คึกคักตั้งแต่เสียงระฆังดัง สมัครสส.แบ่งเขตวันแรก “น้ำเงิน-แดง-ส้ม-ฟ้า” พร้อมสู้ศึก “กล้าธรรม” ครั้งแรกชิงผู้แทนเมืองกรุงฯ

คึกคักตั้งแต่เสียงระฆังดัง สมัครสส.แบ่งเขตวันแรก "น้ำเงิน-แดง-ส้ม-ฟ้า" พร้อมสู้ศึก "กล้าธรรม" ครั้งแรกชิงผู้แทนเมืองกรุงฯ

วันนี้ ( 27 ธ.ค.) เป็นวันแรกของการเปิดรับสมัครเลือกตั้งสส. แบบแบ่งเขต ทั่วประเทศ บรรยากาศโดยทั่วไปเป็นไปอย่างคึกคัก โดยเฉพาะ กรุงเทพมหานคร ที่อาคารกีฬาเวสน์ 2 ศูนย์เยาวชนกรุงเทพมหานคร(ไทย-ญี่ปุ่น) น.ส.ศุภมาส อิศรภักดี เหรัญญิกพรรคภูมิใจไทย ในฐานะหัวหน้าทีม กทม. พร้อมด้วยนายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ และนายเกรียงยศ สุดลาภา ผู้รับผิดชอบการเลือกตั้งพื้นที่ กทม. พรรคภูมิใจไทย นำผู้สมัครสส.กทม.พรรคภูมิใจไทย ทั้ง 33 เขต เดินทางด้วยรถบัสมาสมัครรับเลือกตั้งต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)

ก่อนที่นายเอกนัฏ ให้สัมภาษณ์ว่า มั่นใจในตัวผู้สมัครสส.กทม.ของพรรคทุกคน ที่เราเลือกมา เรามีนโยบายที่นำเสนอ ไม่ใช่ทำแค่นโยบาย แต่บอกด้วยว่าจะทำอะไร ทำอย่างไร และเอาใครมาทำ เราถึงใช้คำว่าพูดแล้วทำพลัส ดังนั้น หากเรามีโอกาสในพื้นที่กทม. เราจะทำเต็มที่ เราไม่อ้อมค้อม ทั้งนี้ภายหลังจับเบอร์ผู้สมัครแล้วเสร็จ จะนำทีมผู้สมัครสส.กทม.ของพรรคไปสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในข่วงเวลาสั้นๆ และจะกระจายกันลงพื้นที่เพื่อหาเสียงประชาสัมพันธ์นโยบายของพรรคภูมิใจไทยได้เลย

“นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ได้นำเสนอนโยบายต่อผู้สมัครทุกคน และได้บอกชัดเจนว่าจะเอาใครมาทำงาน ตอนนี้ถ้าใครคิดถึงภูมิใจไทย ก็ต้องคิดถึงคนที่มีความรู้ความสามารถอย่าง นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว มาทำงานคู่กับท่านนายกฯ นำพาประเทศไปสู่จุดที่ทำให้คนไทยกลับมาภูมิใจอีกครั้งหนึ่ง และผมในฐานะคนกรุงเทพฯ คนกรุงเทพฯจะต้องแบกภาระทั้งหมดของประเทศ ผมคิดว่ารัฐบาลต่อจากนี้ ต้องมาช่วยคนกรุงเทพฯแบกภาระนี้ไว้ สิ่งที่สำคัญคือความหวัง ผมเริ่มเห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์นิดๆ แต่ถ้าได้กลับมาอยู่อีก 4 ปี เชื่อว่าความหวังที่เรามีตลอดเวลาจะกลับมาเป็นความจริง”

ทางด้าน พรรคประชาชน นำโดย นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ให้สัมภาษณ์ว่า มีความมั่นใจและกำลังใจเต็มเปี่ยม เชื่อว่าผู้สมัครทุกคนเข้ามาทำงานการเมืองเพื่อสร้างความเปลี่ยนแปลง ผ่านกระบวนการคัดสรรอย่างเข้มข้น ไม่มีใครเกี่ยวข้องกับเครือข่ายทุนเทาหรืออาชญากรรมข้ามชาติ พร้อมย้ำว่าการเลือกตั้งวันที่ 8 ก.พ.นี้ เป็นภารกิจสำคัญในการตัดสินอนาคตประเทศ และเป็นภารกิจร่วมกันในการ “ตัดสีเทาออกจากประเทศ” เพื่อสร้างสังคมไทยที่เท่าเทียม

หัวหน้าพรรคประชาชน กล่าวว่า การเลือกตั้งครั้งนี้ พรรคประชาชนจะทำเต็มที่ทั้ง 33 เขตในกรุงเทพมหานคร แม้จะมีความมั่นใจในการรักษาพื้นที่ แต่จะไม่ประมาท และไม่ดูถูกเสียงของประชาชน กำชับให้ผู้สมัครทุกคนหาเสียงอย่างเต็มที่ในเวลาที่เหลืออยู่

 

 

ส่วนผลงาน สส.กทม.ของพรรคประชาชนในสภาผู้แทนราษฎรที่ผ่านมา นายณัฐพงษ์ ให้คะแนนเกิน 10 คะแนน โดยระบุว่าทำงานการเมืองทั้งในและนอกสภาฯ ผลักดันกฎหมายหลายฉบับ แม้จะอยู่ในฐานะฝ่ายค้านก็ไม่ได้นิ่งเฉย พร้อมชูนโยบายหลักในการเลือกตั้งครั้งนี้ ได้แก่ การแก้ปัญหาเฉพาะหน้าเร่งด่วน การขจัดทุนเทา ปัญหาความมั่นคงชายแดน ภัยความมั่นคงรูปแบบใหม่ อาชญากรรมไซเบอร์ การจัดการภัยพิบัติ รวมถึงปัญหาเศรษฐกิจและความเหลื่อมล้ำในสังคม

ขณะที่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ระบุว่า พรรคประชาธิปัตย์มีความพร้อม และผู้สมัครที่เปิดตัวไป เป็นผู้ที่มีความตั้งใจจริงๆ เป็นคนใหม่ที่เข้ามาเป็นส่วนใหญ่ และได้ลงพื้นที่เรียบร้อยแล้ว เพียงแต่มาสมัครตามขั้นตอนของกฎหมาย และหลังจากนี้เราก็พร้อมเดินหน้าเต็มที่ ซึ่งครั้งนี้เป็นครั้งที่มีผู้ประสงค์ลงสมัครมากที่สุด เป็นเรื่องที่รองหัวหน้าพรรค และคณะกรรมการสรรหาใช้เวลาในการกลั่นกรอง ค่อนข้างละเอียด สิ่งที่สำคัญที่สุดต้องจบที่แนวคิด และนโยบายของพรรค ที่จะมาตอบโจทย์ของคนกรุงเทพ ไม่เพียงแต่เรื่องของปัญหาเฉพาะหน้าเท่านั้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการจราจร ฝุ่น ที่จะต้องทำให้เป็นระบบมากขึ้น เรื่องเศรษฐกิจ ที่จะทำให้คนที่ทำงานมีรายได้มากขึ้น และใช้เทคโนโลยีเข้ามาเพื่อเปิดโอกาสใหม่ ๆ ในการสร้างรายได้สำหรับพี่น้องที่อยู่ในเมือง

ส่วนความคาดหวังในพื้นที่ กทม. นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตอนนี้ก็ต้องยอมรับว่ามีคนครองพื้นที่อยู่ และพูดเสมอว่าไม่มีใครผูกขาดพื้นที่ได้ ก็ต้องแข่งขันกันไป ตอนนี้อาจจะเร็วเกินไปที่จะประเมิน แต่ที่ผ่านมาในช่วง 2 เดือน ก็ได้รับการต้อนรับที่ค่อนข้างโอเค

 

ส่วน นาย พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ กล่าวว่า พรรค รทสช.เน้นนโยบายที่เป็นวิกฤติของประเทศ คือปัญหาชายแดนไทย – กัมพูชา ต้องเดินหน้าให้สุดไม่ใช่แค่เดินไปถอยไป รวมถึงการให้กำลังใจทหาร และเรื่องการแก้ไขปัญหาคอรัปชั่น สแกมเมอร์

นอกจากนี้ รทสช.ยังมีนโยบายเรื่องการแก้ไขปัญหาพลังงานที่ตนได้ทำมา 2 ปี เพื่อให้เห็นว่าได้ทำจริง และเด็ดขาด ทั้งราคาค่าไฟฟ้า และราคาน้ำมันลิตรละต้องต่ำกว่า 30 บาท ไม่เกินนี้ อีกทั้งยังมีเรื่องของการดูแลผู้ป่วย ผู้สูงอายุ และอนาคตของเด็กต้องได้เรียนหนังสือ เพื่อให้สังคมดีขึ้น และยังมีนโยบายดูแลเกษตรกร รวมถึงการแก้ไขปัญหาที่ดินทำกิน ซึ่งตนมองว่าที่ผ่านมาแก้ไขปัญหาไม่จบ เพราะหน่วยงานของรัฐเป็นคู่กรณีขัดแย้งกัน โดยนโยบายของเราคือ “ตั้งศาลที่ดิน”เพื่อแก้ไขปัญหานี้โดยตรง

สำหรับพรรคเพื่อไทย นายยศชนัน วงศ์สวัสดิ์ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย ระบุว่า พรรคเพื่อไทย เรามั่นใจเราพร้อมทั้ง 33 เขตเลือกตั้ง ที่ผ่านมาเราลงพื้นที่สม่ำเสมอ มีนโยบายเพื่อ กทม. โดยเฉพาะเรื่องเศรษฐกิจ ชาว กทม. เป็นลูกจ้างทั้งภาคเอกชน และภาครัฐ เอกชน 60 เปอร์เซ็นต์ ภาครัฐ 40 เปอร์เซ็นต์ ประกอบธุรกิจส่วนตัว 20 เปอร์เซ็นต์ การเป็นหนี้เป็นปัญหาหลัก การแก้ไขปัญหา กทม. 3 หลักนี้ จำเป็นต้องทำ ลดรายจ่าย ปลดหนี้ทั้งหนี้เสีย และมีพี่น้องเกษตรกร พักชะระหนี้ ถ้าจ่ายหนี้ได้ดีจะคืนกำไร และลดค่าไฟ 3.70 บาท ไปเพิ่มพลังงานทดแทน และปัญหาสิ่งแวดล้อม พรบ.อากาศสะอาดเราผลักดันต่อ การขนส่งต่าง ๆ ประชาชน กทม. ใช้รถไฟฟ้าเยอะ ก็เกิดมลพิษ

“เราพยายามดึงมารวมศูนย์ ทำ พรบ. ตั๋วรวม 20 บาท ตลอดสายรถไฟฟ้า รถเมล์แอร์ ทำให้ กทม. เดินทางได้สะดวก และพี่น้องที่มีรายได้สูงขึ้น เราพยายามหาพื้นที่ค้าขายได้ และดึงดูดนักท่องเที่ยว ปรับปรุงสนามบินให้ต่างชาติกลับมาเที่ยวได้มากขึ้น สำหรับสวัสดิการทั้งระบบ พี่น้องไรด์เดอร์ ยังไม่ได้รับ ดูแลครบวงจรทั้งระบบ การศึกษา และการเข้าถึงระบบสาธารณสุขทั้ง 30 บาทจะทำต่อ การรักษาทางไกล เข้าถึงการแพทย์ กลุ่มมะเร็ง และอัมพฤต อัมพาต จะช่วยเหลือให้มากยิ่งขึ้น และกระตุ้นเศรษฐกิจในภาพรวม อุตสาหกรรมการผลิตและบริการ และอุตสาหกรรมความคิดสร้างสรรค์ และเมืองดนตรี”

เช่นเดียวกับ พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคไทยสร้างไทย แสดงความมั่นใจในชัยชนะ ด้วยการชูจุดแข็งด้าน “บุคลากรคุณภาพ” ที่คัดสรรมาอย่างเข้มข้น โดยทีม สส.กทม. ชุดนี้ประกอบด้วยผู้ทรงคุณวุฒิระดับปริญญาโทและเอก มากกว่า 10 ท่าน ผนวกกับผู้สมัครที่ทำงานเกาะติดพื้นที่จริงมาอย่างยาวนาน ทำให้กลายเป็นทีมที่พร้อมทั้งในเชิงวิชาการและการแก้ปัญหาปากท้อง และ พรรคไทยสร้างไทยยืนยันความพร้อมในการ “Restart เมืองหลวง” ยกระดับคุณภาพชีวิตคนกรุงในทุกมิติ ด้วยทีมงานที่ผสมผสานระหว่างคนรุ่นใหม่ ความรู้ระดับสูง และหัวใจที่พร้อมรับใช้ประชาชนในทุกพื้นที่ของกรุงเทพมหานคร

 

 

ข่าวที่น่าสนใจ

ทางด้าน น.อ.อนุดิษฐ์ นาคาทรรพ ประธานยุทธศาสตร์ พรรคกล้าธรรม ระบุ พรรคกล้าธรรมเป็นพรรคน้องใหม่ ที่ยังไม่เคยส่งผู้สมัครลงเขตพื้นที่กรุงเทพมหานคร แต่เราให้ความสำคัญกับปัญหาคนกรุง ฉะนั้นการลงสมัครครั้งนี้ ถือว่าขอพิสูจน์ตัวเอง ให้พี่น้องคนกรุงเทพพิจารณาพรรคกล้าธรรมของเรา สำหรับนโยบายที่จะกระแทกใจคนกรุงเทพ คือ ให้ความสำคัญกับปัญหาที่เกิดขึ้นในขณะนี้ที่ซ่อนอยู่ในกรุงเทพ เป็นเรื่องของโครงสร้างพื้นฐาน รถติด น้ำท่วม ขยะ และสภาพสิ่งแวดล้อม

แต่จริงๆ ปัญหาหลักของกรุงเทพคือเศรษฐกิจ ฉะนั้นวันนี้เชื่อว่าการให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจปากท้องของคนกรุงเป็นเรื่องสำคัญ แม้กรุงเทพจะเป็นเมืองหลวงที่มีเศรษฐีเยอะ มีคนฐานะดี ชนชั้นสูงมากมาย แต่จริงๆ คนส่วนใหญ่ในกรุงเทพเป็นผู้มีรายได้น้อย ฉะนั้นการแก้ไขปัญหาในเรื่องดังกล่าวคงไม่ใช่การแก้ปัญหาเป็นจุดๆ แต่เป็นปัญหาภาพรวมของเศรษฐกิจที่เราต้องจัดการกับมัน

 

ส่วน พล.อ. รังษี กิติญาณทรัพย์ หัวหน้าพรรคเศรษฐกิจ และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า วันนี้มีความมั่นใจ 100% ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร และส่งผู้สมัครฯ ลงครบทุกเขต มั่นใจว่าประชาชนจะให้ความไว้วางใจทั้ง 33 เขต สำหรับนโยบาย เน้นแก้ปัญหา 3 วิกฤติของประเทศไทย ได้แก่ วิกฤติเศรษฐกิจ / วิกฤติการคอรัปชั่น / และวิกฤติความมั่นคง โดยตนเองหวังไว้ 33 ที่นั่ง ส่วนที่นั่งปาร์ตี้ลิสต์ ถ้าหาก สส.เขต ได้ที่นั่งเยอะ สส.ปาร์ตี้ลิสต์ ก็จะได้ตามมาด้วย เพราะปกติเลือกทั้งเขตทั้งพรรค

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

วันแรกคึกคัก! พังงาเปิดรับสมัคร ส.ส. ทั้งสองเขตกองเชียร์แน่น
วันแรกสมัคร สส.พัทลุงคึกคัก กองเชียร์แน่น ภาคพลเมืองรณรงค์สุจริต
"บิ๊กเล็ก" แจง 3 เงื่อนไขหยุดยิง เปิดโอกาสใช้สันติวิธีผ่านเวทีการทูต ปืนใหญ่ไทยทิ้งทวน ถล่มกาสิโน "อุดรมีชัย" หนักหน่วง
“เดชอิศม์” ชี้ครอบครัวขาวทอง ยึดประชาธิปไตย แม้ลูกต่างพรรค
กกต.ภูเก็ตเปิดรับสมัคร สส. วันแรก
สมัคร สส.ชลบุรี วันแรกคึกคัก พรรคใหญ่ส่งครบทุกเขต กองเชียร์แน่น

ดู LIVE รายการ

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น​