สำนักพุทธฯ เตือน พระสงฆ์ห้ามยุ่งเกี่ยวการเมือง แนะหากมีแนวคิดอยากออกมาร่วม ให้ลาสิกขาก่อน

การชุมนุมแต่ละครั้ง หลายคนจะพบเห็นว่า มีพระได้ออกมาร่วมชุมนุมกลุ่มราษฎร และอีกหลายกลุ่ม ซึ่งหลายคนสงสัยว่าการที่พระมาร่วมม็อบได้หรือไม่ ล่าสุด สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เผยรู้ตัวพระร่วมการชุมนุมแล้ว พร้อมขอเตือน มีสติไตร่ตรอง หากอยากร่วมชุมนุมแนะให้ลาสิขาก่อน

นายสิปป์ แก้วงาม ผู้ตรวจราชการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ชี้แจงผ่านทางวิดีโอคอลกับทางทีมข่าวท็อปนิวส์ ถึงกรณีที่มีพระสงฆ์ออกมาร่วมการชุมนุม ทั้งที่ก่อนหน้านี้มหาเถรสมาคมได้ออกมาย้ำถึงคำสั่งเรื่อง ห้ามพระภิกษุสามเณรเกี่ยวข้องกับการเมือง ปี 2538 โดยกล่าวถึงพระสงฆ์ที่ออกมาร่วมการชุมนุมเมื่อวาน ที่สำนักงานอัยการกรุงเทพใต้ และหมู่บ้านทะลุฟ้าข้างทำเนียบรัฐบาลนั้น เป็นพระคนละกลุ่มกันกับพระที่เคยออกมาร่วมชุมนุม ซึ่งทางสำนักพุทธฯ ได้มีการประสานความร่วมมือกันทั้งด้านข่าวสาร และวิธีดำเนินการ ภายใต้การกำกับการของนายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีว่าการประจำสำนักนายกฯ กำกับดูแลสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ โดยพบว่าชื่อพระที่เข้าร่วมการชุมนุมมีชื่อว่า “พระพนมกร” ซึ่งประจำอยู่ที่วัด จังหวัดสุรินทร์ และเป็นพระนักบวช ที่มาจากสันติอโศก ซึ่งแนวทางการปฏิบัติของคณะสงฆ์ ขณะนี้ก็ยู่ระหว่างดำเนินการเรียกตัวกลับต้นสังกัด ตามขั้นตอน

ขณะเดียวกัน นายสิปป์ ยังกล่าวถึงมาตราการลงโทษกับพระที่มาร่วมการชุมนุมว่าจะมีบทลงโทษอยู่หลายระดับ โดยเริ่มตั้งแต่การว่ากล่าวตักเตือนไปจนถึงการขับไล่ออกจากวัด จนในที่สุดกลายเป็นพระจร ไม่มีต้นสังกัด จากนั้นทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติจะเป็นผู้ดำเนินการเอาผิดตามกฏหมาย
นอกจากนี้ ทางสำนักพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ดังกล่าวฝากเตือนไปยังพระสงฆ์รูปอื่น ควรมีสติแห่งธรรม ใช้สติไต่ตรองให้ดีก่อน และขอให้มีการพิจารณาถึงความเสียหายความเสื่อมเสียที่จะเกิดขึ้นของคณะสงฆ์ ที่อาจส่งผลกระทบในวงกว้างต่อพระพุทธศาสนา แต่หากมีแนวคิดอยากจะออกมาร่วมชุมนุมแนะนำให้ลาสิกขา ตามขั้นตอนของพระพุทธศาสนาก่อนค่อยเข้าร่วมการชุมนุม

ขณะที่ พระครูโกมุทสิทธิกาฐ เจ้าอาวาสวัดโกมุทพุทธรังสี เขตทวีวัฒนา เจ้าสำนักปฏิบัติธรรม แหล่งที่ 44 กรุงเทพมหานคร ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นว่า การที่มีพระสงฆ์ออกมาร่วมชุมนุมนั้นตามแนวทางปฏิบัติแล้วไม่ใช่วัฒนธรรม หรือเป็นกิจของพระสงฆ์ ซึ่งจะผิดวินัยสงฆ์ แต่ถือว่ายังไม่ถึงขั้นร้ายแรง แต่จะเข้าข่ายผิด สมณสารูป หรือ ผิดความประพฤติอันสมควรแก่สมณะ ถือว่ามีความเสื่อมเสียต่อพระพุทธศาสนาไทย เพราะ ความเป็นสมณะสงฆ์จะต้องมีความสงบนิ่ง และต้องปฏิบัติตนตามกฎระเบียบของพระสงฆ์ มิเช่นนั้นอาจเข้าข่ายโลกะวัชชะ หรือ โลกติเตียน ซึ่งอาจส่งผลให้ประชาชนเกิดความรู้สึกหมดความเลื่อมใสต่อตัวพระสงฆ์ได้ แต่สำหรับพระสงฆ์ของวัดโกมุทพุทธรังสีแล้วนั้น จะไม่อนุญาตให้ไปร่วมการชุมนุมหรือเดินขบวนกับกลุ่มใดทางการเมือง หากพบเห็นก็จะมีการนิมนต์มาเพื่อทำการลาสิขา หรือ ให้โยกย้ายไปสังกัดที่อื่นโดยทันที

นอกจากนี้ พระครูโกมุทสิทธิกาฐ ยังฝากเตือนอีกว่า ใครที่ไม่ใช่พระ และแต่งกายคล้ายพระสงฆ์ก็ถือว่าเป็นเพราะปลอม และยิ่งหากพบว่า เป็นพระปลอมที่ไปร่วมชุมนุมด้วยก็ถือว่าผิดวินัยสงฆ์ต้องทำการลาสิกขาบทและมีความผิดตามกฎหมายด้วย

ข่าวที่น่าสนใจ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

"กรมชลฯ" เตือน 11 จังหวัดลุ่มเจ้าพระยา เฝ้าระวังน้ำล้นตลิ่ง หลังเพิ่มระบายน้ำเขื่อนเจ้าพระยามากกว่า 2,700 ลบ.ม./วินาที
“พล.ท.นันทเดช” แนะทำ 3 ข้อ ก่อนถึงวันปล่อยตัว "18 เชลยศึก" เตือนเขมรไว้ใจได้ยาก ต้องคิดทำรอบคอบ ไม่ให้ไทยเสียเปรียบ
ชายวัย 56 คลุ้มคลั่ง ขับรถพุ่งชนกำแพงบ้าน อ.บ้านหลวง – ไร้เจ็บ
สทนช. ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์น้ำเขื่อนภูมิพล เตรียมตั้งรับพายุ “คัลแมกี”
นครสวรรค์ น่าห่วง!! ระดับน้ำเพิ่มสูง​ขึ้น​อย่างรวดเร็ว​ หลังจากเขื่อนตอนบนเร่งระบายน้ำ
"สหรัฐ" ออกลายขยายอำนาจ ประกาศยกเลิกห้ามขายอาวุธให้กัมพูชา อ้างร่วมมือสร้างสันติภาพ

ดู LIVE รายการ

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น​