3 ธ.ค. ที่ผ่านมา อย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯไทยรักไทย นายใหญ่สารพัดคดี ออกมาโพสต์ข้อมูลผ่านเฟซบุ้คทางการที่ชื่อ “Thaksin Shinawatra” จั่วหัวประเด็นข่าวลือด้วยประโยคภาษาอังกฤษที่ว่า “Thailand is a rumour driven society” คือ ประเทศไทยเป็นสังคมที่ขับเคลื่อนด้วยข่าวลือ จากนั้นก็ร่ายย่าวที่มาอันเป็นเหตุนำาสู่การโพสต์ปฏิเสธไม่ได้เป็นไอ้โม่งไม่ได้เป็นจอมบงการอยู่เบื้องหลังการล้มเจ้า ” ขณะนี้ก็มีคนปล่อยข่าวว่า พรรคเพื่อไทย พรรคก้าวไกล จะถูกยุบ โดยอ้างว่าผมไปสนับสนุนขบวนการล้มเจ้าบ้าง ไปอ้างว่ามีเงินไหลมาจากต่างประเทศมาสู่ขบวนการล้มเจ้าบ้าง สรุปแล้วก็จะพาดพิงผมเป็นคนทำ ผมเลยต้องขออนุญาตออกมาเล่าให้พี่น้องฟังว่า ถ้าใครมีหลักฐานว่ามีโอนเงินมาจากผม โดยเฉพาะอย่างยิ่งโอนเงินเข้าสู่ขบวนการล้มเจ้า ผมจะให้รางวัลอย่างงาม เพราะไม่มีทางมี และผมไม่เคยโอนเงินมา ไม่ว่าเรื่องใดๆ ทั้งสิ้น เพราะฉะนั้นลำพังทำมาหากินและไว้ใช้ในต่างประเทศก็หนักหนาอยู่แล้ว คงไม่คิดจะโอนเงินมาทำอะไร” ทักษิณระบุ
ก่อนแจกแจงความจงรักภักดีของตัวเองต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ โดยเฉพาะการยกประวัติการเป็นนักเรียนเตรียมทหารรุ่น 10 (ตท.10) นักเรียนนายร้อยตำรวจรุ่นที่ 26 (นรต.26) ก่อนได้ทุนสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) ไปต่อป.โทสาขากระบวนการยุติธรรม ม.อีสเทิร์นเคนตักกี้ และ จบ.ป.เอกสาขาเดียวกัน ที่ ม.แซมฮิวสตันสเตรท ด้วยเหตุนี้เจ้าตัวจึงยืนยันหนักแน่นไม่ใช่สายล้มเจ้าอย่างแน่นอน
” ขอยืนยันว่าข่าวทั้งหลายเป็นข่าวปล่อยที่เป็นเท็จอย่างสิ้นเชิง ส่วนเรื่องที่ผมจะเข้าไปเกี่ยวข้องกับการล้มเจ้านั้น ยิ่งเป็นเรื่องที่ตลกและไม่มีมูลแม้แต่นิดเดียว เพราะผมเป็นคนที่จบโรงเรียนเตรียมทหาร จบโรงเรียนนายร้อยตำรวจ และได้ทุนเล่าเรียนจาก ก.พ. ตามความต้องการของกรมตำรวจไปศึกษาต่อทั้งปริญญาโทและปริญญาเอกที่อเมริกา เพราะฉะนั้นโดยธรรมชาติของผม นอกเหนือจากระบบสถาบันที่ต้องดำรงอยู่ด้วยความจงรักภักดีแล้ว ยังเป็นเรื่องความกตัญญูรู้คุณที่เป็นจุดแข็งในชีวิตผม ทำให้ชีวิตผมมีความสำเร็จมาทุกวันนี้ เพราะผมมีความกตัญญูรู้คุณ ดังนั้น เรื่องที่กล่าวหาทั้งหมด ขอยืนยันว่าไม่มีมูล และอย่าหวังว่าจะมีคนหลงเชื่อตามคนที่ปล่อย ผมขอปฎิเสธอย่างสิ้นเชิง” โทนี่อธิบาย
ยังไม่ชัดว่าทำไมจู่ๆทักษิณถึงร้อนตัวออกมาชี้แจงเรื่องนี้แบบทะลุกลางปล้อง แต่จับสัญญาณที่ทำให้นายใหญ่คนแดนไกล ร้อนตัวออกมาโพสต์เฟซบุ้คเรื่องนี้ก็น่าจะเป็นเรื่องใหญ่ที่ถูกกล่าวหาเป็นจอมบงการที่อยู่เบื้องหลังขบวนการล้มเจ้า จ่ายเงินจ่ายทองโอนทรัพย์สินต่อท่อน้ำเลี้ยงให้กับขบวนการอุบาทว์ที่จ้องทำลายเสาหลักของประเทศ ตั้งแต่อดีตที่ผ่านมา ตอนสมัยที่เป็นนายกฯมีอำนาจบารมีล้นฟ้า ทักษิณก็ตกเป็นขี้ปากชาวบ้านเรื่องตีตนเสมอเจ้านายมาตลอด ทั้งการพูดจากระทบกระเทียบเปรียบเปรยสถาบันบ่อยครั้ง อาทิ ผู้มีบารมีนอกรัฐธรรมนูญ มือที่มองไม่เห็น กระซิบข้างหูก็พร้อมจะลาออกทันที ฯลฯ ทัศนคติทางลบของทักษิณเป็นข่าวเป็นคราวปรากฎให้เห็นอยู่ตลอด ทั้งเรื่องปฏิญญาฟินแลนด์ การลดทอนพระราชอำนาจเรื่องต่างๆ การแก้กฎหมายเกี่ยวกับการแต่งตั้งสมเด็จพระสังฆราช การล้วงลูกโยกย้ายนายทหาร 3 เหล่าทัพ การอาจเอื้อมเอาญาติบริวารเข้าไปนั่งทำบุญในวัดพระแก้ว ฯลฯ
หลายครั้งหลายคราวที่ทักษิณแสดงให้คนไทยเห็นว่าไม่เห็นเจ้านายอยู่ในสายตา พยายามดึงฟ้าต่ำเอาสถาบันมาเกี่ยวข้องกับเรื่องทางการเมืองจนทำให้เกิดเรื่องเสียหายมัวหมอง หลังฉากของเรื่องราวใหญ่โตที่เกิดขึ้นล้วนถูกโยงว่ามีทักษิณอยู่เบื้องหลัง อาทิ การเสนอร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรม แบบเหมาเข่ง ช่วงปี พ.ศ. 2556 สมัยที่ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกฯน้องสาวมีอำนาจ โดยกฎหมายดังกล่าว เสนอให้มีการนิรโทษกรรมครอบคลุมทุกฝ่าย ทั้งพันธมิตรฯ นปช. รวมถึงตัวทักษิณเอง ที่สุดก็กลายเป็นต้นทางความวุ่นวายไม่จบสิ้นในยุคยิ่งลักษณ์ หรือ การเสนอพระนามทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี เป็นนายกฯในบัญชีรายชื่อของพรรคไทยรักษาชาติ (ทษช.) ช่วงปี 2562 ก่อนหน้าการเลือกตั้ง ผ่านไป 13 ชั่วโมงก็มีพระบรมราชโองการฯ ไม่เหมาะไม่ควรที่จะนำเจ้านายมายุ่งเกี่ยวกับการเมือง ” การนำสมาชิกชั้นสูงในพระบรมราชวงศ์มาเกี่ยวข้องกับระบบการเมือง ไม่ว่าจะโดยทางใดก็ตาม จึงเป็นการกระทำที่ขัดต่อโบราณราชประเพณี ขนบธรรมเนียม และวัฒนธรรมของชาติ ถือเป็นการกระทำที่มิบังควรไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง”
ก่อนหน้านี้ไม่นานทักษิณก็เพิ่งออกมาแสดงความเห็นเรื่องกฎหมายอาญา ม.112 ตอนแรกก็บอกว่าตัวกฎหมายไม่เคยมีปัญหา แต่คนที่เป็นปัญหาคือคนที่อยู่ในกระบวนการยุติธรรมและคนที่นำประเด็นนี้มาสร้างความแตกแยกในสังคม แต่ภายหลังพอถูกฝ่ายตามด่าแหลกว่าไม่จริงใจในเรื่องนี้ ทักษิณก็กลับลำระหว่างเสวนาผ่านคลับเฮาส์ของกลุ่ม CARE ช่วงค่ำ 9 พ.ย. โดยเสนอให้แก้เรื่องโทษจำคุก 15 ปี ที่ถือว่าหนักเกินไปและแก้กระบวนการแจ้งความร้องทุกข์ ที่เปิดช่องให้ทุกคนสามารถกล่าวโทษเพื่อดำเนินคดีม.112 “ ต้องรีบแก้ไข 15 ปีมันหนักไป ทำอย่างไรไม่ให้โทษสูงเกินไป ทำอย่างไรให้ได้สิทธิประกันตัว ทำอย่างไรให้เกิดความยุติธรรม…เรื่องที่กำหนดลงโทษ 15 ปี มันก็หนักไป แล้วก็ต้องดูวิธีฟ้องว่ามีกระบวนการแจ้งความแบบไหนที่ไม่ใช่แบบทุกวันนี้ ถ้าไม่ทำมันจะมีแต่ความแตกแยก คนรุ่นใหม่เนี่ย รัฐไม่เข้าใจวิธีคิดเขา พวกเขาหวังดี แต่ก็ไปตีความว่าไม่จงรักภักดี ทำให้ปัญหาลุกลามใหญ่โต” โทนี่กลับลำ
จะเห็นได้ว่าตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันทักษิณไม่เคยห่างหายจากการตกเป็นจำเลยสังคมเรื่องล้มเจ้าทำลายสถาบันเลย เพราะมีชื่อผลุบๆโผล่ๆพัวพันการอยู่เบื้องหลังทำลายทำร้ายสถาบันอันเป็นที่รักของคนไทยมาตลอด จับได้บ้างจับไม่ได้บ้าง ทั้งพูดต่อหน้าสาธารณะและพูดในที่ลับ ขณะที่พฤติการณ์ของทักษิณที่ผ่านมาก็เข้าข่ายต่อหน้ามะพลับลับหลังตะโกเสมือนลิงหลอกเจ้า บ่อยครั้งจึงถูกคนฝ่ายตามโดยเฉพาะพวกสามกีบล้มเจ้าตำหนิในทำนอง “สู้ไปกราบไป” อยู่เสมอ เพราะเล่นบทตีสองหน้ากับฝ่ายเจ้าและมวลชนมาตลอด รอบนี้คงบวกลบคูณหารแล้วว่าถ้าไม่รีบออกตัวไวไว มีหวังพรรคเพื่อไทยถูกลากเข้าซังเตมุ้งเดียวกับพรรคก้าวไกลเป็นแน่แท้ ถ้าเป็นแบบนี้อนาคตที่ตั้งใจจะปั้นลูกสาวคนเล็กอย่าง “อุ๊งอิ๊ง” แพทองธาร ชินวัตร ประธานที่ปรึกษาการมีส่วนร่วมและนวัตกรรม พรรคเพื่อไทย เป็นรายชื่อหมายเลข 1 ลุ้นเก้าอี้นายกฯในการเลือกตั้งงวดหน้าคงมลายหายไป โดยเฉพาะหากพรรคเพื่อไทยโดนกุดหัวถูกยุบพรรคจากศาลรัฐธรรมนูญไปก่อน เพราะฉะนั้นมีข่าวไม่ดีอะไรช่วงนี้ทักษิณจึงร้อนตัวต้องรับตีกรรเชียงหนีให้ไวปัดให้พ้นตัวไปก่อน ไม่งั้นจะซวยเอาได้ง่ายๆ เลือกตั้งรอบหน้ามันตั๋วใบสุดท้ายสำหรับรถไฟเที่ยวสุดท้ายที่จะกลับเมืองไทยของทักษิณแล้ว บรรยากาศก็เข้าทาง กติกาเลือกตั้งก็เอื้ออำนวย คนก็มีเงินก็พร้อม ถ้าเลือกตั้งเที่ยวหน้าพลาดอีกโอกาสกลับเมืองไทยของทักษิณคงไม่มีแล้ว
////////////////////////
