เมื่อวันที่ 4 พ.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กองทัพภาคที่ 3 ได้เผยแพร่เอกสารชี้แจงระบุว่า ตามที่ปรากฏข่าวสารกรณีทางทหารไทยได้ดำเนินการหรือถอนสะพานไม้ไผ่ที่กลุ่มผู้หนีภัยความไม่สงบชาวเมียนมา ใช้เดินทางอพยพเข้ามายังฝั่งไทยในพื้นที่ชายแดนจังหวัดตาก จนเป็นข่าวและข้อมูลเผยแพร่ในสื่อออนไลน์ตามที่เผยแพร่ให้ทราบไปแล้วนั้น กองทัพภาคที่3 ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงพบว่า ข่าวสารและข้อมูลเผยแพร่ในสื่อออนไลน์ดังกล่าวเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในการจัดกำลังพลร่วมกับส่วนราชการพลเรือนที่เกี่ยวข้องและผู้นำหมู่บ้านชุมชนในพื้นที่เข้าดำเนินการหรือถอนสะพานไม้ไผ่(แบบชั่วคราว) จำนวน 1 แห่ง ในพื้นที่บ้านวาเล่ยใต้ อำเภอพบพระ จังหวัดตาก เมื่อวันที่ 16 พ.ย. 2564 ยังไม่เกิดสถานการณ์การสู้รบระหว่างทหารเมียนมา กับกองกำลังชนกลุ่มน้อย และยังไม่มีกลุ่มหนีภัยความไม่สงบชาวเมียนมา อพยพเข้ามายังฝั่งไทย
“ทภ.3” แจงเหตุรื้อสะพานไม้ไผ่ข้ามแดน ช่องทางธรรมชาติ ไทย-เมียนมา
- เผยแพร่ : 04/05/2022 16:43
กดติดตาม TOP NEWS
กองทัพภาคที่ 3 ร่อนเอกสารแจงเหตุรื้อสะพานไม้ไผ่ข้ามแดนช่องทางธรรมชาติ ไทย-เมียนมา ตามคำสั่งจังหวัดตากป้องโควิด-19 สกัดขนของผิดกม. ย้ำเหตุเกิดตั้งแต่ พ.ย. 64 ขณะยังไม่เกิดสถานการณ์สู้รบระหว่างทหารเมียนมากับชนกลุ่มน้อย ชี้ไม่เกี่ยวข้องกับการข้ามเข้ามายังฝั่งไทยของกลุ่มผู้หนีภัยความไม่สงบ ของประเทศเพื่อนบ้าน
ข่าวที่น่าสนใจ
ซึ่งสะพานไม้ดังกล่าวถูกสร้างขึ้นโดยบุคคลไม่ทราบฝ่ายนำมาใช้ในการกระทำผิดกฏหมาย ขอยืนยันเหตุรื้อสะพานไม้ ไม่เกี่ยวข้องกับการข้ามเข้ามายังฝั่งไทยของกลุ่มผู้หนีภัยความไม่สงบของประเทศเพื่อนบ้านแต่อย่างใดและเป็นคนละช่วงเวลากัน ทั้งนี้เป็นการจัดระเบียบพื้นที่ตามแนวชายแดนเพื่อเป็นการสกัดกั้นป้องกันและปราบปรามกลุ่มขบวนการลักลอบการกระทำผิดกฏหมายรวมทั้งเพื่อเป็นการปฏิบัติตามคำสั่งจังหวัดตาก โดยศูนย์สั่งการชายแดนไทยจังหวัดตากในการระงับการเข้าออกของบุคคลและยานพาหนะ รวมทั้งสินค้าผ่านแดนเพื่อเป็นการเฝ้าระวังป้องกันและควบคุมโรคติดเชื้อไวรัส โควิด-19 อย่างเคร่งครัด ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับการเข้ามายังฝั่งไทยของกลุ่มผู้หนีภัยความไม่สงบชาวเมียนมาแต่อย่างใด
ทั้งนี้กองทัพภาคที่ 3 ได้ปฎิบัติตามนโยบายของกองทัพบก และรัฐบาลอย่างเคร่งครัด ขอยืนยันว่าจะดำรงตน เพื่อรักษาอธิปไตยปกป้องผลประโยชน์ของชาติ ตลอดจนรักษาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินให้แก่พี่น้องประชาชนชาวไทยตลอดไป โดยมุ่งเน้นการช่วยเหลือทางมนุษยธรรมแก่ทุกฝ่ายและอำนวยความสะดวกในการเดินทางกลับ ด้วยความสมัครใจ มาโดยต่อเนื่อง ตั้งแต่ปี 2564 จนกระทั่งปัจจุบัน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
