เพราะมีปัญหาขบเหลี่ยมกันมาตลอดภายในพรรคพลังประชารัฐ หลังเหตุการณ์วางแผนคว่ำ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ระหว่างศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจ 31 ส.ค. – 4 ก.ย. 2564 นับแต่นั้นเป็นต้นมา นายกฯก็ดูเหมือนถูกขัดแข้งขัดขา ท่ามกลางกระแสข่าวเกิดความระหองระแหงระหว่างรัฐบาลกับพรรคพลังประชารัฐมาโดยตลอด พลอยทำให้เสถียรภาพรัฐบาลเกิดความสั่นคลอน ส่งผลให้ประชาชนเกิดความไม่แน่ใจว่าพล.อ.ประยุทธ์จะสามารถบริหารประเทศต่อไปได้อีกนานเท่าไหร่ รัฐบาลจะบริหารประเทศไปได้อีกมากน้อยขนาดไหน ท่ามกลางความขัดแย้งระหว่างพล.อ.ประยุทธ์ กับ “ผู้กองนัส” ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ แกนนำพรรคร่วมรัฐบาล
อย่างไรก็ตามดูเหมือนพล.อ.ประยุทธ์จะรับทราบเข้าใจปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นอย่างดี หากปล่อยขาลอยไม่ลงมาดูพรรค มีหวังถูกเลื่อยขาไม่แคล้วโดนมีดแทงหลังอีกเป็นแน่ พล.อ.ประยุทธ์เป็นทหารอาชีพขนานแท้แม้ตอนนี้จะเปลี่ยนบทบาทมาเป็นนักการเมืองเต็มตัว แต่ต้องยอมรับว่าเหลี่ยมคูทางการเมืองบางเรื่องก็ยังมีจุดอ่อนอยู่ จะให้เขี้ยวลากดินเหมือนนักการเมืองพันธุ์แท้ทั้งดุ้นเลยก็คงลำบาก แต่ประสบการณ์ที่เคยเป็นผู้นำกองทัพ เป็นอดีตผบ.ทบ. ก่อนตัดสินใจยึดอำนาจในฐานะหัวหน้าคณะรัฐประหาร บริหารประเทศมาเกือบ 7 ปี เป็นนายกฯมาแล้ว 2 สมัย ทั้งพรรษาการเมือง ประสบการณ์บริหารประเทศ การรับมือกับปัญหาสารพัดเรื่องก็ต้องบอกว่าพล.อ.ประยุทธ์ชั่วโมงนี้ก็ไม่ธรรมดาเข้าขั้นมาเหนือเมฆในหลายเรื่อง
ก่อนหน้านี้ก็สั่งปลดร.อ.ธรรมนัส อดีตรมช.เกษตรและสหกรณ์ กับคู่หู “อ.แหม่ม” นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ อดีตรมช.แรงงาน แบบไร้รอยต่อชนิดทั้ง 2 คนแทบไม่รู้ตัวตั้งรับไม่ทันเอาคืนภายหลังเดินเกมส์ใหญ่หวังแซะสร.1 พ้นเก้าอี้คาสภา จากนั้นก็ส่ง “เสี่ยตุ๋ย” พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค อดีตรมว.ยุติธรรม มือปราบทุจริตดาวสภาพรรคประชาธิปัตย์ไปประกบ “ลุงป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ คอยทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาหัวหน้าพรรค ทางนึงก็เป็นหูเป็นตาให้ลุงตู่ได้รู้ความเคลื่อนไหวในพรรค อีกทางก็เข้าไปดูโครงสร้างไปเช็คภายในว่าพรรคพลังประชารัฐมีอะไรที่ต้องปรับปรุงรื้อล้างให้ถูกต้องเหมาะสมอีกบ้าง เสร็จจากนั้นก็ทดสอบระบบเล่นเกมส์วัดพลัง หวังเขย่ากลไกลภายในที่ยังหลวมยังไม่แน่นกระชับอำนาจพรรคพลังประชารัฐ ด้วยการเตรียมปรับโครงสร้างกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ วางแผนเรียบร้อยเตรียมการกันเสร็จเดินเครื่องเฟส 1 ไปแล้ว แต่เจอพี่ใหญ่บูรพาพยัคฆ์เบรกขอกันกินห้ามเอาไว้ก่อน เพราะกลัวพรรคช้ำส.ส.แตกสมาชิกขวัญกระเจิง หากจะรื้อล้างยกเครื่องปะผุพ่นสีกันใหม่หมด ที่สุดก็เลยต้องหยุดเอาไว้ก่อนเพราะเกรงใจพี่ใหญ่ไว้หน้าหัวหน้าพรรคไว้สักคน
ถึงกระนั้นก็ออกอาวุธสั่งสอนก๊วนปีนเกลียวตัดแขนตัดขาผู้กองนัส ลดทอนพละกำลังฝ่ายตรงข้ามไม่ให้กำเริบเสิบสาน กรณีวิรัช รัตนเศรษฐ ประธานวิปรัฐบาลถูกศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองประทับรับฟ้องตกเป็นผู้ต้องหา ในคดีมีเอี่ยวทุจริตสร้างสนามฟุตซอลที่โคราช มูลค่า 4.5 พันล้านบาท ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่พร้อมศรีภรรยาและน้องเมีย ส่งผลให้ส.ส.รัฐบาลหายไป 3 คน มองทางดีคดีความก็เดินกันไปตามกระบวนการศาลเป็นเรื่องปกติธรรมดา มองทางร้ายก็ต้องบอกว่าน้องเล็กบูรพาพยัคฆ์อย่างลุงตู่ร้ายไม่เบา หลอกทำเป็นมวยอ่อนเชิงด้อยประสบการณ์เต้นฟุตเวิร์คหมุนรอบเวทีไปเรื่อยๆ แต่ถึงเวลาก็ปล่อยหมัดฮุคน็อคปลายคางฝ่ายตรงข้ามลงไปนอนกองกับพื้นกันเลยทีเดียว วิรัชโดนคดีหยุดทำงานรอบนี้ธรรมนัสแทบทรุด เพราะเป็นลูกพี่ที่คอยวางแผนในพรรคเป็นคุมเกมส์ให้จังหวะในสภา ธรรมนัสขาดวิรัชก็เหมือนขาดใจ ไปไหนต่อก็ลำบากเปรียบเสมือนเรือไร้หางเสือ ไปต่อได้แต่ไร้เป้าหมายและทิศทาง
ได้ทีพล.อ.ประยุทธ์บ้างหลังตกเป็นเบี้ยล่างถูกขย่มมานาน ตอนนี้น้ำขึ้นจังหวะของเกมส์เปลี่ยน ลุงตู่ก็เลยต้องรุกไล่ออกอาวุธใส่ธรรมนัสมากเป็นธรรมดา เพราะโดนมาเยอะถูกทำข้างเดียวมาตลอด ได้จังหวะเอาคืนก็ต้องไล่ขยี้บดบี้กันให้สุด ไม่งั้นหอกข้างแคร่ก็จะไม่หลาบจำ วิรัชถูกแช่แข็งพล.อ.ประยุทธ์ก็เลยได้จังหวะส่งองครักษ์พิทักษ์ตู่หัวหมู่ทะลวงฟันในสภาอย่าง นิโรธ สุนทรเลขา ผู้แทน 4 สมัยจากนครสวรรค์ขึ้นกุมบังเหียนเป็นประธานวิปรัฐบาลแทน ด้านหนึ่งกุมเสียงในสภาไม่ให้ล่มอีกด้านก็คุมส.ส.ไม่ให้ขวางลำคว่ำกฎหมายจนหลุดพ้นนายกฯ แก้ปัญหาในสภาเสร็จสรรพพล.อ.ประยุทธ์ก็หันหัวเรือมาจัดการเรื่องวุ่นวายในพรรคแทน
ล่าสุดเตรียมผลักดัน 2 ดาวเด่นจาก 2 วงการ “ตำรวจ-ปกครอง” มาเพิ่มอำนาจเสริมบารมีในพรรค หลังมีข่าวพรรคพลังประชารัฐไฟเขียวอ้าแขนรับ “บิ๊กแป๊ะ” พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา อดีตพิทักษ์1 ผบ.กรมตำรวจปทุมวัน ที่เพิ่งสลัดทิ้งการช่วงชิงเก้าอี้ผู้ว่าฯกทม.เข้าพรรคเรียบร้อยโรงเรียนตู่แล้ว อีกด้านก็ปูพรหมแดงรับ “ปลัดฉิ่ง” ฉัตรชัย พรหมเลิศ อดีตปลัดมหาดไทย ที่พี่กลางบูรพาพยัคฆ์อย่าง “บิ๊กป็อก” พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา มท.1 คัดตัวมาช่วยงานน้องตู่ แรกเริ่มวางแผนตั้งพรรคใหม่หวังเป็นพรรคอะไหล่หากเกิดอุบัติเหตุในพรรคพลังประชารัฐ อย่างน้อยลุงตู่ยังมีพรรคปลัดฉิ่งเป็นหลังพิง แต่หลังเกมส์พลิกพรรคใหญ่รวมหัวกันแก้รัฐธรรมนูญกลับไปใช้บัตร 2 ใบ พรรคเล็กตายหมู่โอกาสสู้ริบหรี่บวกลบคูณหารเข้ามาอยู่ในพรรคพลังประชารัฐน่าจะรุ่งกว่า จับตาดูจากนี้บิ๊กแป๊ะกับปลัดฉิ่งจะมาช่วยงานพล.อ.ประยุทธ์ทั้งในรัฐบาลและในพรรคพลังประชารัฐได้มากน้อยขนาดไหน
///////////////
