศรษฐกิจภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก ในยุคหลังโควิด-19 ให้ครอบคลุมและยั่งยืนท่ามกลางบริบทโลกที่ท้าทาย และผลักดันให้ผู้นำร่วมกันรับรอง “เป้าหมายกรุงเทพฯ ว่าด้วยเศรษฐกิจ BCG” เพื่อให้เอเปคมีทิศทางการทำงานที่ชัดเจนเพื่อสร้างการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจที่สมดุลและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมในระยะยาว โดยทางด้านกรรมการจัดการกองทุนการเงินระหว่างประเทศ จะเข้าร่วมการประชุมเพื่อนำเสนอภาพรวมเศรษฐกิจโลกในปี 2565 ด้วย

นอกจากนี้เวทีการประชุม ผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค 2022 ประเทศไทยในฐานะเจ้าภาพฯ ยังได้เชิญ สมเด็จอัคคมหาเสนาบดีเดโชฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชาในฐานะประธานอาเซียน , เจ้าชายมุฮัมมัด บิน ซัลมาน บิน อับดุลอะซีซ อาล ซะอูด มกุฎราชกุมาร และนายกรัฐมนตรี ซาอุดีอาระเบีย และ นายเอมานูว์แอล มาครง ประธานาธิบดีฝรั่งเศส เข้าร่วมการประชุมผู้นำเอเปคในฐานะแขกพิเศษ เพื่อหารือร่วมกันถึงแนวทางการขับเคลื่อนการค้าและการลงทุนที่ยั่งยืน ระหว่างเอเปคกับคู่ค้านอกภูมิภาค และแนวทางการรับมือกับความท้าทายทางเศรษฐกิจ รวมทั้งจัดการหารือระหว่างผู้นำเขตเศรษฐกิจ

 

ข่าวที่น่าสนใจ

ล่าสุด รศ.ดร.สมชาย ภคภาสน์วิวัฒน์ นักวิชาการอิสระด้านเศรษฐศาสตร์และการเมือง ได้ให้สัมภาษณ์พิเศษ TOP NEWS ถึงมุมมองด้านต่าง ๆ เกี่ยวกับเวทีการประชุมเอเปค 2022 ว่า มีหลายข้อดีที่ประเทศไทยจะได้รับแต่ละด้าน จากการประชุมเอเปคครั้งนี้ เริ่มจากการหารือในเรื่องของบริบท หลังสถานการณ์โควิด ซึ่งในระยะเเรกจะมีด้วย 3 ประเด็นหลัก คือ การเปิดเสรีทางการค้า , การอำนวยความสะดวกทางการค้า และ ด้านอีโคเทค ( (ECOTECH) ซึ่งเป็นนโยบายเกี่ยวข้องกับเศรษฐศาสตร์ เพราะในการหารือกันจะมีบริบทการเขื่อมโยงกับสิ่งต่างๆ เข้าด้วยกัน

ส่วนคาดหวังผลการประชุมในภาพรวมครั้งนึ้ สิ่งที่ประเทศไทยจะได้รับหลัก ๆ เลยคือ เรื่องการประชาสัมพันธ์ประเทศ ด้วยการเผยแพร่สิ่งดี ๆ ไปทั่วโลก และการประชุมย่อยด้านต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นเป็นจำนวนมาก ก่อนจะเปลี่ยนเจ้าภาพการประชุมในเดือนธันวาคมนี้ ทั้งการประชุมนักธุรกิจ นักลงทุน และ กลุ่มธนาคาร ซึ่งจะทำให้มีคนเข้ามาในประเทศไทยเป็นจำนวนมาก กระจายไปตามหัวเมืองต่างๆของไทย ทั้ง กรุงเทพ , เชียงใหม่ , ภูเก็ต เป็นต้น อันจะช่วยกระตุ้นการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจในพื้นที่ นอกจากนี้ยังมีการหารือนอกรอบที่มีเนื้อทางสร้างผลประโยชน์ให้เกิดขึ้นในระยะกลาง ระยาว ทั้งการเปิดโอกาส การเชื่อมโยง และการสร้างดุลยภาพ ด้านการค้า การลงทุน ในระดับภูมิภาค

จุดสำคัญที่ต้องจับตา ก็คือ การเจรจานอกรอบของประเทศอื่นๆ ที่เกิดขึ้น จะทำให้ผู้นำเอเปค ได้เห็นถึงความน่าสนใจด้านการลงทุนในประเทศไทย เพราะการพูดคุยผ่านเวทีเอเปค 2022 ครั้งนี้ ทางผู้นำซาอุดีอาระเบีย ได้เข้าร่วมการเจรจาการค้า การลงทุน อย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งแน่นอนว่าถือเป็นสัญญาณเชิงบวก และเป็นประโยชน์ในแง่ภาพลักษณ์สำหรับประเทศไทยอย่างมาก

 

 

นอกจากนี้ รศ.ดร.สมชาย ระบุเพิ่มเติมว่า ผลประโยชน์ที่ประเทศไทยจะได้รับจะมีด้วยกัน 2 แบบ คือ ในรูปแบบของนามธรรม คือ ภาพลักษณ์ของไทย และในรูปธรรมระยะสั้น หรือ การกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะสั้น จากการเดินทางมาประเทศไทยของบรรดาผู้นำประเทศต่าง ๆ ส่วนสิ่งที่ประเทศไทยจะได้รับในระยะกลางและระยะยาว ต้องขึ้นอยู่กับการเจรจาและการหารือร่วมกัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของสิทธิสตรี เรื่อง BCG หรือ เศรษฐกิจชีวภาพ-เศรษฐกิจหมุนเวียน-เศรษฐกิจสีเขียว รวมถึงการโฟกัสไปถึงสถานการณ์หลังโควิดคลี่คลาย ซึ่งหลายประเทศให้ความสำคัญดับเรื่องนี้เป็นอย่างมาก

ส่วนกรณีบางฝ่าย เตรียมเคลื่อนไหวในช่วงประชุม APEC เรียกร้องให้ยกเลิกนโยบายการพัฒนาเศรษฐกิจด้วยแนวคิดเศรษฐกิจชีวภาพ-เศรษฐกิจหมุนเวียน-เศรษฐกิจสีเขียว หรือ BCG โดยอ้างเรื่องการเอื้อประโยชน์ให้กับนายทุน รศ.ดร.สมชาย มองว่า ในทุกเรื่องมักมีสองด้านเสมอ และกรณีคนออกมาคัดค้านเรื่อง BCG ก็ถือเป็นเรื่องปกติ ดังนั้น สิ่งที่รัฐบาลควรดำเนินการสร้างความรู้ความเข้าใจ รวมถึงการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับเรื่องนี้ให้ประชาชนได้รับทราบ จะเป็นทางออกของปัญหาที่ดีที่สุด

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

แถลงข่าวยิ่งใหญ่ เตรียมจัดกิจกรรม “วิ่ง ปั่น รวมใจ อุทยานหลวงปู่มั่น” 26 ต.ค. นี้ ณ โคราช
แถลงข่าวยิ่งใหญ่ เตรียมจัดกิจกรรม “วิ่ง ปั่น รวมใจ อุทยานหลวงปู่มั่น” 26 ต.ค. นี้ ณ โคราช
โคราช ระเบิดศึกอีสปอร์ต KORAT PAO E-SPORTS TOURNAMENT 2025 เฟ้นหาดาวเด่น ROV-eFootball สู่เวทีระดับประเทศและนานาชาติ
"พงศ์พร" ถามเป็นประโยชน์ตรงไหน ก.พ.ดันตำแหน่ง "ผอ.สำนักพุทธฯ" เทียบเท่าปลัดกระทรวง
"ธรรมนัส" ลั่นกล้าธรรม พร้อมร่วม "ก.เกษตรฯ" ปกป้องผลประโยชน์เกษตรกรไทย โดนผลกระทบเงื่อนไขสหรัฐใช้ลดภาษี
“สถานทูตสวีเดน” แจงชัด ไม่มีนโยบายระงับการจำหน่าย “กริพเพน” ให้ไทย หลังกัมพูชาปล่อยเฟกนิกส์ “สถานทูตสวีเดน” แจงชัด ไม่มีนโยบายระงับการจำหน่าย “กริพเพน” ให้ไทย หลังกัมพูชาปล่อยเฟกนิกส์

ดู LIVE รายการ

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น​