วันที่ 26 มิ.ย.-ที่หน้าโรงแรมปริ้นเซส หลานหลวง นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ลงพื้นที่ทำกิจกรรม “จุรินทร์ ออนทัวร์” ผ่านการประสานงานจาก นางเจิมมาศ จึงเลิศศิริ อดีต ส.ส. เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย เพื่อมอบถุงยังชีพให้กับประธานชุมชน และกรรมการชุมชน แล้วส่งต่อแก่ประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 โดยนายจุรินทร์ ยังได้เปิดตัวผู้สมัคร ส.ก. ที่เป็นคนรุ่นใหม่ และเป็นเลือดใหม่ของพรรค 5 เขต ประกอบด้วย นายธีรกร ไหวดี เขตพระนคร, นายณรงค์ศักดิ์ ฤทธิวรผล เขตสายไหม, น.ส.นิภาพรรณ จึงเลิศศิริ เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย, ว่าที่.ร.ต.ธนิตศักดิ์ ดารามั่น เขตลาดพร้าว, และ น.ส.มารีญา ฤกษ์ดี เขตลาดกระบัง
นายจุรินทร์ เปิดเผยถึงการแก้รัฐธรรมนูญที่มีข้อสงสัยที่ว่าแม้ร่างที่เสนอให้แก้ระบบเลือกตั้งโดยใช้บัตร 2 ใบผ่านการพิจารณาของสภาในวาระรับหลักการ แต่ในรัฐธรรมนูญปี 60 ยังมีมาตราที่เกี่ยวกับเลือกตั้งมากกว่า 2 มาตรา จะเป็นอุปสรรคในการแปรญัตติหรือจะต้องยื่นร่างเพิ่มเติมหรือไม่ ว่า ตนไม่คิดว่าจะเป็นอุปสรรค และได้สอบถามฝ่ายกฎหมายเบื้องต้นแล้ว เมื่อเข้าสู่การพิจารณาวาระ 2 ในส่วนของการแก้ไข หากจะต้องไปกระทบกับมาตราใดบ้างก็สามารถปรับปรุงแก้ไขได้ เพื่อให้สอดคล้องกับหลักการที่รับมา เพราะฉะนั้นจะระบุกี่มาตรา ก็ไม่เป็นไร มาตราที่เหลือก็จะต้องปรับให้สอดคล้องกับมาตราที่รับหลักการไป
นายจุรินทร์กล่าวอีกว่า ไม่อยากให้ตีตนไปก่อนไข้ เพราะว่าเราต้องจับมือกันกับทุกฝ่ายที่จะช่วยเข็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญไปสู่ความสำเร็จ แม้ว่าจะเป็นการเข็นครกก็ตาม แต่ถ้าช่วยกันหลายๆ แรง ทั้งในส่วนของ ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายค้าน สมาชิกวุฒิสภา ก็คิดว่าครกมันก็ขึ้นไปถึงภูเขา หรือขึ้นไปบนภูเขาได้ เพราะฉะนั้นสิ่งสำคัญก็คือขอให้ร่วมมือร่วมใจกัน ส่วนการเปลี่ยนระบบจากบัตรใบเดียวเป็นบัตร 2 ใบนั้น เท่ากับเป็นการขยายสิทธิเสรีภาพในการเลือกตัวแทนของประชาชนเพื่อไปจัดตั้งรัฐบาลต่อไปในอนาคต ถ้าเราได้รัฐบาลที่ดี รัฐบาลที่เข้าใจปัญหาประชาชน รัฐบาลที่มีศักยภาพในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ ปากท้องให้กับประชาชนได้ รวมทั้งปัญหาอื่นๆ ประชาชนก็จะเป็นผู้ได้รับประโยชน์โดยตรง
เมื่อถามว่าพรรคจะเสนอชื่อเป็นประธานกรรมาธิการพิจารณาแก้ไขรัฐธรรมนูญหรือไม่ นายจุรินทร์กล่าวว่า ในส่วนของพรรค นายบัญญัติ บรรทัดฐาน หรือนายชินวรณ์ บุณยเกียรติ ก็มีศักยภาพสามารถที่จะเป็นประธาน กมธ. ได้ โดยเฉพาะนายบัญญัติ ศักยภาพล้นเหลือ เพียงแต่ทั้งหมดก็คงจะต้องไปหารือกันในที่ประชุม กมธ. ว่าจะมีความเห็นหรือมติอย่างไร ตนคิดว่าการหารือก็คงจะต้องแสวงหาจุดร่วม จุดที่เห็นพ้อง เพราะการทำหน้าที่ในวาระที่ 2 ก็สำคัญ ถ้าหากว่าเห็นพ้องต้องกัน ขับเคลื่อนทุกอย่างเดินหน้าไปด้วยกันได้อย่างดี โอกาสที่จะผ่านวาระ 3 ก็มี ไม่ใช่ไม่มี อย่าเพิ่งตีตนไปก่อนไข้ สำหรับประชาธิปัตย์ก็จะมุ่งมั่นตั้งใจเดินหน้าสนับสนุนจนวาระสุดท้าย