วานนี้ศาลรัฐธรรมนูญอ่านคำวินิจฉัยก่อนมีมติ 7 ต่อ 2 ให้สิระ เจนจาคะ ส.ส. กทม. พรรคพลังประชารัฐ ขาดสมาชิกภาพความเป็นส.ส. เนื่องจากมีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 98 (10) เป็นเหตุให้สมาชิกภาพ ส.ส.สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 101 (6) จากกรณีเคยต้องคำพิพากษาถึงที่สุดโดยศาลแขวงปทุมวัน ในคดีหมายเลขดำที่ 812/2538 คดีหมายเลขแดงที่ 2218/2538 กรณีกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพย์ที่กระทำโดยทุจริตตามประมวลกฎหมายอาญา กรณีนี้สืบเนื่องจากการที่ชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎรส่งความเห็นของ ส.ส. 145 คน ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 82 วรรค 1 ว่าการที่ สิระ เคยต้องคำพิพากษาของศาลแขวงปทุมวันเมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน 2538 ว่ามีความผิดอาญาฐานฉ้อโกง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341 จำคุก 4 เดือน และให้สิระคืนหรือใช้ราคาทรัพย์แก่ผู้เสียหาย และริบสัญญาจะซื้อจะขาย ในคดีหมายเลขดำที่ 812/2538 คดีหมายเลขแดงที่ 2218/2538 เข้าข่ายมีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส. ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 98 (10) เป็นเหตุให้สมาชิกภาพ ส.ส. สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 101 (6) หรือไม่ โดยประเด็นนี้อดีตตำรวจใหญ่คู่แค้นสิระ ได้ยื่นคำร้องต่อชวนให้ส่งศาลวินิจฉัยและได้ยื่นร้องต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)ด้วย
ความจริงหลังการพ้นจากตำแหน่งของสิระแค่คนเดียวก็ไม่น่าจะมีอะไรให้ตื่นเต้น เต็มที่ก็ลุ้นจัดการเลือกตั้งใหม่ในเขต 9 กทม.ภายใน 45 วัน แต่ทำไปทำมาการหลุดพ้นตำแหน่งส.ส.ของสิระ ดูจะเกิดผลกระทบตามมาอีกเป็นลูกระนาด ชนิดที่งานนี้อาจจะมีเสียวกันทั้งบาง เพราะการที่สิระรู้อยู่แก่ใจอยู่แล้วว่าตัวเองมีความผิดต้องคำพิพากษาถึงที่สุดแต่ยังให้ข้อมูลเท็จมาลงสมัครส.ส. ความผิดของสิระรอบนี้ต้องบอกว่ารับเละ เพราะโดนคู่อริจัดหนักจัดเต็มแทบทุกดอก โดยเฉพาะนายตำรวจขาใหญ่ที่คุณก็รู้ว่าใคร ที่ได้โอกาสรอบนี้ก็ออกมากระทืบสิระแทบจมดิน แก้แค้นที่ถูกสิระด่าในสภาอยากเจ็บแสบแบบทบต้นทบดอก ต้องบอกว่าสิระเจอเที่ยวนี้หนักสุดในชีวิตจริงๆ เสียทั้งเงินเสียทั้งหน้า เพราะหลุดพ้นตำแหน่งผู้แทนอันทรงเกียรติไปเลย แถมยังต้องจ่ายเงินชดใช้กรณีโกหกพกลม รอบนี้อีกหลายล้านบาท อาทิ สำนักการคลัง สภาผู้แทนราษฎร กำลังตรวจสอบเพื่อเรียกคืน ประกอบด้วย เงินเดือนและรายได้ตกเดือนละ 113,560 บาท จากการเป็นส.ส. ตั้งแต่ 24 มีนาคม 2562 ถึงวันที่ 22 ธันวาคม 2564 2. เงินเดือนผู้ช่วยส.ส.ของทีมงาน 7 คน ตั้งแต่ 15,000-20,000 บาท 3.ค่าเบี้ยประชุม-ค่าเดินทางต่างๆ ของสิระตอนเป็นส.ส. คาดคร่าวๆ ว่าจะเป็นเงินราว 8 ล้านบาท นอกจากนี้ยังมีเงินที่สิระต้องจ่ายสำหรับการเลือกตั้งซ่อมเขต 9 กทม.อีก หลายล้านบาทในฐานที่ต้องทำให้กกต.ต้องจัดการเลือกตั้งใหม่ในเขตหลักสี่ ลำพังแค่นั้นคงไม่ทำให้ขนหน้าแข้งของสิระที่แจ้งบัญชีทรัพย์สินกับป.ป.ช. เมื่อ 25 พ.ค.2562 ตอนเข้ารับตำแหน่งใหม่ๆ ราว 547,694,338 ล้านบาท หร่อยหรอลงไป
แต่ประเด็นสำคัญที่ทำให้วุ่นกันไปหมดทั้งรัฐบาลและพรรคพลังประชารัฐ คือสิระอาจไม่ได้ซวยแค่คนเดียวแต่อาจมีคนอื่นโดนหางเลขกับเรื่องนี้ไปด้วย ชนิดเด็ดสิระคนเดียวเสียวกันทั้งบาง กล่าวคือตามมาตรา 151 ของพ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส. พ.ศ.2561 ระบุว่า ผู้สมัครใดรู้อยู่แล้วว่าตัวเองไม่มีคุณสมบัติมีสิทธิรับเลือกตั้ง เนื่องจากขาดคุณสมบัติ ต้องระวางโทษจำคุกสูงสุด 10 ปี ปรับสูงสุด 2 แสนบาท และเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง 20 ปี เพราะฉะนั้นเรื่องนี้อาจมีรายการพลอยฟ้าพลอยฝนไปถึงผู้มีอำนาจในรัฐบาล อย่าง “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ , “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐคนปัจจุบัน , อุตตม สาวนายน อดีตหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐที่เคยรับรองสิระตอนลงสมัครส.ส. แม้กระทั่งตัวของพรรคพลังประชารัฐเองก็อาจถูกร้องยุบพรรคกรณีที่ไม่ตรวจสอบคุณสมบัติของศิระให้ถี่ถ้วน หนำซ้ำยังเอาคนผิดต้องคำพิพากษามาลงสมัครเป็นผู้แทน ทั้งๆ ที่พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2560 มาตรา 49 วรรค 2 กำหนดชัดว่า ในการส่งผู้สมัครรับเลือกตั้ง ให้พรรคการเมืองมีหน้าที่ในการตรวจสอบคุณสมบัติ และลักษณะต้องห้ามของผู้สมัคร ส.ส.ทั้งแบบแบ่งเขต และผู้สมัครแบบบัญชีรายชื่อ ให้ได้ผู้ซึ่งมีความรู้ความสามารถ ซื่อสัตย์สุจริต และมีคุณธรรม จริยธรรม ตามมาตรฐานทางจริยธรรมที่กําหนดในข้อบังคับ
เพราะฉะนั้นผลพวงของเรื่องนี้ต้องตามดูกันยาวๆ ว่าจะมีสิระเอฟเฟกต์อะไรตามมาอีกบ้าง ที่แน่ๆ พล.อ.ประยุทธ์ พล.อ.ประวิตร จะขาดองครักษ์พิทักษ์ “ตู่-ป้อม” ทั้งในและนอกสภา ซึ่งเป็นขุนพลฝีปากกล้าคนสำคัญไปอีกหนึ่ง ก่อนหน้านี้ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ ก็โดนคำสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ไปแล้วมารอบนี้สิระก็โดนไปอีก จากนี้ก็ต้องดูว่าสนามเลือกตั้งซ่อมเขต 9 กทม. รับรองว่าลุกเป็นไฟแน่ เพราะพรรคใหญ่อยากได้เก้าอี้ตัวนี้ตาเป็นมัน แว่วว่าสิระประกาศจะผลักดันศรีภรรยาคนสวย สรัลรัศมิ์ เจนจาคะ ที่เดิมวางตัวให้เป็นผู้สมัครส.ส.กทม. เขตดอนเมืองในการเลือกตั้งเที่ยวหน้าสลับเขตมารักษาฐานที่มั่นแทนตัวเอง ส่วนพรรคเพื่อไทยเตรียมเข็นสุรชาติ เทียนทอง ลูกชายป๋าเหนาะที่เที่ยวก่อนได้คะแนนไป 32,115 คะแนน แพ้สิระที่ได้คะแนน 34,907 ไปไม่มาก ขณะที่พรรคประชาธิปัตย์เตรียมส่งคนเดิมคือ “ผู้การแต้ม” พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ มือปราบหูดำอดีตรองผบช.น. ที่คราวก่อนได้ที่ 4 ด้วยคะแนน 16,255 ลงชิงชัยอีกครั้ง เลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.ยังไม่รู้เมื่อไหร่แต่เลือกตั้งซ่อมเขต 9 หลักสี่ ไม่เกินก.พ.นี้รู้เรื่องแน่ งานหนักของลุงป้อมของพรรคพลังประชารัฐวัดกระแสความนิยมจากคนกรุง ในช่วงที่รัฐบาลกำลังตกหลุมขาลงสุดๆ ป้องกันแชมป์ไม่ได้หน้าแหกแน่นอนๆ เผลอๆแรงส่งอาจไปถึงผู้ว่าฯกทม.ด้วย แถมมีสิทธิ์สะเทือนไปถึงพล.อ.ประยุทธ์แน่นอน ถ้ารักษาเก้าอี้ตัวนี้ไม่ได้
///////////////////////////
