ปลื้มหนัก! ไทยติดอันดับ 5 ของโลก ประเทศที่มีความมั่นคงทางสุขภาพ จากทั้งหมด 195 ประเทศ!

ปลื้มหนัก! ไทยติดอันดับ 5 ของโลก ประเทศที่มีความมั่นคงทางสุขภาพ จากทั้งหมด 195 ประเทศ!

วันที่ 10 ธ.ค.64. นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยว่า ล่าสุดประเทศไทยได้รับการจัดอันดับเป็นประเทศที่มีความมั่นคงทางสุขภาพ (Global Health Security Index : GHS) อันดับที่ 5 ของโลก จากทั้งหมด 195 ประเทศ เป็นอันดับที่ 1 ของเอเซีย จากการประเมินความพร้อมของประเทศในการรับมือการแพร่ระบาดโรคติดต่อปี 2021 โดยมหาวิทยาลัยจอนส์ ฮอปกินส์ ( Johns Hopkins Center for Health Security) สหรัฐอเมริกา มีคณะทำงานผู้เชี่ยวชาญจากทั่วโลก อาทิ สถาบัน Nuclear Threat Initiative (NTI) ร่วมด้วย การประเมินประกอบด้วย 37 ตัวชี้วัด ครอบคลุมประเด็น อาทิ การป้องกันการแพร่ระบาด การตรวจหาเชื้อและติดตามดูแลผู้ป่วย การรับมือต่อการแพร่ระบาด ระบบสาธารณสุข การปฏิบัติตามมาตรฐานสากล การจัดการกับความเสี่ยงด้านการเมือง/เศรษฐกิจ/สังคม เป็นต้น โดยประเทศที่อยู่ใน 10 อันดับแรก คือ 1. สหรัฐอเมริกา 2.ออสเตรเลีย 3.ฟินแลนด์ 4. แคนาดา 5. ไทย 6. สโลวาเนีย 7. สหราชอาณาจักร 8. เยอรมนี 9. เกาหลีใต้ และ 10. สวีเดน

ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้ฝากขอบคุณ บุคลากรด่านหน้า ภาคส่วนต่างๆ และคนไทยที่ร่วมมือกันปฏิบัติตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด – 19 ทำให้ประเทศไทยได้รับคำชื่นชมในเรื่องการรับมือการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ทั้งนี้ ในปี 2019 ประเทศไทยอยู่ที่อันดับ 6 ของโลก สะท้อนให้เห็นถึงประสิทธิภาพของนโยบายด้านสาธารณสุขและการจัดการกับการแพร่ของโรคระบาดที่ปฏิบัติมาอย่างต่อเนื่อง เป็นที่ยอมรับระดับสากล และเป็นอันดับต้นๆของโลก

ปัจจุบันภาพรวมสถานการณ์โควิด – 19 ในประเทศไทยมีแนวโน้มพบผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตลดลง แต่นายกรัฐมนตรียังเน้นการเฝ้าระวังโดยตรวจหาเชื้อด้วยวิธี RT-PCR ตามกลุ่มเสี่ยง สถานที่เสี่ยง กลุ่มผู้เดินทางเข้าประเทศทุกราย สุ่มตรวจผู้ติดเชื้อในลักษณะ Cluster รวมทั้งส่งตัวอย่างผู้ป่วยที่อาการต้องสงสัย เพื่อตรวจหาสายพันธุ์ Omicron ทันทีด้วย เพื่อควบคุมไวรัสให้อยู่ในวงจำกัด ขณะเดียวกัน ยังกำชับเรื่องการสวมหน้ากากของชาวต่างชาติ ทั้งกรณี Test & Go และ Sandboxด้วย

รองโฆษกรัฐบาล ยังได้กล่าวถึงกรณีที่มีการเผยแพร่ข้อมูลทางสื่อออนไลน์ว่า พบหน้ากากอนามัยทางการแพทย์หลายยี่ห้อไม่ผ่านเกณฑ์ประสิทธิภาพ รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา ได้ชี้แจงว่า หน้ากากอนามัยจัดเป็นผลิตภัณฑ์เครื่องมือแพทย์ ที่ต้องได้รับอนุญาตจาก อย. โดยผ่านการทดสอบในห้องปฏิบัติการที่ได้รับการรับรองมาตรฐานสากล ISO 17025 และผลการกรองอนุภาค (PFE) เพื่อใช้ป้องกันเชื้อโรค ซึ่งต้องผ่านเกณฑ์มาตรฐานมากกว่า 95% ตามที่มาตรฐานอุตสาหกรรม (มอก.)กำหนด สำหรับค่าผลต่างความดันนั้นไม่ส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพในการป้องกันเชื้อโรคจากการสวมใส่ เนื่องจากเป็นค่าที่แสดงถึงความสบายในการสวมใส่เท่านั้น โดยพบว่าอยู่ในช่วง 4-6 mm H2O/cm2 ซึ่งอยู่ในเกณฑ์ที่ยอมรับได้

ข่าวที่น่าสนใจ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

ก.แรงงานทำสำเร็จ นำประชุมบอร์ดค่าจ้าง ได้ข้อสรุป ปรับขั้นต่ำขึ้น 400 ต่อวัน เริ่ม 1 ก.ค.ทั่วกรุงฯ
‘สตง.’ ทำหนังสือด่วน ถึงอธิบดีสถ. เตือนชงโครงการใช้งบกระตุ้นเศรษฐกิจ 1.57 แสนล้าน ในเวลาแค่ 3 วัน ไม่รอบคอบ-เสี่ยงเสียหาย
ป.ป.ช.มีมติรับเรื่องสอบปมซื้อ "ตึก SKYY9" แพงเกินจริง ตีกรอบ 60 วัน ใช้ผลสอบมท.ประกอบการพิจารณา
"กรมราชทัณฑ์" แจงรัวเหตุพยาบาลเวร เรียกรถรพ.ส่งทักษิณ นอนชั้น 14 โผล่สุโขทัย ไม่ให้ปากคำคกก.แพทยสภา
"ทบ." แจงด่วนเหตุ "เฮลิคอปเตอร์" ร่อนลงฉุกเฉิน ขณะปฏิบัติภารกิจส่งเสบียงฐานปฏิบัติการอุบลฯ
กู้ภัยจีนช่วยคน 'ติดในรถ' กลางกระแสน้ำเชี่ยว
ตำรวจกัมพูชาถูกลงโทษหลังท้าพนันปมพิพาทชายแดน
"กัมพูชา" โชว์ตัดไฟฟ้าจากไทยส่งเข้า "ปอยเปต" หันไปพึ่งเวียดนามแทน
ครม.ไฟเขียว “ยกเว้นภาษี” จากกำไรขายสินทรัพย์ดิจิทัล ปี 68-72 พร้อมส่งเสริมไทยเป็นฮับการเงินโลก
ทำเกินไปมาก "รมว.กัมพูชา" เชิญคณะทูตต่างประเทศ แจงสถานการณ์ชายแดน โบ้ยให้ไทยผิดทั้งหมด ยังไม่จบอ้างถูกเปิดฉากยิงก่อน

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น