นาทีชีวิต ตั้งศพสวดที่วัด เคราะห์ซ้ำถูกเพลิงไหม้ไปพร้อมกับศาลาการเปรียญ

นาทีชีวิต ตั้งศพสวดที่วัด เคราะห์ซ้ำถูกเพลิงไหม้ไปพร้อมกับศาลาการเปรียญ

เมื่อเวลา 23.30 น. วันที่ 8 พ.ย.65 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.พนมสารคาม ได้รับแจ้งเหตุเพลิงไหม้ศาลาการเปรียญหลังใหญ่วัดดอนทอง หมู่ 2 ตำบลท่าถ่าน อำเภอพนมสารคาม จังหวัดฉะเชิงเทรา หลังจากรับแจ้งจึงประสานรถน้ำดับเพลิงเทศบาลตำบลท่าถ่าน และรถน้ำดับเพลิงจากหน่วยงานองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นกว่า 20 คัน พร้อมด้วยหน่วยกู้ภัยพนม เข้าร่วมควบคุมเพลิง

ที่เกิดเหตุเป็นศาลาการเปรียญไม้ 2 ชั้น มีใต้ถุน อายุ 50 ปี เพลิงกำลังลุกไหม้เห็นเปลวเพลิงที่โหมอย่างรุนแรงเพราะมีเชื้อเพลิงเป็นไม้ทั้งหลัง ก่อนเกิดเหตุยังมีพระครูใบฎีกาประทิว ยสปาโร อายุ 70 ปี เจ้าอาวาสและพระลูกได้จำพรรษาอยู่บนศาลาดังกล่าวด้วย เมื่อเกิดเหตุต่างแตกตื่นช่วยกันขนข้าวขอออกมาได้บางส่วน ด้านเจ้าหน้าที่ดับเพลิงต้องกระจายกันโดยรอบศาลาระดมกันฉีดน้ำไม่ให้ลุกลามไปติดยังกุฏิพระที่อยู่บริเวณใกล้เคียงศาลาหลังเกิดเหตุ ซึ่งใช้เวลากว่า 1 ชั่วโมง จึงสามารถควบคุมเพลิงไว้ได้

ข่าวที่น่าสนใจ

ขณะเจ้าที่หน้าระดมกันฉีดน้ำอยู่นั้นก็ต้องผงะ เมื่อทราบตอนหลังว่า ก่อนเกิดเหตุเพลิงไหม้มีศพผู้เสียชีวิตอยู่ในโลงเย็นตั้งบำเพ็ญกุศลมา 2 คืน อยู่บนศาลาด้วย เพลิงที่ไหม้ศาลาได้ลุกลามไหม้โลงเย็นที่มีศพคนตาย ก่อนพังคลืนทิ่มหัวค้างระหว่างคานศาลากับพื้นด้านล่าง หลังจากคุมเพลิงได้เจ้าหน้าที่กู้ภัยต้องเข้าไปกู้ร่างศพออกจากโลงเย็นมาใส่โลงใหม่ แล้วนำไปตั้งสวดต่อที่ศาลาของวัดอีกหลัง ทั้งนี้ ดร.กิตติ เป้าเปี่ยมทรัพย์ นายกอบจ.ฉะเชิงเทรา (เสื้อผ้าไหมสีชมพู) พร้อมด้วย สจ.พีระ ตั้งชูทวีทรัพย์ พอทราบข่าวขณะลงพื้นที่ ก็รุดมาให้กำลังใจแก่เจ้าหน้าที่ด้วย

 

นายศิวะพงษ์ วงค์ษา อายุ 17 ปี (เสื้อสีขาวมีลายสีดำ) ผู้เห็นเหตุการณ์ เล่าว่า ตนเองได้มาเฝ้าศพ ซึ่งคนตายเป็นยายของตน ระหว่างที่ตนขนที่นอนเพื่อมานอนเฝ้าศพอยู่นั้น ตนก็เห็นแสงเพลิงได้ลุกไหม้มาจากทางด้านห้องเก็บของบนศาลาการเปรียญหลังเกิดเหตุ ก่อนที่จะลุกไหม้ลามด้านบนฝ้าอย่างรวดเร็วไม่ถึง 10 นาที มาถึงตรงที่ตั้งโลงศพ ตนเองจึงรีบหาน้ำดับไฟ ก่อนจะมีพระลูกวัดช่วยกันนำถังดับเพลิงมาดับไฟ แต่ก็ไม่สามารถดับได้ เพราะศาลาเป็นไม้ ทุกคนจึงรีบหนี ก่อนที่จะแจ้งเจ้าหน้าที่มาช่วยกันดับ

ด้าน พ.ต.อ.สมชาย เมืองใย ผกก.สภ.พนมสารคาม กล่าวว่า เบื้องต้นสาเหตุคาดว่าเกิดจากไฟฟ้าลัดวงจร โดยประเมินมูลค่าความเสียหายไม่ต่ำกว่า 10 ล้านบาท อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ตำรวจจะทำการตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมกับเรียกผู้เห็นเหตุการณ์มาสอบปากคำอย่างละเอียดอีกครั้ง

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

“อุปกิต” มอบพระพุทธรูปโบราณกว่า 300 ปี คืนสปป.ลาว พร้อมรูปหล่อครูบาเจ้าศรีวิชัย หนุนโครงการเสนอชื่อบุคคลสำคัญยูเนสโก
เกษตรกรบ่อกุ้ง ยืนยัน "กากชา" ช่วยคุม "ปลาหมอคางดำ" ในบ่อได้จริง
บก.สส.ภ.2 จัดพิธีมงคล! "ผบก.สส.ภ.2" นำฉลองหอพระและหลวงพ่อโสธรจำลอง เสริมสิริมงคลตำรวจภาค 2
"เครือข่ายกัญชา" ยื่น 3 ข้อถึง “สมศักดิ์” ค้านนำกลับไปเป็นยาเสพติด ลั่นพร้อมปักหลัก จนกว่าจะได้คำตอบ
อุทยานแห่งชาติ หาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี นำร่องสแกนใบหน้าเข้าอ่าวมาหยา ดีเดย์ 15 ต.ค.นี้
ระทึก! สิงโตหลุดวิ่งตะครุบสามแม่ลูกที่ปากีสถาน
นักพนันหมดตัว เล่นคาสิโนปอยเปต จำนำพาสปอร์ต แอบลอบข้ามแดนกลับไทย
"แม่ทัพภาคที่ 2" ย้ำคำเดิมถ้าเขมรลั่นกระสุนมา พร้อมยิงโต้กลับ ลั่นเมื่อรัฐบาลสั่งพร้อมลุย ล้อมรั้ว "ปราสาทตาเมือนธม" ทันที
‘ศบ.ทก.’​ กำหนดมาตรการผ่อนผันแรงงานต่างด้าว เข้าทำงานไทย ย้ำส่งหนังสือถึงเลขาฯ UN แล้ว แจงข้อเท็จจริงปมเขมรฟ้องศาลโลก
เก็งข้อสอบ "สว.ทหาร" รอซักนายกฯ ปมขัดแย้งชายแดนไทย-เขมร

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น