วันที่ 29 มิถุนายน – พลตรี ธีรพงศ์ ปัทมสิงห์ ณ อยุธยา รองโฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย เปิดเผยว่า ตามที่ พลเอก เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด และหัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคง (ศปม.) สั่งการให้จัดกำลังพลร่วมสนธิและวางกำลังในการปฏิบัติหน้าที่ ร่วมกับกรุงเทพมหานคร และกระทรวงสาธารณสุข เข้าปฏิบัติหน้าที่ในการกำกับดูแลในพื้นที่ 50 เขต ของกรุงเทพมหานคร จำนวน 575 แคมป์งานก่อสร้างตามมาตรการควบคุมการเคลื่อนย้ายของประชาชนและแรงงานในพื้นที่ที่มีการแพร่ระบาดสูง รวมทั้งการควบคุมแคมป์คนงานก่อสร้างในพื้นที่กรุงเทพมหานคร และปริมณฑลนั้น ปัจจุบันศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคง (ศปม.) จัดกำลังพลสนับสนุนการจัดตั้งจุดตรวจ/ด่านตรวจร่วม เพื่อเสริมประสิทธิภาพในการสกัดกั้นการเคลื่อนย้ายแรงงานในพื้นที่เสี่ยงของกรุงเทพมหานคร โดยแต่ละแคมป์ในพื้นที่เขตกรุงเทพฯ ประกอบด้วยกำลังดังนี้ ตำรวจ 2 นาย ทหาร 2 นาย เทศกิจ 2 นาย เจ้าหน้าที่ของบริษัท และเจ้าหน้าที่กรุงเทพมหานครที่เกี่ยวข้อง ดูแลทุกแคมป์งานที่ได้รับมอบหมาย โดยแบ่งเขตความรับผิดชอบ ดังนี้
– กองบัญชาการศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคง (บก.ศปม.) ดูแลรับผิดชอบ จำนวน 72 แคมป์ ใน 6 เขต ของพื้นที่เขตกรุงเทพฯ ตะวันออก
– ศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคงกองทัพบก (ศปม.ทบ.) ดูแลรับผิดชอบ จำนวน 322 แคมป์ ใน 27 เขต ของพื้นที่เขตกรุงเทพฯ กลาง, กรุงเทพฯ ตะวันออก, กรุงเทพฯ เหนือ, กรุงเทพฯ ใต้ และกรุงธนฯ เหนือ
– ศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคงกองทัพเรือ (ศปม.ทร.) ดูแลรับผิดชอบ จำนวน 106 แคมป์ ใน 11 เขต ของพื้นที่เขตกรุงธนฯเหนือ และกรุงธนฯ ใต้
– ศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคงกองทัพอากาศ (ศปม.ทอ.) ดูแลรับผิดชอบ จำนวน 75 แคมป์ ใน 6 เขต ของพื้นที่เขตกรุงเทพฯ ตะวันออก และกรุงเทพฯ เหนือ
– ศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคงตำรวจ (ศปม.ตร.) ดูแลรับผิดชอบ จำนวน 309 แคมป์
พลตรี ธีรพงศ์ กล่าวต่อว่า สำหรับในกรณีความห่วงใยของสังคมต่อการดูแลแรงงานภายในแคมป์ก่อสร้างในพื้นที่ต่าง ๆ นั้น ปัจจุบันศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคงได้ดูแลรับผิดชอบในเรื่องการป้องกันการเคลื่อนย้ายแรงงาน พร้อมทั้งบูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานต่าง ๆ ในการดูแลความเรียบร้อยของพื้นที่แคมป์ก่อสร้างในพื้นที่ต่าง ๆ ในส่วนของกระทรวงแรงงาน รับผิดชอบในเรื่องการดูแลความเป็นอยู่ของแรงงานในภาพรวม และกระทรวงสาธารณสุข รับผิดชอบในด้านการป้องกันการแพร่ระบาดของโรค และการดูแลรักษาผู้ป่วย ซึ่งนับจากวันที่ได้มีการประกาศมาตรการเพื่อป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อโควิด 19 นั้น ผู้บัญชาการทหารสูงสุดได้กำชับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้ความสำคัญในการดูแลด้านชีวิตความเป็นอยู่ของกลุ่มแรงงานที่อาศัยในแคมป์ เพื่อให้แรงงานที่กักตัวในแคมป์สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้โดยไม่เดือดร้อนไปจนกว่าจะครบกำหนดประกาศผ่อนคลายมาตรการในระยะต่อไป จึงขอให้ประชาชนมีความเชื่อมั่นว่ากองทัพจะปฏิบัติหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายอย่างเต็มขีดความสามารถ และพร้อมเคียงข้างดูแลประชาชนไปจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย