วันที่ 26 ตุลาคม 2564 ที่ผ่านมา ผู้สื่อข่าวรายงานว่ามีผู้ใช้ Tiktok ชื่อ @evezi_yummy ได้เผยแพร่คลิป เป็นภาพเหตุการณ์วินาทีที่ช้างป่าเขาใหญ่ ที่หลายคนมักรู้จักกันในชื่อ “พี่ดื้อ” ที่ได้วิ่งมาทับรถเก๋งสีแดงของนักท่องเที่ยว ท่ามกลางความแตกตื่นของผู้คนที่อยู่ในเหตุการณ์ จากกรณีมีคลิปนาทีระทึกช้างป่าเขาใหญ่ ชื่อพลายดื้อ เป็นช้างเพศผู้ ที่เคยทำร้ายคนเสียชีวิตมาแล้ว ซึ่งเป็นช้างป่าที่เคยถูกยิงยาสลบแล้วจับติดปลอกคอ ถือเป็นช้างป่าที่มีชื่อเสียงเลื่องลือเรื่องความอันตรายที่สุดตัวหนึ่งของอุทยานแห่งชาติ เขาใหญ่ ลักษณะใบหูตั้งหางชี้ ตกมัน ที่กำลังวิ่งเข้าใส่รถ นายเชลงพล แสงเกตุวนาวิจิตร เจ้าของรถ nissan juke สีแดง ขณะขับมาตามทางได้เจอช้างป่าเดินอยู่ช่องทางโค้งก่อนถึงลานกางเต็นท์ลำตะคอง บริเวณสามแยก ถนนธนะรัชต์ เส้นปากช่อง-เขาใหญ่
เตือน! นักท่องเที่ยวระวังช้างป่าตกมันเดินบนเขาใหญ่ “เจ้าพลายดื้อ” ทำร้ายรถนักท่องเที่ยวโชคดีเจ้าของรอดปาฏิหาริย์
- เผยแพร่ : 27/10/2022 09:43
กดติดตาม TOP NEWS
นางสาวธันยธร เทวชู (อีฟ) เจ้าของคลิป เล่าว่า ตนได้เดินทางมาจากจังหวัดชุมพรกับแฟนสองคน เพื่อมาเที่ยวที่อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ และไม่คิดว่าจะเจอกับตัวเอง ขณะขับรถอยู่บนอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่อยู่นั้น จู่ๆมีช้างตัวหนึ่งเดินอยู่ริมถนน ตนรู้สึกตกใจและได้หยิบมือถือขึ้นมาถ่าย ในระหว่างถ่ายอยู่นั้นช้างก็ได้วิ่งเข้ามาหารถตนกับแฟนซึ่งจอดรถอยู่ ตนกับแฟนก็ตกใจได้เปิดประตูรถวิ่งหนีสุดชีวิตเรียกให้คนช่วย ในระหว่างวิ่งอยู่นั้นตนได้วิ่งหกล้ม และหันไปมองช้าง ช้างก็ได้หยุด และเดินหันกลับไปทำร้ายรถของตนและนั่งทับรถพังยับและได้ใช้งวงฟาดไปฟาดมาทำให้รถเสียหายดังกล่าว นางสาวธันยธร ยังเล่าอีกว่า ถ้าไม่วิ่งออกจากรถอาจเกิดอันตรายถึงชีวิตได้ ในขณะเดียวกันทางเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ได้เข้ามาผลัดดันช้าง พยายามประคับประคองไม่ให้พี่ดื้อเดินไปในที่จุดที่คนอยู่มาก ขณะผลัดดันไล่ช้างอยู่นั้น ช้างตัวดังกล่าวก็ได้วิ่งไล่เจ้าหน้าที่และได้ใช้งาแทงเข้าที่กระจกรถเจ้าหน้าที่ได้รับความเสียหาย แต่โชคดีไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต
ทั้งนี้ทางด้านเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ฝากเตือนถึงนักท่องเที่ยว ช้างทุกตัวไม่ได้ใจดีอย่างที่คิด หากพบช้างให้ตั้งสติ ห้ามบีบแตร ห้ามดับเครื่องยนต์ และห้ามลงจากรถ ตั้งสติหาทางกลับรถหนี หรือหาจังหวะ ขับรถสวนช้างไปเลย และเมื่อพบช้างป่าอยู่ริมถนน หากไม่มีเจ้าหน้าที่ดูแล อย่าขับรถเข้าไปใกล้ ให้อยู่ห่างอย่างน้อย 50 เมตร เพื่อความปลอดภัย
ภาพ/ข่าว อภิรักษ์ ศรีอัศวิน ผู้สื่อข่าวภูมิภาคประจำ จ.นครราชสีมา
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
-