กระทรวงการต่างประเทศของจีนระบุในแถลงการณ์ว่า จีนจะยุติการเจรจาเรื่องสภาพอากาศกับสหรัฐ เนื่องจากนางแนนซี่ เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ ไม่ใส่ใจการต่อต้านที่แข็งแกร่งของจีน โดยจีนและสหรัฐนั้น เป็น 2 ประเทศที่ปล่อยก๊าซคาร์บอนมากที่สุดในโลก ซึ่งพวกเขาได้ให้คำมั่นว่า จะทำงานร่วมกันเพื่อเร่งการดำเนินการด้านสภาพอากาศในช่วง 10 ปีนี้ และจะประชุมกันเป็นประจำเพื่อจัดการกับวิกฤตสภาพภูมิอากาศ สำหรับความร่วมมือนี้ นับเป็นสิ่งที่ยังเปิดกว้างสำหรับ 2 ประเทศนี้ ท่ามกลางความตึงเครียดในประเด็นอื่นๆเช่น เรื่องสิทธิมนุษยชน, การบังคับใช้แรงงาน, อธิปไตยของฮ่องกง-ไต้หวัน, และการค้า ที่ยังคงทวีความรุนแรงกันอยู่
นอกจากนี้ จีนยังจะระงับความร่วมมือกับสหรัฐ ในการเจรจาระหว่างผู้บัญชาการทหารระดับสูง, การส่งตัวผู้อพยพผิดกฎหมาย, ความช่วยเหลือด้านตุลาการ, อาชญากรรมข้ามชาติกลับประเทศ, ตลอดจนการดำเนินการต่อต้านยาเสพติดด้วย หลังจากที่ก่อนหน้าได้ประกาศคว่ำบาตรเพโลซีและครอบครัว เพื่อตอบโต้การกระทำที่ยั่วยุของเธอ
ด้านนายจอห์น เคอร์รี่ อดีตรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ ซึ่งปัจจุบันเป็นทูตพิเศษด้านสภาพอากาศของสหรัฐ ได้กล่าวตอบโต้เรื่องนี้ว่า ไม่มีประเทศใดควรระงับความก้าวหน้าในประเด็นข้ามชาติที่กำลังดำเนินอยู่ การระงับความร่วมมือไม่ได้ลงโทษสหรัฐ แต่เป็นการลงโทษโลก โดยเฉพาะประเทศกำลังพัฒนา ทั้งนี้ เคอร์รี่ได้ย้ำมาตลอดว่า สหรัฐและจีน สามารถแยกเรื่องการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ไว้เป็นเรื่องที่ทำงานร่วมกันได้ เนื่องจากเป็นเรื่องที่มีความสำคัญระดับโลก จึงไม่ควรเข้าไปพัวพันกับประเด็นที่ซับซ้อนอื่นๆ
ทั้งนี้ หลังจากที่เพโลซีได้เยือนไต้หวันช่วงกลางสัปดาห์ ท่ามกลางคำเตือนเด็ดขาดของจีน จีนก็ได้ทำการตอบโต้กลับการกระทำยั่วยุนี้ทันที ด้วยการประกาศซ้อมรบครั้งยิ่งใหญ่รอบไต้หวัน และยิงขีปนาวุธนำวิถี รวมถึงนำเครื่องบินขับไล่และเรือรบไปประจำการตามจุดต่างๆ ซึ่งบางจุดห่างจากชายฝั่งไต้หวันเพียง 20 กิโลเมตรเท่านั้น