ธนกร เผย 23ก.ค.โอนเงินเยียวยา 6 จว.

ทำเนียบฯ 8 ก.ค.- โฆษก ศบศ. เผย 23 ก.ค.โอนเงินเยียวยาครั้งแรก ให้กับกลุ่มแรงงาน และผู้ประกอบการด้านก่อสร้าง ที่พัก บริการด้านอาหาร ศิลปะ บันเทิง และผู้ประกันตนมาตรา 33 ในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด 6 จังหวัด

นายธนกร วังบุญคงชนะ เลขานุการรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะโฆษกประจำศูนย์บริหารสถานการณ์เศรษฐกิจจากผลกระทบจากการระบาดของโรคติเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบศ.) เปิดเผยว่า สำหรับการช่วยเหลือเยียวยาประชาชนหรือผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 นั้น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้ออกมาตรการช่วยเหลือประชาชนทุกกลุ่ม โดยล่าสุด ครม. เห็นชอบอนุมัติงบประมาณสำหรับชดเชยเร่งด่วน จำนวน 2,519.38 ล้านบาท เพื่อเยียวยากลุ่มแรงงานและผู้ประกอบการด้านก่อสร้าง ที่พัก บริการด้านอาหาร ศิลปะ บันเทิง และนันทนาการ และผู้ประกันตนมาตรา 33 ในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด 6 จังหวัด ที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการของรัฐในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด ถูกปิดกิจการชั่วคราว เป็นระยะเวลา 1 เดือน โดยเริ่มโอนเงินเยียวยาครั้งแรกภายในวันที่ 23 กรกฎาคมนี้ โดยโอนผ่านบัญชีพร้อมเพย์ (PromptPay) หากนายจ้างที่เป็นนิติบุคคล สำนักงานประกันสังคมจะโอนเข้าบัญชีเงินฝากตามที่นายจ้างแจ้ง หรือตามวิธีการอื่น ๆ ที่กระทรวงแรงงานกำหนด ส่วนกรณีนายจ้างที่ยังไม่ได้อยู่ในระบบประกันสังคม สามารถลงทะเบียนนายจ้างและขึ้นทะเบียนประกันสังคมรายใหม่ตั้งแต่บัดนี้จนถึงวันที่ 30 กรกฎาคม 2564 เพื่อเข้าสู่ระบบประกันสังคม และจะได้เข้าเงื่อนไขของการเยียวยาในครั้งนี้

นายธนกร กล่าวว่า ครม.ยังได้เห็นชอบมาตรการ “สินเชื่ออิ่มใจ” เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการร้านค้า เครื่องดื่ม ที่ได้รับผลกระทบระลอกใหม่ ให้มีสภาพคล่องที่สามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้ โดยธนาคารออมสินจะจัดสินเชื่อให้แก่ผู้ประกอบการร้านอาหารหรือเครื่องดื่มที่เป็นร้านจำหน่ายแบบถาวร เช่น ร้านอาหารในห้างสรรพสินค้า ภัตตาคาร อาคารพาณิชย์ ห้องแถวหรือร้านที่มีลักษณะเป็นบูธ ด้วยหลักเกณฑ์ที่ผ่อนปรนกว่าสินเชื่อปกติ วงเงินสินเชื่อต่อรายสูงสุด 100,000 บาท โดยไม่ต้องมีผู้ค้ำประกัน ดอกเบี้ย 3.99% ต่อปี (Effective Rate) ระยะเวลากู้ไม่เกิน 5 ปี ปลอดชำระเงินต้นและดอกเบี้ย 6 งวดแรก ซึ่งธนาคารออมสินจะเริ่มดำเนินการให้บริการสินเชื่อตั้งแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติให้ดำเนินโครงการจนถึงอนุมัติเต็มวงเงินสินเชื่อ 2,000 ล้านบาท หรือถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2564 ซึ่งเป็นวันสิ้นสุดระยะเวลาโครงการฯ

นายธนกร กล่าวอีกว่า 2 มาตรการดังกล่าวสามารถเยียวยาประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนได้จำนวนมาก โดยกลุ่มแรกมาตรการช่วยเหลือเร่งด่วน สามารถช่วยเหลือนายจ้างในระบบประกันสังคม 41,940 ราย ได้รับเงินเยียวยาในอัตรา 3,000 บาทต่อลูกจ้างหนึ่งคน สูงสุดไม่เกิน 200 คนต่อแห่ง และผู้ประกันตนตามมาตรา 33 จำนวน 663,916 ราย จะได้รับเงินเยียวยาในอัตรา 2,000 บาทต่อคนส่วนมาตรการสินเชื่ออิ่มใจจะช่วยเหลือผู้ประกอบร้านอาหาร/เครื่องดื่มได้ไม่น้อยกว่า 40,000 ราย เฉลี่ยรายละ 50,000 บาท ซึ่งช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของผู้ประกอบการจากที่ผู้บริโภคมีการหลีกเลี่ยงใช้บริการภายในร้านหรือเปลี่ยนพฤติกรรมจากการนั่งรับประทานอาหารที่ร้านเป็นการซื้ออาหารกลับบ้าน รวมทั้งที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการควบคุมแบบบูรณาการเร่งด่วนที่กำหนดให้ร้านอาหารหรือเครื่องดื่ม เปิดดำเนินการเฉพาะนำกลับไปบริโภคที่อื่น ให้สามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้ และป้องกันความเสี่ยงทางเศรษฐกิจที่อาจเกิดขึ้นได้ ทั้งนี้ ทางผู้ประกอบการ แรงงาน และประชาชน ยังฝากขอบคุณพล.อ.ประยุทธ์ที่ได้ช่วยเหลืออย่างเร่งด่วนด้วย

ข่าวที่น่าสนใจ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

สระแก้ว ผู้เสียหายแจ้งความ เจ๊ "ดารา เรียน" คนดังสาวกัมพูชาหัวใจไทย ข้อหายักยอกทรัพย์ ตำรวจเตรียมออกหมายจับ
สุดสลด หญิงไทยวัย 28 ปี เสียชีวิตปริศนาในปอยเปตรายที่ 2 ยังไม่ทราบสาเหตุ เตรียมส่งร่างชันสูตรนิติเวช รพ.ตร.
ทีเส็บสำรวจเส้นทางไมซ์ล้านนา "สัมผัสอารยธรรมล้ำค่าแห่งลำพูน"
“ธรรมนัส” ยันรายชื่อสมาชิกพรรค “กล้าธรรม” ของจริง โปร่งใส ตรวจสอบได้ ลั่นเปรียบเป็นต้นไม้ใหญ่ ไม่หวั่นถูกตรวจสอบ
ดีป้า จัดกิจกรรม AI Transformation Roadshow ครั้งที่ 2 จ.เชียงใหม่
สุโขทัย ฝนตกหนักติดต่อกัน 2 วัน ทำให้น้ำท่วม เผาศพไม่ได้ ซ้ำต้นไม่ล้มทับรถเสียหาย

ดู LIVE รายการ

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น​