“รัฐบาล-ฝ่ายค้าน-ก๊วนธรรมนัส” เปิดศึกช่วงชิงพรรคเล็ก

เพราะเหตุที่เป็นรัฐบาลเสียงปริ่มน้ำ จากเดิมที่ “บิ๊กตู่”พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ เคยมีส.ส.ในมือสูงลิ่วถึง 267 คน แต่หลังเกิดกรณีเกาเหลาหักเหลี่ยมกับ “ผู้กองแป้ง” ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า หลายเรื่องหลายกรณีจนนำไปสู่การขับส.ส.ก๊วนร.อ.ธรรมนัส 21 คนพ้นจากพรรคพลังประชารัฐ ส่งผลให้เสียงของรัฐบาลที่เคยเข้มแข็งหายไปมากโข แม้ 3 เสียงในนั้นจะไปสังกัดพรรคภูมิใจไทยที่สนับสนุนรัฐบาลเหมือนกัน แต่อีก 18 เสียงสายผู้กองยืรกรานย้ายไปอยู่พรรคเศรษฐกิจไทย จุดนี้เลยทำให้เสียงของรัฐบาล ณ ปัจจุบันคงเหลือแค่ 249 คน ไม่นับรวมบรรดางูเห่าที่ฝากเลี้ยงไว้กับพรรคฝ่ายค้าน ขณะที่เสียงของส.ส.พรรคฝ่ายค้านปัจจุบันมี 208 คน สภาผู้แทนไทยปัจจุบันมีส.ส.คงอยู่ 476 คน เกินกึ่งหนึ่งของส.ส.ที่ต้องใช้ในการผ่านกฎหมายสำคัญๆ ต้องมีจำนวน 238 คน ถ้ายึดจำนวนในมือล่าสุด 249 คน นายกฯมีส.ส.ในมือเกินกึ่งหนึ่งไปแค่ 11 คนเท่านั้น ขณะที่หากส.ส.ก๊วนผู้กองแป้ง 18 คนโยกไปอยู่กับพรรคเพื่อไทยทั้งหมดก็จะทำให้พรรคฝ่ายค้านมีส.ส.รวมกันทั้งสิ้น 226 คน ขาดแนวร่วมอีกแค่ 12 คนเท่านั้นก็จะล้มก็จะคว่ำพล.อ.ประยุทธ์ในสภาได้

ด้วยเหตุนี้ทุกเสียงจึงมีค่ายิ่งสำหรับทั้ง 2 ฝ่ายไม่ว่าฝ่ายค้าน ฝ่ายรัฐบาล หรือฝ่ายอิสระที่ต้องการเป็นคนนำถือแต้มต่อทางการเมือง เพราะฉะนั้นตัวแปรที่สำคัญในการช่วงชิงความได้เปรียบทางการเมืองในตอนนี้จึงอยู่ที่พรรคเล็กๆ ใครรวมเสียงพรรคเล็กใครได้ใจผู้แทนเสียงข้างน้อยมากกว่ากันคนนั้นก็ได้เปรียบกลเกมส์ในสภา ไม่แปลกที่การช่วงชิงพรรคเล็กซื้อใจผู้แทนเสียงข้างน้อยในสภา จะกลายเป็นศึกย่อมๆที่พล.อ.ประยุทธ์ ร.อ.ธรรมนัส และ ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ต้องพยายามหักเหลี่ยมเฉือนคมชิงจังหวะเอาพรรคเล็กมาเป็นพวกเพื่อผลประโยชน์และการกุมความได้เปรียบของฝ่ายตัวเองให้ได้ สุดสัปดาห์ที่แล้ว ศุกร์ที่ 11 มี.ค.2565 ที่ผ่านมาร.อ.ธรรมจึงต้องชิงจังหวะปาดหน้าขอเจอพรรคเล็กก่อนคนอื่น โดยนัดเป็นเจ้าภาพจัดงานเลี้ยงกัน ณ ห้องอาหารจีน โรงแรมโกลเดน ทิวลิป ซอฟเฟอริน พระราม 9 โดยมีพรรคเล็กอย่าง 1.สุรทิน พิจารณ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปไตยใหม่ 2.ดำรงพิเดช ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรครักษ์ผืนป่าไทย 3.พีระวิทย์ เรื่องลือดลภาค ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคไทรักธรรม 4.กวินนาถ ตาคีย์ ส.ส. ชลบุรี พรรคพลังท้องถิ่นไท 5.นพดล แก้วสุพัฒน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังท้องถิ่นไท 6.คฑาเทพ เตชะเดชเรืองกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อชาติไทย 7. สมัคร ป้องวงษ์ ส.ส. สมุทรสาคร พรรคชาติพัฒนา แค่ไม่กี่คนเท่านั้นที่มาร่วมกินข้าว ด้านพรรคเล็กที่ไม่มาส่วนใหญ่ล้วนเป็นฝ่ายที่หนุนบิ๊กตู่อยู่ซีกรัฐบาลเป็นผู้โดยสารบนเรือแป๊ะ อาทิ 1.นพ.ระวี มาศฉมาดล ส.ส. บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคพลังธรรมใหม่ 2.ชัชวาลล์ คงอุดม ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคพลังท้องถิ่นไท 3.สมเกียรติ ศรลัมพ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคประชาภิวัฒน์ 4.พล.ต.อ.ยงยุทธ เทพจำนงค์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคประชานิยม 5.ปรีดา บุญเพลิง ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคครูไทยเพื่อประชาชน 6.ศิลัมพา เลิศนุวัฒน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคพลเมืองไทย เป็นต้น

หลักใหญ่ใจความก็อย่างที่ทราบอย่างที่เป็นข่าว ร.อ.ธรรมนัสก็ย้อนอดีตเรื่องความสำคัญของพรรคเล็ก ทวงบุญคุณโอ้ว่าเป็นคนดึงพรรคเล็กราวๆ 20 คนมาร่วมงานจนทำให้มีรัฐบาลส่งผลให้พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯ แต่ 3-4 ที่ผ่านมานายกฯไม่เห็นหัวไม่ให้ค่าพรรคเล็กเลย หน้าฉากก็ว่าไปแบบนั้น แต่หลังฉากทุกคนรู้ดีว่าร.อ.ธรรมนัสอยากกินรวบพรรคเล็กไปรวมกับพรรคเศรษฐกิจไทยเพื่อให้มีอำนาจต่อรองทางการเมืองอัพเวลเป็นพรรคการเมืองขนาดกลาง ขณะที่ฝ่ายพรรคเพื่อไทยก็หวังอยากดึงพรรคเล็กไปอยู่ฝ่ายตัวเองเพื่อให้เกิดการเปลี่ยนขั้วเปลี่ยนข้างของรัฐบาลอยู่เหมือนกัน และนายใหญ่ทักษิณก็จับตาสถานการณ์นี้อย่างไม่กระพริบ อย่าลืมว่าพรรคเพื่อไทยถ้าจับมือกับพรรคเศรษฐกิจไทยของผู้กองแป้งได้ ขออีกแค่สิบกว่าเสียงก็สามารถคัดค้านกฎหมายสำคัญ คานอำนาจของพล.อ.ประยุทธ์ในสภาลงได้แล้ว ล่าสุดชลน่านเหมือนนกรู้ จึงออกมาส่งสัญญาณเรื่องนี้ดังๆ ระหว่างร่วมงานโครงการผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎรพบประชาชน ที่ระดมพรรคฝ่ายค้านมาสัมมนากัน ณ โรงแรมอมารี วอเตอร์เกต โดยยืนยันหากพรรคเล็กจับมือกับพรรคผู้กองแป้งรวมๆกันได้ 30 คน เชื่อว่าจะเป็นตัวแปรสำคัญในการล้มพล.อ.ประยุทธ์คว่ำรัฐบาลนี้ได้แน่นอน เพราะฉะนั้นในศึกช่วงชิงพรรคเล็กเที่ยวนี้ ฝ่ายไหนใครชิง 30 เสียงพรรคเล็กได้ก่อนคนนั้นก็เป็นผู้ถือไพ่ชนะในเกมส์นี้

การขยับของร.อ.ธรรมนัสกับชลน่าน พลอยทำให้ฝ่ายรัฐบาลร้อนใจว่าอาจช้าไม่ทันการณ์ ล่าสุดจากแผนเดิมที่พล.อ.ประยุทธ์จะนัดกินข้าวกับพรรคเล็กช่วงปลายเดือนนี้ ล่าสุดก็เลยต้องให้ “เสี่ยเฮ้ง”สุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงานในฐานะผอ.พรรคพลังประชารัฐ เดินเกมส์ประสานพรรคเล็กมากินข้าวให้เร็วขึ้น โดยขยับมาเป็นช่วงเย็นของวันพฤหัสบดี ที่ 17 มี.ค.นี้ และใช้สถานที่เดิมคือคลับเฮ้าส์ของสโมสรราชพฤกษ์เหมือนที่กินข้าวกับพรรคใหญ่ เพื่อไม่ให้เกิดการเปรียบเทียบกันจนน้อยใจอีก งานนี้สุชาติออกมาการันตีว่านัดพรรคเล็กทุกพรรคไว้หมดแล้ว และทุกคนพร้อมมาเจอกับนายกฯและ 3 ป. เพื่อพูดคุยทิศทางการทำงานร่วมกันในอนาคต หลังเหลือเวลาไม่ถึงปีในช่วงโค้งสุดท้ายของรัฐบาล สำคัญที่สุดก็เพื่อเชคเสียงพรรคเล็กว่าถึงเวลาจริงๆตอนนี้มีพรรคเล็กอยู่กับนายกฯสนับสนุนรัฐบาลกี่คนแน่ อย่าลืมว่าหลังเปิดสภาสมัยหน้าที่จะเริ่มในวันที่ 22 พ.ค.นี้ พรรคฝ่ายค้านเตรียมยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกฯแบบลงมติตามรัฐธรรมนูญ ม.151 ทันที เพราะฉะนั้นนายกฯต้องการรู้เสียงที่แน่นอนให้ชัวร์ก่อนว่ามีแต้มต่อในมือเท่าไหร่

อย่างไรก็ตามล่าสุดของล่าสุดวันนี้ 14 มี.ค. มีการยืนยันว่านายกฯขอยกเลิกการพูดคุยกับพรรคเล็กออกไปก่อน เพราะไม่อยากให้เกิดความสับสนและเกิดความขัดแย้งกันในหมู่พรรคเล็ก อย่าลืมว่าในหมู่พรรคเล็กก็มีทั้งคนที่เกลียดและชอบนายกฯ จู่ๆจะให้นายกฯไปนั่งคุยกับพรรคเล็กโดยตรงในช่วงที่ความเห็นยังไม่เป็นเอกภาพไม่ทางเดียวกันก็ใช่เรื่อง สุดท้ายปลายทางนัดหมายนายกฯเลยต้องยกไปก่อน แต่งานนี้ทางพี่ใหญ่ 3 ป. อย่าง “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ จะรับบทเป็นหนังหน้าไฟพูดคุยกับส.ส.พรรคเล็กแทน ณ มูลนิธิป่ารอยต่อ 5 จังหวัด ภายใน ร.1 รอ. ช่วงเย็น 14 มี.ค.2565 ส่วนคุยกันแล้วทิศทางของมวลหมู่พรรคเล็กส่วนใหญ่จะออกมาแบบไหน จะหนุนหรือสวนพล.อ.ประยุทธ์ ก็อยู่ที่ลมปากของผู้จัดการรัฐบาลอย่างลุงป้อมแล้วว่าจะทำออกมาได้ดีมากน้อยแค่ไหน
/////////////////////