เมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 2565 ณ ห้องประชุมชั้น 4 สภาทนายความในพระบรมราชูปถัมภ์ โดยว่าที่ร้อยตรี ดร.ถวัลย์ รุยาพร นายกสภาทนายความในพระบรมราชูปถัมภ์ พร้อมด้วย นายเกียรติศักดิ์ เหลืองอังกูร อุปนายกฝ่ายช่วยเหลือประชาชนทางกฎหมาย, นายวิทยา ทองกุ้ง อุปนายกฝ่ายสวัสดิการและสิทธิประโยชน์, นายสมศักดิ์ อัจจิกุล นายทะเบียนและกรรมการประชาสัมพันธ์ และนายอนุพร อรุณรัตน์ ที่ปรึกษานายกสภาทนายความ ร่วมหารือกับ ผศ.(พิเศษ) ดร.วิระศักดิ์ ฮาดดา นายกสมาคมองค์การบริหารส่วนตำบลแห่งประเทศไทย พร้อมด้วยนายชัชวาลล์ คงอุดม ประธานที่ปรึกษาสมาคมองค์การบริหารส่วนตำบลแห่งประเทศไทยและหัวหน้าพรรคพลังท้องถิ่นไท ผู้สนับสนุนโครงการ และดร.ประสพโชค นิ่มเรือง ที่ปรึกษานายกสมาคม อบต. รองหัวหน้าพรรคพลังท้องถิ่นไท ร่วมหารือแนวทางในการทำงานเพื่อช่วยเหลือประชาชนด้านกฎหมายที่พบว่าเป็นปัญหาสำคัญของคนไทยในท้องถิ่น ที่ไม่มีความรู้เรื่องกฎหมายอย่างแท้จริง เมื่อเกิดปัญหาขึ้นก็ไม่ทราบถึงทางออก ถูกเอารัดเอาเปรียบ จนทำให้เป็นปัญหาครอบครัวสู่ปัญหาใหญ่ทางสังคม
พร้อมกันนี้ ได้ร่วมกันลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือส่งเสริมความรู้ทางกฏหมาย ระหว่างหน่วยงานและดำเนินการโครงการให้ความช่วยเหลือแก่ประชาชนประจำองค์การบริหารส่วนตำบล
ทั้งนี้สืบเนื่องจากนายอนุพร อรุณรัตน์ ที่ปรึกษานายกสภาทนายความ ผู้สมัครนายกสภาทนายความและคณะ โดยนายณรงค์ ปานสุวรรณ กรรมการสภาทนายความ จังหวัดสมุทรปราการ ได้เป็นผู้ริเริ่มประสานความร่วมมือในโครงการทนายความอาสาประจำอบต. เนื่องจากเล็งเห็นความสำคัญ จึงประสานความร่วมมือจากทั้งทางสภาทนายความฯและสมาคมองค์การบริหารส่วนตำบลแห่งประเทศไทย เข้าร่วมหาแนวทางในการทำงานร่วมกันในครั้งนี้ จนบรรลุถึงความร่วมมือระหว่างกัน ที่มุ่งจะทำงานเพื่อให้การช่วยเหลือประชาชนได้เข้าถึงที่ปรึกษาด้านกฎหมายให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ทั่วประเทศไทย
นายอนุพร ระบุว่า สิ่งสำคัญในวันนี้คือพบปัญหาว่า ประชาชนรากหญ้าไม่สามารถเข้าถึงกฎหมายและการยุติธรรมรวมทั้งไม่มีความรู้ด้านกฎหมาย ถือเป็นความเหลื่อมล้ำที่รุนแรงและร้ายกาจที่สุด วันนี้สภาทนายความจะเข้าไปช่วยเหลือเกื้อกูลและให้คำแนะนำด้านกฎหมายแก่ประชาชน ได้สามารถเข้าถึงความเป็นธรรม ความยุติธรรมของบ้านเมืองได้ ซึ่งการทำ MOU กับสมาคมอบต.แห่งประเทศไทยที่มีอยู่กว่า 5,300 แห่ง สภาทนายความมีจำนวนทนายความกว่า 90,000 คน เพียงพอและพร้อมที่จะทำงานสนับสนุนช่วยเหลือประชาชนให้เข้าถึงความเป็นธรรม เข้าถึงกฎหมาย ลดความเหลื่อมล้ำในสังคมได้ทันที
ทั้งนี้ ต้องเพิ่มการอบรมความรู้กฎหมายใหม่ และเพิ่มความเชี่ยวชาญในกฎหมายแต่ละด้านให้กับทนายความของเราให้เชี่ยวชาญและรู้ลึกรู้กว้าง ในด้านต่าง ๆ อาทิ กฎหมายปกครอง กฎหมายใหม่ให้ ได้ใช้บริหารจัดการและแก้ปัญหา ในลักษณะของ ทนายความมีนิติทัศนะ โดยตนเองพร้อมสานต่อโครงการทั้งหมดให้เกิดความต่อเนื่องเมื่อได้เข้ามาทำหน้าที่นายกสภาทนายความในสมัยหน้าต่อไป
“ประเทศชาติจะพัฒนา เมื่อประชา มีโอกาสเข้าถึงตัวแทนและที่ปรึกษาทางกฎหมาย เป็นสาระสำคัญอันดับแรกไม่ใช่ค่าตอบแทนหรือรางวัลใด ๆ” นายอนุพรย้ำ
ขณะที่ส่าที่ร้อยตรี ดร.ถวัลย์ กล่าวว่า วันนี้ถือเป็นนิมิตหมายที่ดีได้ร่วมมือกันช่วยเหลือประชาชน ให้คำปรึกษาด้านกฎหมาย แก่ผู้บริหารองค์การบริหารส่วนตำบลทั่วประเทศ รวมถึงประชาชนในพื้นที่ สภาทนายความมีความยินดีที่จะสนับสนุนและช่วยเหลือสมาคมอบต.รวมถึงประชาชนได้เข้าถึงโอกาสทางกฏหมายได้มากยิ่งขึ้น
ด้านนายชัชวาลล์ กล่าวว่า มีความมุ่งมั่นในการช่วยเหลือประเทศชาติเสมอมา จึงเข้ามาร่วมสนับสนุนโครงการกฎหมายเพื่อประชาชนโครงการนี้ เพราะเล็งเห็นแล้วว่าสามารถเกิดประโยชน์กับประชาชนคนไทยอย่างแท้จริง เพราะในท้องถิ่นชาวบ้านมีปัญหาด้านกฎหมายจำนวนมาก ขณะเดียวกัน นายกสมาคมองค์การบริหารส่วนตำบลแห่งประเทศไทย กล่าวว่า วันนี้ถือเป็นฤกษ์ดีตรงกับวันรพี ที่จะได้ร่วมมือกับสภาทนายความ ให้มีที่ปรึกษาทางกฎหมายเข้าไปช่วยเหลือการบริหารองค์การบริหารส่วนตำบลกว่า 5,300 แห่ง
เมื่อได้ทำบันทึกความร่วมมือระหว่างกันแล้วเสร็จจะเริ่มโครงการจัดสรรทนายความอาสาเพื่อไปให้คำปรึกษาด้านกฎหมายแก่ประชาชนประจำองค์การบริหารส่วนตำบลทั่วประเทศได้ทันที โดยหลังจากนี้ จะขยายต่อไปยังสันนิบาตรเทศบาล กว่า 2,000 แห่งและองค์การบริหารส่วนจังหวัด 76 จังหวัดต่อไป
///
