เมื่อวันที่ 6 ก.ค. เวลา 20 .00 น. นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ เปิดเผยท็อปนิวส์ ว่า ในวันพรุ่งนี้( 7 ก.ค.64 ) ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทปราการ อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ รวมถึงผู้แทนจากบริษัทปิโตรเคมีแห่งชาติจะได้ร่วมหารือถึงการนำ สารออร์แกนิคเปอร์ออกไซด์ เข้ามาใช้ในการแก้ไขสถานการณ์โรงงานหมิงตี้ เคมิคอล ที่ยังมีควันปะทุขึ้น
“ขณะนี้ ไฟได้ยุติแต่สารเคมีอยู่ในพื้นที่ โดยในเช้าวันพรุ่งนี้ ผมได้หารือกับผู้ว่าฯ และผู้เชี่ยวชาญ ประสานกับบริษัทปิโตรเคมีแห่งชาติ เราจะใช้สารเคมีออร์แกนิคเปอร์ออกไซด์ ฉีดให้สารนี้แข็งตัว จะง่ายต่อการควบคุม ในการดับไฟง่ายขึ้น และติดไฟได้น้อยลง จะปลอดภัยกว่า” นายอรรถพล กล่าว
เหตุการณ์เมื่อตอนห้าโมงเย็น มีเพลิงลุกไหม้ขึ้นอีก อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ กล่าวว่า “ในเมื่อเราฉีดโฟมเลี้ยงอย่างนี้ตลอด ถ้าเราพลาด ควบคุมไม่ดี อากาศร้อน จุดวาร์ปไฟต่ำมาก 60 องศา ย่อมลุกไหม้อีก ฉะนั้นเราต้องแปรสภาพสารที่อยู่ในถัง การจะดูดน้ำมันออกมาข้างนอกก็ทำได้ยาก จึงต้องเอาสารเคมอีกสารหนึ่งให้มันแตกตัว กำลังหารืออยู่ประสานกับบริษัทปิโตรเคมีแห่งชาติ ที่มีสารประกอบตัวนี้อยู่เหมือนแปรสภาพจะกลายเป็นโฟม เป็นพลาสติก ติดไฟได้ยากขึ้น
กรณีฝนตกลงมาจะมีผลกระทบต่อประชาชนที่อยู่บริเวณใกล้เคียงหรือไม่ นายอรรถพล กล่าวว่า ถือว่า ช่วยลดความรุนแรงของไฟ แต่ไม่ได้ชำระสารเคมีออกไปมาก อยากให้ประชาชนฟังประกาศของจังหวัดที่จะชี้แจงเองว่าจะให้กลับบ้านเมื่อไหร่อย่างไร
อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ กล่าวว่า กรณีควันพิษ ก่อนมีปัญหาการไหม้ปะทุใหม่เมื่อตอนเย็นของวันที่ 6 ก.ค.64 กรมควบคุมมลพิษ ได้ตรวจสอบสภาพอากาศ พบว่า กลับมาดีเป็นปกติ ยกเว้น 1 กิโลเมตรที่เราพยายามอยากควบคุมไว้ก่อน มีค่าของสารระเหยที่บางครั้งเกินบ้างไม่เกินบ้าง แต่หลังจาก 17.00 น. มีปะทุมีควันขึ้นมา กรมควบคุมมลพิษจะเข้าไปตรวจสอบและประเมินอีกครั้งในวันพรุ่งนี้ แต่คาดว่าค่าของสารระเหยไม่น่าเยอะเท่าไหร่
อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ ยังได้กล่าวถึง เหตุเพลิงไหม้โรงงานน้ำหอม ภายในนิคมอุตสาหกรรมลาดกระบังว่า ผู้ว่า กทม. ลงพื้นที่ไปดูควบคุมสถานการณ์ด้วยตนเอง ซึ่งในส่วนของสารระเหยตระกูลหน้ำหอม เป็นสารอินทรีย์ระเหยง่าย ไฟลุกไว เห็นว่าสภาพที่เกิดขึ้นแบบนี้ ต้องปฏิรูปการอุตสาหกรมแล้ว ไม่ไหวแล้ว
อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ กล่าวว่า เนื่องจากสารอินทรีย์ระเหยง่าย ติดไฟ จะปลดปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ คาร์บอนมอนนอกออกไซด์ ถ้ามีวัตถุอย่างอื่นไหม้ไปด้วยจะมีซัลเฟอร์ไดออกไซด์ ส่วนสารอันตรายอื่นจะน้อยกว่าพวกกลุ่มสไตลีน เพราะฉะนั้น ถ้าเผาไหม้สมบูรณ์เหมือนเขม่าทั่วไป จะมีพีเอ็ม 2.5 เยอะหน่อย ส่วนสารก่อมะเร็งอาจมีบ้างประเภทเบนซิน แต่ปริมาณจะน้อยกว่าที่โรงงานงาน หมิงตี้เคมีคอล
ส่วนผลกระทบชาวบ้าน ที่ใกล้พื้นที่นิคมอุตสาหกรรมลาดกระบัง ในช่วงต้นได้รับผลกะทบเหมือนพื้นที่ซอยกิ่งแก้ว แต่ได้รับผลกระทบน้อยกว่า โดย ทางกทม.กันพื้นที่แล้ว ซึ่งหลังจากควบคุมเพลิงได้ ทางกรมควบคุมมลพิษจะได้ส่งชุดปฏิบัติการเข้าไปตรวจสอบสภาพอากาศพื้นที่ลาดกระบังในพรุ่งนี้ ว่า มีสารชนิดใดเล็ดลอดออกไปยังพื้นที่ภายนอกหรือไม่
“กรณีน้ำหอม ซึ่งมีส่วนผสมแอลกอฮอล์ จัดเป็นพวกเผาไหม้สมบูรณ์ พร้อมระเหยไปสู่อากาศรวดเร็วอยู่แล้ว ต่างกับ ประเภทสารตั้งต้นการผลิตเม็ดพลาสติกเหมือนกรณีโรงงานเม็ดพลาสติก “ อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ กล่าว
