เศรษฐกิจตกต่ำ การเมืองรุมเร้า ม็อบคัมแบ็ค

สารพัดมรสุมโหมกระหน่ำใส่ประยุทธ์  นานาปัญหาพุ่งตรงถึงรัฐบาล ผู้นำต้องแกร่งขนาดไหนถึงจะเอาอยู่ นับถอยหลัง ๑ ปีบิ๊กตู่สู้ไหวไหม    ผลพวงสงคราม “รัสเซีย-ยูเครน” ทำน้ำมันทะยานไม่หยุด ข้าวยากหมากแพง เงินเฟ้อพุ่ง  กนกวรรณติดคดีรุกป่า หรือจะถึงเวลาปรับครม.  กฎหมายลูกเลือกตั้งยังไม่สะเด็ดน้ำ  ฝ่ายค้านจ่ออภิปรายไม่ไว้วางใจ ๑๐ รัฐมนตรี  ชุมนุมคัมแบ๊คกลับมาป่วนบ้านทำลายเมือง เอาใจช่วยพล.อ.ประยุทธ์ผ่านสารพัดปัญหาพะเรอเกวียน ปลดทุกข์ให้คนไทยได้สำเร็จ  นำพาบ้านเมืองให้ก้าวไกลไปข้างหน้า  

ตลอดระยะเวลา ๗ ปี ๒๙๒ วัน  ของการทำหน้าที่นายกฯคนที่ ๒๙  นับตั้งแต่ได้ขึ้นเป็นผู้นำประเทศเมื่อ ๒๔ ส.ค. ๒๕๕๗  จนถึงวันนี้ (๑๔ มิ.ย.๒๕๖๕ )  “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กำลังอยู่ในช่วงการเป็นนายกฯเทอมสองปีสุดท้าย  หลังรับสนองพระบรมราชโองการเมื่อ ๑๑ มิ.ย.๒๕๖๒  ต้องบอกว่าระหว่างทางการเป็นผู้นำประเทศของบิ๊กตู่ถ้านับตั้งแต่ตอนเข้ามาควบคุมอำนาจบริหารประเทศตั้งแต่ ๒๒ พ.ค. ๒๕๕๗  บนถนนและทางเดินไม่เคยโรยด้วยกลีบกุหลาบเพราะผ่านอุปสรรคมานับครั้งไม่ถ้วน แต่ที่มาหนักสุดๆเห็นจะเป็นช่วงยุคที่เป็นนายกฯสมัยสองนี้แหละ  ต้นปี ๒๕๖๓ ก็สถานการณ์แพร่ระบาดโรคโควิด – ๑๙ ในประเทศไทย  จวบจนวันนี้มีคนไทยติดโควิด- ๑๙ ไปแล้วราว ๔,๔๘๘,๔๙๗ ล้านคน เสียชีวิตไปแล้วทั้งสิ้น ๓๐,๓๖๘ คน  เกือบ ๒ ปีเศษที่ต่อสู้กับโคตรมหันตภัยร้ายที่คร่าชีวิตผู้คนบนโลกนี้ไปกว่า ๖,๓๓๒,๔๘๒ ราย  ติดเชื้อทั่วโลกกว่า ๕๔๑ ล้านคน ( ข้อมูล ณ วันที่ ๑๔ มิ.ย. ๒๕๖๕)  พอสถานการณ์โควิด-๑๙ ในประเทศไทยทำท่าจะดีขึ้น  คนติดเชื้อน้อยลงคนเจ็บคนตายค่อยๆดีขึ้นเมืองไทยกำลังเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยว  ปรากฎวันเคราะห์ซ้ำกรรมซัดอีกเพราะรัสเซียดันเปิดปฏิบัติการรุกคืบรุกรานยูเครนเมื่อ ๒๔ ก.พ.๒๕๖๕  ก่อนจะพัฒนาการรบจนกลายเป็นการเปิดสงครามระหว่างทั้ง ๒ ประเทศ จากวันนั้นจนถึงวันนี้เกือบ ๔ เดือนแล้วสถานการณ์การสู้รบก็ยังไม่ทีท่าว่าจะดีขึ้นไม่รู้จะไปจบตรงไหนจะไปออกทางใด

ผลพวงจากการประกาศสงครามของรัสเซียต่อยูเครน  นอกจากจะทำให้เศรษฐกิจของโลกที่กำลังตกต่ำดำดิ่งสุดขั้วอยู่แล้วจากพิษของโควิด-๑๙ ที่ระบาดหนักทั่วโลกมา ๒ ปีเศษและยังไม่มีททีท่าจะยุติ ล่าสุดยังมาโดนภัยสงครามรบพุ่งระหว่างหมีขาวกับยูเครนผสมโรงเข้าไปอีก เศรษฐกิจของทุกประเทศทั่วโลกเลยพังพินาศไปหมด ไม่เว้นแม้แต่ประเทศไทย  ที่ทุกคนทราบดีรายได้ของประเทศไทยหลักๆมาจากสองส่วนด้วยกันก็คือ ๑ การส่งออก ๒ การท่องเที่ยว  สองเรื่องนี้คือเครื่องยนตร์หลักตัวทำรายได้ให้กับประเทศ มาเจอปัจจัยภายในและภายนอก โดยเฉพาะ ๒ มหาวิบัติภัย  “โควิด-สงคราม” เต็มๆ แบบนี้  ต่อให้เก่งกาจยอดเยี่ยมเพียงใดก็ไม่อาจแบกภาระให้พ้นภัยจากทุกปัญหาที่เกิดขึ้นในรอบนี้ไปได้  ต้องบอกว่าพล.อ.ประยุทธ์โชคร้ายและซวยจริงๆที่ต้องมาบริหารประเทศในยุคที่เจอโคตรตอปัญหาใหญ่ระดับโลกแบบนี้  ลำพังปัญหาภายในปกติของไทยที่ต้องเจอทุกปี อย่าง น้ำท่วม ภัยแล้ง ผลผลิตภาคการเกษตรตกต่ำ เงินเฟ้อ ว่างงาน  ยาเสพติด รายได้ต่ำ ค่าครองชีพสูง ฯลฯ  สารพัดจิปาถะก็มากพออยู่แล้ว  รอบนี้มาเจอพี่โคขวิดกับพี่หมีขาวบ้าพลังช้างศึกไทยเลยตกมันวุ่นกันไปใหญ่

เรื่องเฉพาะหน้าที่จุกอกจุกแน่นคนไทยตอนนี้ก็ล้วนเป็นผลพวงมาจากสงครามรัสเซียขยี้ยูเครนนั้นแหละ ที่ทำให้ทั่วโลกป่วนกันไปหมด ไทยก็เจอไปเต็มๆ ส่งออกสินค้าไม่ได้ นักท่องเที่ยวไม่มาเที่ยวตามเป้า แต่ที่ร้ายแรงนอนตะแคงเอาตีนก่ายหน้ามากสุดหนีไม่พ้นเรื่องน้ำมันราคาติดจรวด รบกันเกือบ ๔ เดือนน้ำมันเฉียดไปลิตรละเกือบครึ่งร้อย ยุคก่อนทำมาหากิน  ยุคนี้ทำมาจ่ายค่าน้ำมัน  ไม่มียุคไหนสมัยใดที่น้ำมันจะแพงกว่ายุคนี้อีกแล้ว ข้อมูลล่าสุดวันนี้ (๑๔ มิ.ย.๒๕๖๕)  ดีเซลบี ๗ ลิตรละ  ๓๔.๙๔ บาท เบนซินแก๊สโซฮอล์ ๙๑ ลิตรละ ๔๔.๘๘ บาท  เบนซินแก๊สโซฮอล์ ๙๕ ลิตรละ ๔๕.๑๕ บาท  หากเทียบกับราคาน้ำมันที่เปิดทำการวันแรกของปีนี้ ( ๕ ม.ค.๒๕๖๕)  ตอนนั้นดีเซลบี ๗ ราคาลิตรละ ๒๙.๐๔ บาท เบนซินแก๊สโซฮอล์ ๙๑ ลิตรละ ๓๑.๔๘ บาท  เบนซินแก๊สโซฮอล์ ๙๕ ลิตรละ ๓๑.๗๕ บาท   ย้ำว่าแค่ ๔ เดือนเท่านั้นราคาดีเซลบี ๗ ขึ้นมา ๕ บาทกว่า เบนซินแก๊สโซฮอล์ทั้ง ๙๑ และ ๙๕ ขึ้นมาเกือบ ๑๕ บาท เป็นการขึ้นราคาน้ำมันที่รัฐบาลประกาศว่าระดมสรรพกำลังทุกอย่างใช้ทุกวิถีทางเพื่ออุดหนุนตรึงราคาน้ำมันอย่างสุดความสามารถแล้ว แถมเงินกองทุนน้ำมันที่ใช้อุดหนุนสถานะตอนนี้ก็ติดลบเป็นหนี้กว่า ๙ หมื่นล้านบาทเกินเพดานจนไม่สามารถกู้เงินมาพยุงราคาน้ำมันได้อีกแล้ว  ที่ร้ายไปกว่านั้นคือกระทรวงพลังงานออกมาส่งสัญาณแล้วว่ามีโอกาสที่ราคาน้ำมันจะทะยานไปไกลกว่านี้  โดยเฉพาะน้ำมันดีเซลบี ๗  ซึ่งเป็นต้นทุนหลักในการขนส่งสินค้าอุปโภคและบริโภค  ที่ล่าสุดมีการปรับจนชนบันไดขั้นสุดท้ายที่ ๓๕ บาทต่อลิตรแล้ว แถมมีแนวโน้มว่ารัฐบาลอาจปล่อยให้ไหลไปถึง ๓๘ บาทต่อลิตรจนติดเพดาน มาตราการคนละครึ่งที่รัฐระบุว่าใช้เป็นแนวทางในการแก้ไขปัญหาน้ำมันดีเซล  เรื่องน้ำมันนี้แหละที่เป็น “ปัญหาอ้วกแตก” ที่บิ๊กตู่และรัฐบาลก็จนปัญญาไม่รู้จะหาทางแก้ไขยังไง เพราะปัจจัยและสิ่งแวดล้อมส่วนหนึ่งก็มาจากสงครามที่เกิดขึ้นภายนอกซึ่งไทยไม่สามารถควบคุมได้

ขณะที่แนวคิดในการแก้ไขปัญหาก็มีการเสนอมาจากหลายฝ่าย อาทิ กรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคกล้า ที่เสนอให้ลดค่าการกลั่นในส่วนที่เป็นกำไรส่วนเกินของบรรดาโรงกลั่นยักษ์ใหญ่ ๖ เจ้าลงมา เพื่อลดราคาน้ำมันบรรเทาความเดือดร้อนให้กับประชาชน  หรือการจัดเก็บภาษีลาภลอย ( windfall tax ) จากคนที่ทำธุรกิจและได้กำไรมาเฉยๆโดยไม่ทำอะไร เพื่อเอามาช่วยเหลือพยุงราคาน้ำมัน ฯลฯ  ไม่ว่าจะทางใดก็แล้วแต่  เรื่องนี้บิ๊กตู่และรัฐบาลต้อง “ รีบคิด-เร่งทำ” เพื่อลดภาระค่าครองชีพของประชาชนให้ได้โดยเร็วก่อนจะตายกันหมดทั้งแผ่นดิน อย่ามัวเอ่อระเหยลอยช้าปล่อยให้กระทรวงพลังงานแก้ปัญหาไปวันๆ แบบปากว่าตาขยิบ  เพราะคนใหญ่ในกระทรวงพลังงานกับธุรกิจน้ำมัน ก็รู้ๆกันอยู่ว่าพวกเดียวกันเสวยสุขร่วมกันมานานขนาดไหนแล้ว  ถึงเวลาจัดหนักไม่ต้องเกรงกลัวใครได้แล้ว  เพราะคนไทยจะตายกันหมดแล้ว   ถ้าบิ๊กตู่มัวแต่เกรงใจไม่ยอมทำอะไรให้เป็นชิ้นเป็นอันประเด็นน้ำมันแพงนี้แหละจะเป็นตัวเติมเชื้อไฟไล่รัฐบาลยิกพล.อ.ประยุทธ์ไม่เชื่อก็ลองดู  เพราะมันเกี่ยวข้องกับทุกเรื่องไปหมด ข้าวของแพงขึ้น เงินในกระเป๋ามูลค่าลดลง ค่าครองชีพพุ่งฉิว ขนาดรถเมล์ของขสมก.ที่ว่าแน่ๆ แบกขาดทุนมาตั้งหลายปี  เจอรอบนี้ก็ยังต้องหยุดเดินรถ เพราะไปต่อไม่ไหวสู้ราคาน้ำมันไม่ได้จริงๆ  สุดท้ายก็เป็นภาระเดือดร้อนแสนสาหัสมาถึงคนไทยทุกคน

ใช่จะมีแต่เรื่องเศรษฐกิจตกต่ำ ปัญหาปากท้องรุมเร้า ราคาน้ำมันถีบตัวสูงขึ้นไม่หยุดเท่านั้นที่กดดันรัฐบาลโหมกระหน่ำพล.อ.ประยุทธ์   หากแต่กระแสกดดันทางการเมืองก็รุกเร้าถึงบิ๊กตู่ไม่น้อยเช่นกัน   เฉพาะหน้าก็มีเรื่องกนกวรรณ วิลาวัลย์ รมช.ศึกษาธิการ ติดร่างแหเรื่องรุกป่าเขาใหญ่มีสิทธิ์ถึงหยุดปฏิบัติหน้าที่  หรืออาจถึงเวลาลุงตู่ต้องปรับครม.อีกสักยก  ที่ตามมาหลังจากนี้ก็มีอีกเป็นพรวน กฎหมายลูก ๒ ฉบับ อภิปรายไม่ไว้วางใจ  ตีความวาระการทำงานของนายกฯ  ฯลฯ    แม้ไม่ใช่กระแสหลักไม่ใช่ปัญหาทางตรงที่จะล้มจะคว่ำนายกฯได้  เพราะอย่างที่รู้ๆกันอยู่ว่าฝ่ายค้านไม่มีปัญญาหักเขี้ยวบูรพาพยัคฆ์  ยกแรกอภิปรายร่างพ.ร.บ.งบประมาณปี ๒๕๖๖ ก็ล้มไม่เป็นท่า ผลโหวต ๒๗๘ เสียงกับ ๑๙๔ เสียง ก็ชัดเจนว่าฝ่ายค้านบ้อท่าจนปัญญาจะทำอะไรบิ๊กตู่เจาะเรือแป๊ะให้รั่วได้  แต่ก็อย่าประมาทอย่าหลงระเริงไป เรื่องข้าวของแพง ค่าครองชีพถีบตัวพุ่งกระฉูด น้ำมันขึ้นเอาๆไม่หยุด แต่รายได้ของชาวบ้านลดลงคนจนมากขึ้น  อย่าทำเป็นเล่นไป  เรื่องพวกนี้ “ฝ่ายแค้น-ฝ่ายค้าน” จับจ้องอยู่  ทักษิณนักโทษหนีคดีคนแดนไกลฉลาดเป็นกรดเขี้ยวตัวพ่อ  ทำไมจะอ่านใจคนไทยไม่ออก เศรษฐกิจตกต่ำ สังคมย่ำแย่  ฝ่ายค้านก็พร้อมจุดไฟผสมโรงทุกเรื่องได้ตลอด  การเมืองตอนนี้ก็ยังยุ่งๆหลายเรื่องก็ยังไม่เรียบร้อย งบประมาณอาจจะผ่านไปแล้ว  แต่เรื่องกฎหมายลูก ๒ ฉบับยังยุ่งอยู่  ตกลงเอาไงแน่ ๑๐๐ หาร หรือ ๕๐๐ หาร   บิ๊กตู่กับบิ๊กป้อมต้องคุยกันให้ชัด ถกกันให้ตกผลึกไปเลยจะเอายังไง   จะเอาเข้าทางตีนทักษิณหรือเข้าทางพวกกู ก็ต้องฟันธงกันแล้ว  ครึ่งๆกลางๆ ไม่เคาะกันเสียที  คนอื่นๆก็ไปต่อกันลำบาก  เหลือไม่กี่วันก็จะพิจารณากฎหมายลูกวาระ ๒ และ ๓ แล้ว   ๒๓-๒๔ มิ.ย.นี้ต้องคุยกันให้จบ ว่าเลือกตั้งจะคิดคะแนนแบบไหนจะใช้สูตรคำนวณบัญชีรายชื่อยังไง หรือถึงขั้นต้องล้างไพ่ใหม่ก็ต้องคิดกันให้ดีๆ ทักษิณนั่งฝั่งอยู่ที่ดูไบ  เพราะเสร็จจากนั้นยังมีอภิปรายไม่ไว้วางใจรอจ่อคิวอีก  อย่าวางใจว่าโหวตงบประมาณชนะขาดแล้วศึกซักฟอกจะผ่านฉลุย ของแบบนี้มันไม่แน่หรอกครับนาย

ล่าสุดวางเป้าหมายกันไว้แล้ว ๑๐ คน ซักฟอกผู้นำรัฐบาล  ๓ ป.บูรพาพยัคฆ์ “ป้อม-ป๊อก-ตู่” พ่วงแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลอีกยกพวง ๗ คน “สันติ-สุชาติ-ชัยวุฒิ-อนุทิน-ศักดิ์สยาม-จุรินทร์-เฉลิมชัย” วางกรอบคร่าวๆไว้ ๑๘-๒๒ ก.ค. ศกนี้   ฝ่ายค้านจับรัฐมนตรีขึ้นเขียงเที่ยวนี้    บิ๊กตู่อย่าวางใจว่ารอดอย่าคิดว่าเที่ยวนี้แค่ชิลด์ๆ    คนลำบากชาวบ้านเดือดร้อน  ไอ้ที่เป็นต่ออยู่ถ้าถูกกระแสสังคมตีกลับชาวบ้านลุกฮือระวังจะตกม้าตายเอาง่ายๆ  พรรคผู้กองก๊วนร.อ.ธรรมนัสก็ประกาศอยู่ว่าตัดสินใจทุกอย่างต้องฟังเสียงชาวบ้าน พรรคเล็กก็อย่าคิดไว้ใจเพราะเจอดูไบเหมาสวนกล้วยมาแจกแล้วจะหนาว  การเมืองไม่มีมิตรแท้และศัตรูถาวรอย่าคิดอะไรเป็นบวกหมด เขียนอย่างนี้ไม่ได้ต้องการยุให้พรรคร่วมรัฐบาลแตกคอ  แต่ผลประโยชน์ของชาวบ้านต้องมาก่อนเรื่องพวกพ้องตัวเองต้องมาทีหลัง  พล.อ.ประยุทธ์อยากไปต่ออย่าเกรงใจคนใกล้ตัวอย่าไปหงอพวกนายทุนผูกขาดอย่าไปกลัวที่จะชนกับธุรกิจยักษ์ใหญ่  ปากท้องคนไทยต้องนำหน้าเดือดร้อนชาวบ้านต้องมาก่อน  ถ้าท่านทำสิ่งที่ถูกที่ควรพลังจากประชาชนนี้แหละจะเป็นเกราะคุ้มครองท่านเอง

เศรษฐกิจตกต่ำ การเมืองรุมเร้า ม็อบเลยคัมแบ็ค กลับมาชุมนุมกันอีกครั้งที่สามเหลี่ยมดินแดง รอบนี้ยังไม่รู้ใครเป็นแบ็กใครให้ทุน แต่ออกมาทำเรื่องต่ำช้าแบบนี้ก็มีแต่พวกหน้าเดิมนั้นแหละ  ที่อ้างมาเรียกร้องประชาธิปไตยมาขับไล่พล.อ.ประยุทธ์   ย้อนอดีตให้ฟังแบบเร็วๆรอบ ๒ สมัยหลังนี้บิ๊กตู่มาจากการเลือกตั้งนะ  พรรคพลังประชารัฐเสนอชื่อ ผู้แทนในสภายกมือหนุนกันท่วมท้น ถ้าบอกว่านายกฯไม่ได้มาจากประชาธิปไตยนี้โง่เลย เพราะแกมาถูกต้องทุกประการ  ถ้าไม่ชอบลุงตู่เกลียดพล.อ.ประยุทธ์ก็ต้องไล่ตามวิถีทาง ศึกซักฟอกเดือนหน้าก็กำลังจะเริ่มไปลุ้นตรงนั้นก็ได้  ถ้าบิ๊กตู่รอดไปได้รอบนี้ก็ไปลุ้นตีความอายุการทำงานนายกฯ ๘ ปี ช่วงหลังวันที่ ๒๓ ส.ค.ก็ยังได้อีกก๊อก   หรือถ้าลุงตู่ดวงแข็งจริงผ่านไปได้ทั้ง ๒ ด่าน  พี่ๆม็อบสายชุมนุมก็รอหน่อย ไม่เกิน ๑ ปีนับถอยหลังจากนี้ยังไงก็มีเลือกตั้งทั่วไปอยู่แล้ว เพราะอายุสภาผู้แทนราษฎรชุดนี้จะครบวาระวันที่ ๒๓ มี.ค. ๒๕๖๖  ดูทรงแล้วบิ๊กตู่คงไม่อยู่ขอทำสถิติจบครบวาระคาเก้าอี้ ๒ สมัยแน่  เพราะถ้าเป็นอย่างนั้นส.ส.จะเจอ “เดดล็อค” ตายห่าทางการเมืองกันพอดีเพราะย้ายพรรคไม่ทันภายใน ๙๐ วันก่อนเลือกตั้ง    ยังไงบิ๊กตู่ก็ต้องยุบสภาก่อนเพื่อปลดล็อคให้งูเห่าได้ย้ายบ้าน  มีเวลาให้บรรดาส.ส.หรือผู้แทนได้เลือกทางเดิน ตรงนี้กฎหมายก็จะหยวนๆ ให้ว่าหากมีการยุบสภาส.ส.จะต้องเป็นสมาชิกพรรคการเมืองไม่น้อยกว่า ๓๐ วัน  พอจะมีเวลาให้ลืมตาอ้าปากกันได้บ้าง   ถึงตอนนั้นถ้าพี่ๆม็อบสายชุมนุมเผาบ้านผลาญเมืองถ้าไม่ชอบบิ๊กตู่ก็ไม่ต้องเลือกกลับมาเป็นนายกฯ   อดใจรอเวลาอีกนิดจะรีบร้อนวิชาออกมาเผาบ้านเผาเมืองกันทำไม

บิ๊กตู่แกไม่ตกใจแกไม่ขวัญเสียหรอกหนักกว่านี้แกก็เจอมาเยอะแล้ว คนที่เหงื่อท่วมคอแห้งก็ผู้ว่าฯกทม.คนใหม่ที่ชื่อ “ชัชชาติ สิทธิพันธุ์” นู้น  ทำลายข้าวของภาษีของคนกรุง ทำรถติด ทำชาวบ้านขวัญเสีย เดือดร้อนกันไปทั่ว  ออกมาเรียกร้องด้วยวิธีหาเรื่องตำรวจไขว้กับเจ้าหน้าที่บ้านเมือง   ตรงสามเหลี่ยมดินแดงหรืออนุเสาวรีย์ชัยสมรภูมิด้วยการทำผิดกฎหมายแบบนี้  แรงกดดันน่าจะไปถึงนายกฯน้อยแต่ไปถึงชัชชาติผู้ว่าฯสายไลฟ์สดแบบเต็มๆ มากกว่า  เพราะประกาศนโยบายให้ท้ายม็อบอำนวยความสะดวกให้ผู้ชุมนุม   ไล่นายกฯต้านรัฐบาลไม่มีใครว่าแต่มาทำความเดือดร้อนให้ชาวบ้านทำลายข้าวของทางราชการ ใช้อาวุธสิ่งของทำร้ายตำรวจแบบนี้ยิ่งไปกันใหญ่  ไอ้ที่ตั้งใจจะหาแนวร่วมระวังจะมีแต่คนเกลียด ไอ้ที่อยากให้อยู่สั้นระวังจะอยู่ยาว  นับถอยหลังปีสุดท้ายของพล.อ.ประยุทธ์ ต้องบอกว่าหนักหนาสาหัสจริงๆ เศรษฐกิจถดถอย น้ำมันทะยานไม่หยุด ข้าวยากหมากแพง เงินเฟ้อพุ่ง  รายได้คนในกระเป๋าลดลง การเมืองรุมเร้า ชุมนุมกลับมานับหนึ่ง  เอาใจช่วยพล.อ.ประยุทธ์และรัฐบาลเรือแป๊ะจริงๆ สารพัดปัญหาพะเรอเกวียนยาวเป็นหางว่าวรอให้ท่านสะสาง ปลดทุกข์ให้คนไทยได้สำเร็จ  นำพาบ้านเมืองให้ก้าวไกลไปข้างหน้า

///////////////////////

 

 

 

 

 

 

ข่าวที่น่าสนใจ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

เมืองพัทยา เปิดตัวป้ายจอ LED วอล์คกิ้งสตรีทโฉมใหม่ สุดอลังการ ตอบโจทย์เมืองท่องเที่ยวระดับโลก
รพ.สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ จัดกิจกรรมวันคล้ายวันสถาปนา ครบรอบปีที่ 28
สงขลา เปิดม่าน “เมืองแห่งป้อมปราการสู่มรดกโลก”
เมืองคอนจัดโครงการมอบโฉนดที่ดินทั่วไทย นำสุขคลายทุกข์ให้ประชาชน
ร้อยเอ็ด รมว.ท่องเที่ยว โชว์โดด “Zipline Roi Et Tower”แลนด์มาร์กสุดท้าทายใหม่แห่งอีสาน
เลย ประเมินตำบลยั่งยืนบ้านป่าเป้า ต.ปากปวน

ดู LIVE รายการ

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น​