No data was found

สภาฯ เห็นชอบ พ.ร.ก.ปรับอัตราดอกเบี้ย

กดติดตาม TOP NEWS

กรุงเทพฯ 27  พ.ค.- ที่ประชุมสภาให้ความเห็นชอบ พ.ร.ก.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ พ.ศ. 2564 ด้วยคะแนน  403 ต่อ 1 เสียง  “อาคม” ยันรับฟังข้อท้วงติงส.ส. พร้อมปรับรายละเอียดตั้งคณะกรรมการพิจารณาอีกครั้ง

ที่รัฐสภา ผู้สื่อข่าวรายงานว่าที่ประชุมสภาฯ ใช้เวลาพิจารณารายละเอียดและอภิปราย พ.ร.ก.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ พ.ศ. 2564 กว่า 4 ชั่วโมง ที่ประชุมได้ลงมติให้ความเห็นชอบ ด้วยคะแนนเสียง 403 เสียง ไม่เห็นด้วย 1 เสียง และงดออกเสียง 2 เสียง ทั้งนี้พบว่า ส.ส.พรรคฝ่ายค้านให้ความเห็นชอบด้วย เช่น นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.กทม. พรรคก้าวไกล เป็นต้น

โดยนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง กล่าวชี้แจงต่อที่ประชุมสภาฯ ระหว่างการพิจารณา พระราชกำหนด (พ.ร.ก.) แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ พ.ศ.2564 ว่า เนื้อหาของพ.ร.ก.เป็นส่วนหนึ่งของระบบการเงิน ซึ่งที่ผ่านมามีแนวทางเพื่อช่วยเหลือภาคธุรกิจอย่างต่อเนื่อง อาทิ ในปี2563 ได้ปรับโครงสร้าง ปล่อยสินเชื่อเพิ่มเติม พักชำระหนี้ หรือยืดเวลาพักชำระหนี้ เป็นต้น ส่วนข้อท้วงติงของส.ส. อาทิ การคุ้มครองทุกกลุ่มเป้าหมายจะรับไปพิจารณา ทั้งนี้การปรับรายละเอียดจะมีคณะกรรมการพิจารณาอีกครั้ง โดยคำนึงถึงความเป็นธรรมและประโยชน์ของประชาชน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในระหว่างการอภิปราย ส.ส.พรรคฝ่ายค้านและพรรคร่วมรัฐบาลได้อภิปรายพ.ร.ก.ดังกล่าวอย่างกว้างขวาง ส่วนใหญ่สนับสนุนที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยค่าปรับ แต่ท้วงติงว่ารายละเอียดนั้นไม่ครอบคลุมลูกหนี้ทุกกลุ่ม โดยเฉพาะส.ส.ฝ่ายค้าน น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อภิปรายว่า ขอชมเชยการแก้ไขกฎหมายในครั้งนี้ เพราะช่วยเหลือลูกหนี้ให้ได้รับความเป็นธรรมมากขึ้น แต่เป็นความเป็นธรรมที่ล่าช้า เพราะประชาชนรอเกือบ 100 ปี โดยเฉพาะประเด็นคำนวนดอกเบี้ยผิดนัดที่เอารัดเอาเปรียบลูกหนี้อย่างมาก และความเสียหายที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ใครจะรับผิดชอบ ทั้งที่บางลูกหนี้ไม่ได้ตั้งใจผิดนัดชำระหนี้แม้แต่ครั้งเดียว ทำให้สะสมดอกเบี้ยจนกลายเป็นชำระไม่ไหว และกลายเป็นเกิดหนี้เสีย

ด้านนายเกียรติ สิทธีอมร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ อภิปรายเสนอว่า ให้รัฐบาลออก พ.ร.ก. อีกฉบับเพื่อปรับรายละเอียดให้ครอบคลุมการแก้ปัญหาหนี้ของลูกหนี้ทุกกลุ่ม เพราะจากรายละเอียดของพ.ร.ก.ที่เสนอไม่ครอบคลุมกับลูกหนี้ 4 ประเภท คือกรณีมีสัญญาเงินกู้ แต่ไม่ระบุอัตราดอกเบี้ยและเงื่อนไขการชำระคืน, กรณีไม่มีสัญญาา, กรณีละเมิดทางแพ่ง และกรณีมีดอกเบี้ยผิดนัด ทั้งคำนวณจากเงินต้นเฉพาะงวดผิดนัด และการใช้ดุลยพินิจของศาล  รวมถึงลูกหนี้รายใหม่ที่คาดหวังว่าจะได้รับประโยชน์จากดอกเบี้ยที่ลดลงตามพ.ร.ก. เนื่องจากเงื่อนไขของการแก้ไข พ.ร.ก.ฉบับดังกล่าว ยังมีเงื่อนไขที่ผูกติดกับประกาศของกระทรวงการคลัง จำนวน 4 ฉบับ ซึ่งไม่ลดอัตราดอกเบี้ยของสถาบันการเงิน

“ปัจจุบันมีสินเชื่อในระบบทั้งหมด 17 ล้านล้านบาท แบ่งเป็น 12-13 ล้านล้านบาท เป็นของประชาชนและกลุ่มบริษัท ที่เหลือเป็นส่วนของรัฐบาล รัฐวิสาหกิจ ทั้งนี้ทุกกรณีมีสัญญา ดังนั้นผู้ที่จะได้ประโยชน์จากพ.ร.ก.ฉบับดังกล่าว มีเพียง 0.1%  เท่านั้น  ทั้งนี้ในหลักคิดผมเห็นด้วย แต่ ผิดหวังกับการแก้ปัญหาหนี้ในระบบได้เพียง 0.1% เท่านั้น ดังนั้นตามอำนาจควรออก พ.ร.ก.อีกฉบับเพื่อให้ลูกหนี้ทุกกลุ่มได้ประโยชน์และครอบคลุมกับลูกหนี้รายใหม่” นายเกียรติ กล่าว

ขณะที่นายธีรัจชัย พันธุมาศ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อภิปรายว่า ขอเรียกร้องให้ประธานสภาฯ ส่งพ.ร.ก.ฉบับดังกล่าวให้ศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อให้ตีความว่าการให้อำนาจกระทรวงการคลังเพื่อขึ้นดอกเบี้ยโดยไม่ผ่านกระทรวงนั้น ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ มาตรา 26 หรือไม่  ซึ่งกรณีที่ให้อำนาจกระทรวงการคลังออกพระราชกฤษฎีกา ปรับเพิ่มดอกเบี้ยได้นั้นประชาชนได้รับผลกระทบและตนมองว่าอาจเป็นการช่วยเหลือนายทุน

“พ.ร.ก.ฉบับนี้ เหมือนน้ำผึ้งอาบยาพิษ เหมือนจะดีแต่ไม่ดี เพราะการให้อำนาจกระทรวงการคลังพิจารณาปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ย ว่าจะลดลงหรือเพิ่มขึ้นให้สอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจของประเทศ เป็นพระราชกฤษฎีกาทุก ๆ 3 ปีเท่ากับสามารถขึ้นดอกเบี้ยได้ตามอำเภอใจ เช่น ร้อยละ 7 เท่ากับเขียนเช็คเปล่าให้กระทรวงการคลังไปดำเนินการ ประชาชนมีแต่ได้รับโทษ ทั้งนี้กระบวนการออกกฎหมายของรัฐบาลใช้วิธีปิดปากสภาฯ ไม่สามารถแก้ไขได้” นายธีรัจชัย กล่าว

ส่วนนายศุภชัย ใจสมุทร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า คำว่าประมวลกฎหมายมีความศักดิ์สิทธิ์ มากกว่าพระราชบัญญัติ วันนี้ตนตกใจมากที่รัฐบาลได้เสนอพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) ที่เรียกว่าพ.ร.ก.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ซึ่งฝ่ายบริหารกล้าหาญมากที่ใช้อำนาจที่ควรเป็นอำนาจสภานิติบัญญัติแห่งนี้ โดยอ้างว่าเป็นความจำเป็นเร่งด่วนเพื่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจของประเทศ แต่พบความจริงว่าเรื่องที่เสนอเข้ามานี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ ซึ่งเป็นเรื่องที่ธนาคารแห่งประเทศไทยก็มีดำริคิดเรื่องนี้ที่จะปรับปรุงแนวทางในการคิดดอกเบี้ยที่ผิดนัดชำระหนี้และลำดับการตัดชำระหนี้เพื่อส่งเสริมความเชื่อมั่นของผู้ใช้บริการทางการเงินในระบบการเงินไทย และส่งเสริมให้ผู้ใช้บริการทางการเงินได้ดำเนินธุรกิจไปอย่างยั่งยืน ซึ่งธนาคารแห่งประเทศไทยคิดมาตั้งแต่ปี 63 และออกประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย เรื่องการคิดดอกเบี้ยผิดนัดชำระหนี้และการตัดชำระหนี้ที่มีผลบังคับใช้กับสถานบันการเงินต่างๆ ทุกแห่ง โดยประกาศดังกล่าวได้กำหนดกำกับดูแลการคิดดอกเบี้ยสำหรับลูกค้ารายย่อยและลูกค้าธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อย ซึ่งไม่ได้ครอบคลุมถึงลูกหนี้รายใหญ่ ในขณะที่ประกาศดังกล่าวบังคับใช้ ธนาคารทุกธนาคารก็ได้ดำเนินการปรับปรุงแก้ไขสัญญาตามประกาศนั้นกับลูกหนี้ และคณะกรรมการกฤษฎีกาเองก็ได้รับฟังความคิดเห็นสาธารณะในหัวข้อพ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์แล้ว แต่ทันใดนั้นรัฐบาลก็ประกาศพ.ร.ก.ฉบับนี้ขึ้นมา ที่ไม่ได้เป็นประโยชน์และไม่เป็นการดำเนินการตามกฎหมายและรัฐธรรมนูญ เรื่องนี้จึงไม่สอดรับกับประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย เพราะพ.ร.ก.นี้ครอบคลุมและผูกพันไปถึงลูกหนี้รายใหญ่ ทำให้สถาบันการเงินต่างๆปวดหัวกับสิ่งที่เกิดขึ้นในเวลานี้ เพราะต้องปรับปรุงระบบการคิดคำนวนดอกเบี้ย และสัญญาให้สอดรับกฎหมายต่าง ๆ

“เรื่องนี้ทำให้เกิดความไม่ชัดเจน โดยเฉพาะเรื่องการตีความกฎหมาย รวมทั้งเกิดผลกระทบต่อภาคธุรกิจการลงทุนและการให้สินเชื่อของสถาบันการเงิน หากพ.ร.ก.นี้มีผลบังคับใช้ก็จะเกิดส่งผลกระทบต่อภาคธุรกิจและธนาคาร เป็นอุปสรรคในการปรับปรุงระบบ ทำให้ลูกหนี้รายใหญ่มีอำนาจการต่อรองกับสถาบันการเงินสูง ดังนั้นการปรับวิธีการคิดดอกเบี้ยผิดนัดช่วยให้ลูกหนี้ขนาดใหญ่มีอำนาจต่อรองมากขึ้น จะทำให้ประเทศเกิดผบกระทบและภาพรวมทางเศรษฐกิจ พ.ร.ก.นี้หลักการดี แต่ไม่ได้เอื้อให้กับนายแบงค์ แต่เอื้อให้กับลูกหนี้ของนายแบงค์ และลูกหนี้รายใหญ่ได้รับผลประโยชน์อย่างมาก จึงขอให้รมว.คลังอย่าส่งที่ไม่ชัดเจนมาให้พวกผมรับรองให้” นายศุภชัย กล่าว

 

 

ข่าวที่น่าสนใจ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

ภรรยาหอบลูก ร้องสตช. แฉสามีตำรวจ ทำร้าย-ทอดทิ้ง ช็อกหนักมีเมียอีก 5 ลูกอีก 16 คน
"สว.สมชาย" เรียกร้อง 6 ข้อควรทำ ก่อนนำข้าวค้างโกดัง 10 ปี ออกขายบริโภค
ปาเจโร่ฝ่าสัญญาณไฟแดง ถูกบิ๊กไบค์ชนเจ็บระนาว
ลำปางอ่วม "พายุ" ถล่มรุนแรง หม้อแปลงระเบิด ต้นไม้หักโค่นขวางถนน ทำไฟดับหลายจุด
อาร์เจนตินา ออกแบงก์หมื่น สู้เงินเฟ้อ
เม็กซิโก ให้นักโทษเลือกตั้งล่วงหน้า
“ฮุน เซน” คุย “มิน ออง หล่าย” คาดได้วิดีโอคอลกับซูจี
สีเยือนฝรั่งเศสวันสุดท้าย ก่อนมุ่งหน้าเซอร์เบีย
ไฟแรง "พิชิต" ลุยทำงาน พลิกฟื้น "โครงการทำเนียบช่วยได้" หวังปราบคดีออนไลน์ทุกรูปแบบ
"บก.ลายจุด" ชี้หากเก็บข้าวดี ๆ 10 ปี ยังนำมากินได้ แถมไม่ต้องซาวน้ำ ถึง 15 ครั้ง

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น