No data was found

“พิสิฐ” เสนอ ก.แรงงานเป็นแนวร่วมสอง ต่อสู้กับโควิด

กดติดตาม TOP NEWS

ดร.พิสิฐ เสนอให้กระทรวงแรงงานเป็นแนวร่วมที่สองช่วยประชาชนตกงาน  ขาดรายได้ ในการต่อสู้กับวิกฤตโควิด

วันที่ 15 ก.ค.- เมื่อวานนี้ ( 14ก.ค.) คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พรบ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2565 ได้พิจารณางบประมาณในส่วนของกระทรวงแรงงานร่วมกับปลัดกระทรวงแรงงาน โดย ดร.พิสิฐ ลี้อาธรรม ในฐานะรองประธานกรรมาธิการ ได้แสดงความเห็นว่า ในวิกฤตโควิดทั่วโลกขณะนี้ กระทรวงสาธารณสุขย่อมเป็นแนวหน้าในการแก้วิกฤตกับคนป่วย แต่กระทรวงแรงงานควรเป็นแนวสองในการแก้ผลที่ตามมาจากการที่ประชาชนตกงานหรือขาดรายได้ ซึ่งประเทศต่าง ๆ จะมีมาตรการเยียวยาแรงงานโดยตรงเพื่อไม่ให้นายจ้างปลดลูกจ้างด้วยการให้งบประมาณสนับสนุน

 

ดร.พิสิฐ กล่าวว่า แต่ในกรณีของไทยน่าเสียดายที่กระทรวงแรงงานกลับไม่ได้ active มากนัก แถมงบประมาณ 2565 ถูกปรับลดลง จาก 6.9 หมื่นล้านบาทเหลือ 4.9 หมื่นล้าน หากแยกส่วนของประกันสังคมที่ถูกปรับลดลงมากจาก 6.4 หมื่นล้านบาทเหลือ 4.5 หมื่นล้านบาทก็ยังถูกปรับลดลง 500 ล้านบาท ขณะเดียวกัน งบเงินกู้จากพระราชกำหนด 2 ฉบับที่ใช้เงินรวม 1.5 ล้านล้านบาท ก็ไม่ปรากฎมีงบช่วยแรงงานที่ถูกกระทบโดยตรง คงเป็นงบที่แจกเป็นการทั่วไปต่างจากประเทศในยุโรปที่มีการอุดหนุนให้นายจ้างเก็บคนงานไว้ ประเทศเหล่านี้ถือว่าการรักษาการจ้างงานเป็นเป้าหมายเศรษฐกิจที่สำคัญ เหตุผลหนึ่งที่เรายังไม่ได้ทำอาจเป็นเพราะข้อมูลของแรงงานโดยเฉพาะนอกระบบยังไม่ได้เก็บอย่างเป็นระบบที่มาใช้การได้

.

ดร.พิสิฐ กล่าวอีกว่า ดังนั้นจึงเสนอให้กระทรวงใช้วิกฤตนี้เป็นโอกาสในการจัดเก็บข้อมูลแรงงานให้สมบูรณ์ เพื่อให้คนไทยทุกคนได้รับหลักประกันจากการดูแลของรัฐ โดยเฉพาะให้แรงงานนอกระบบเข้าระบบประกันสังคมอย่างถ้วนหน้า โดยอาจจะร่วมมือกับสำนักงานสถิติแห่งชาติ ที่กำลังจะจัดทำสำมะโนประชากร ส่วนที่กรมการจัดหางาน ตั้งเป้าส่งแรงงานไปต่างประเทศถึง 1 แสนคนต่อปีนั้น ตนไม่เห็นด้วย เพราะเศรษฐกิจไทยกำลังขาดแคลนแรงงาน ตามประชากรไทยที่ลดลง การลงทุนที่ถดถอยทุกวันนี้ส่วนหนึ่งมาจากความไม่สามารถหาแรงงานได้  ซึ่งฟิลิปปินส์เป็นตัวอย่างที่มุ่งส่งแรงงานไปต่างประเทศ แต่เศรษฐกิจภายในประเทศกลับถูกทอดทิ้ง ตรงกันข้ามเราควรชักชวนแรงงานไทยที่อยู่ในต่างประเทศ จำนวน 2 แสนคนให้กลับมาพัฒนาประเทศ

 

ดร.พิสิฐ กล่าวต่อว่า สำหรับแรงงานต่างด้าว ขอให้กระทรวงทบทวนสิทธิประโยชน์ชราภาพที่ยังให้เงินเลี้ยงดูตลอดชีวิตหลังเกษียณ ทั้งที่คนงานไทยที่อยู่นอกระบบยังไม่ได้สิทธิ รวมทั้งเสนอให้มีการสังคายนาระบบประกันสังคมด้านชราภาพให้มีความยั่งยืนโดยแยกหน่วยบริหารการเงินลงทุนให้เป็นอิสระคล้าย กบข. และปรับเปลี่ยนจากระบบกองทุนแบบกำหนดประโยชน์ทดแทน (defined benefit) ในปัจจุบันเป็นระบบกำหนดเงินสมทบ (defined contribution)

 

ข่าวที่น่าสนใจ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

เจอตัวแล้ว "แม่ใจร้าย" คลอดลูกทิ้งในห้องน้ำสาธารณะ ย่านบางกะปิ อ้างตั้งครรภ์ไม่พร้อม
นักเรียนเฮ "โรงเรียนดังโคราช" ให้อิสระ LGBTQ+ ไว้ผมยาวเหมือนผู้หญิงได้
อากาศสุดแย่ 39 จว.จมฝุ่นพิษ "เชียงใหม่" ไม่คลี่คลาย อากาศแย่อันดับ 4 ของโลก
"ดร.ธรณ์" เผยน้ำทะเลไทยร้อนที่สุด ตั้งแต่เคยตรวจวัดมา ทำลายสถิติในรอบ 40 ปี
สาวเปิดบ้านรับจัดฟันเถื่อน ลวดดัด ยางเชน อุปกรณ์แฟชั่นมีครบ สอบสวนกลาง ตามรวบ
อาลัย "ปันปัน" นักแสดงบท "เจ๊แชมเปญ" แห่งไดอารี่ตุ๊ดซี่ส์ เสียชีวิตแล้ว
ระทมทุกข์ "ปลาบึงละหาน" ลอยเน่าตายเกลื่อนกว่า 24 ตัน หลังโดนพายุถล่ม
รอมา 5 ปี ยังไม่เห็นเทป สัมภาษณ์ "ธนาธร" ฟุ้งสื่อ ออกอากาศ NBC
หดหู่ใจ พ่อป่วยซึมเศร้า ไลฟ์สดตัดพ้อชีวิต ก่อนพาลูกสาววัย 1 ขวบ ขับรถดิ่งแม่น้ำ
"ดร.สามารถ" ฝาก 4 ข้อเร่งทำ ถ้าไม่อยากเห็นกทม.เป็นเมืองคนตกท่อซ้ำซาก

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น