ตำรวจ-อย.บุกทลายเครือข่ายคอลเซ็นเตอร์ หลอกขายผลิตภัณฑ์สุขภาพ

ตำรวจสอบสวนกลาง ร่วม อย.เข้าถลายเครือข่าย call center ลวงโลก สร้างข้อมูลเท็จหลอกขายผลิตภัณฑ์สุขภาพ พบเงินหมุนเวียนกว่า 600 ล้านบาท

ตำรวจสอบสวนกลาง พร้อมด้วยเจ้าหน้าสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา ได้เข้าจับกุม เครือข่าย call center สร้างข้อมูลเท็จหลอกขายผลิตภัณฑ์สุขภาพ แอบอ้างบุคคลผู้มีชื่อเสียง เป็นเหตุให้ผู้บริโภคหลงเชื่อในสรรพคุณของสินค้า

การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจาก เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 2565 ที่ผ่านมา ได้มีดีเจสาวชื่อดัง (ขอสงวนนาม) มาแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน กก.4 บก.ปคบ. ว่าพบเพจเฟซบุ๊กชื่อ Center for the health of the nation ได้นำรูปถ่ายของตนจากแอปพลิเคชันอินสตาแกรมส่วนตัว ไปทำการโฆษณาขายผลิตภัณฑ์ลดน้ำหนัก Efferin โดยที่ตนเองไม่ได้มีส่วนรู้เห็นหรือเกี่ยวข้องกับการกระทำดังกล่าว จึงได้มาแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน

ข่าวที่น่าสนใจ

จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ทำการสืบสวนอย่างต่อเนื่องจนทราบว่า บริษัทของกลุ่มผู้ต้องหาเป็นผู้ดำเนินการโฆษณาและจัดจำหน่ายสินค้าดังกล่าว อีกทั้งยังพบว่าบริษัทดังกล่าวยังมีการโฆษณาโดยใช้ข้อความอันเป็นเท็จเพื่อหลอกลวงผู้บริโภค และจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์สุขภาพอื่นที่ผิดกฎหมายอีกจำนวนหลายรายการ มีทั้งเครื่องสำอาง และอาหารเสริมต่างๆ หลายรายการ ผ่านเว็บไซต์

โดยบริษัทดังกล่าวจะมีการใช้ข้อความอันเป็นเท็จในการโฆษณาขายสินค้า, มีการตัดต่อรูปภาพบุคคลที่มีชื่อเสียง, แพทย์หรือสถานพยาบาลชื่อดัง มาใช้ประกอบกรโฆษณา และมีกรจัดทำผู้ซื้อสินค้าและผู้รีวิวการใช้ปลอมขึ้น เพื่อหลอกหลวงผู้บริโภคให้หลงเชื่อในสรรพคุณของสินค้า เช่น เครื่องสำอาง Havita (สำหรับปลูกผม) มีการตัดต่อภาพของ คุณกิตติ สิงหาปัด ในรายการข่าว 3 มิติ มาใช้ประกอบการโฆษณา และมีการใช้ข้อความอันเป็นเท็จบรรยายสรรพคุณเกินจริง

จนมีผู้บริโภคหลงเชื่อสั่งซื้อผ่านเว็บไซต์ ภายหลังจากที่ผู้บริโภคได้ใช้สินค้าเพื่อสุขภาพดังกล่าว ก็พบว่าสินค้าตังกล่าวมิได้มีสรรพคุณตามที่โฆษณาหลอกลวงไว้แต่อย่างใด

ซึ่งการจับกุมครั้งนี้ ตำรวจจับกุมผู้ต้องหารได้ 4 ราย คือ นายมนัสศิริ / นายพิศิษฐ์ / นายธิติพัทธ์ / น.ส.อิสรีย์ (ขอสงวนนามสกุล) ซึ่งเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับ

โดยผู้ต้องหาทั้ง 4 ราย ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา แต่ให้การรับว่า บริษัทประกอบกิจการเกี่ยวกับการจำหน่ายผลิตภัณฑ์สุขภาพในลักษณะ Call Center ผ่านทางช่องทางออนไลน์ โดยมี นายธิติพัทธ์ฯ ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้น มีหน้าที่ให้การบริหารจัดการดูแลบริษัท และ น.ส.อิสรีย์ฯ ซึ่งเป็นน้องสาวของนายธิติพัทธ์ มีหน้าที่ให้การดูแลด้านการเงินของบริษัท

จากการตรวจสอบ พบว่าบริษัทดังกล่าวมีเงินหมุนเวียนทั้งสิ้นมากกว่า 660 ล้านบาท เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้คุมตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางส่งดำเนินคดีต่อไป

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

“สรรเพชญ” ย้ำไม่เปลี่ยนจุดยืน ยึดมั่นอุดมการณ์เดิม ไม่ขอร่วมค้ำอำนาจรัฐบาล “แพทองธาร”
การเคหะแห่งชาติ ผุดแคมเปญ “ฉลองครึ่งปีทอง กับการเคหะแห่งชาติ 2568”
"กัมพูชา" ยอมรับแล้ว เหตุปิดจุดผ่อนปรนช่องอานม้า ประท้วงไทยปรับเวลาก่อน ขู่ซ้ำต้องกลับมาเปิด-ปิดด่าน ให้เป็นปกติ
สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เข้ารับรางวัลชนะเลิศอันดับ 1 ของโลก ในการประกวดเวทีออสการ์อาหารโลก ปี 67
ศน. จัดโครงการเข้าวัดปฏิบัติธรรมวันธรรมสวนะ “ศรัทธาอิ่มบุญ อุดหนุนชุมชน ทำบุญตักบาตร ยลวิถีลาวเวียง” ส่งเสริมชุมชน–น้อมธรรมสู่ชีวิต
"ปชป." ประชุม 3 ชั่วโมง ไม่มีคำตอบชัด ๆ ให้รอแถลงการณ์ ลายลักษณ์อักษร หลังเจรจาเพื่อไทย
เริ่มแล้วที่แรก! จ.ลำพูน กิจกรรมขยายผลภูมิปัญญาศิลปินสู่การพัฒนาอาชีพ ระดับภูมิภาค 70 พรรษา สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า “ศิลปินสร้างศิลปิน”
“พีระพันธุ์” อุบมติรทสช. ขอคุย “แพทองธาร” เรื่องที่เกิดขึ้นก่อน ผุดไอเดีย “ชัยเกษม” นั่งนายกฯแทน
GLO จัด "Kid Dee Roadshow" เสริมเกราะใจไซเบอร์ให้เยาวชนใต้ รู้เท่าทันภัยพนันออนไลน์
“ภราดร” เข้ากราบลา “วันนอร์” หลังลาออก รองประธานสภาฯ คนที่ 2 ขอบคุณไว้วางใจ นับเป็นเกียรติได้ทำหน้าที่

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น