ตลอดเวลากว่า 30 ปี มูลนิธิเจริญโภคภัณฑ์พัฒนาชีวิตชนบท (มูลนิธิซีพี) ร่วมกับ บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือซีพีเอฟ มุ่งมั่นดำเนิน “โครงการซีพีเลี้ยงไก่ไข่เพื่ออาหารกลางวันนักเรียน” อย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างโภชนาการที่ดีให้กับเด็กและเยาวชนในโรงเรียนพื้นที่ห่างไกลและทุรกันดาร
จากจุดเริ่มต้นนักเรียนบริโภคไข่ก่อนเข้าโครงการเพียง 156 ฟอง/คน/ปี เพิ่มเป็น 276 ฟอง/คน/ปี หรือบริโภคเพิ่มถึง 77% หนึ่งในความสำเร็จนี้เกิดจากความร่วมมือของพันธมิตร หอการค้าญี่ปุ่น–กรุงเทพฯ (JCC) ร่วมขยายโอกาสในการสร้างโภชนาการที่ดีให้เด็กนักเรียนทั่วประเทศ
ล่าสุด ได้จัดพิธีมอบโครงการฯ ให้กับ 4 โรงเรียน ได้แก่ โรงเรียนในจังหวัดบึงกาฬ 3 แห่ง และจังหวัดนครปฐม 1 แห่ง ประกอบด้วย โรงเรียนท่าไร่วิทยา อำเภอเซกา โรงเรียนบ้านโนนสูงสุขสมบูรณ์ อำเภอเซกา และโรงเรียนบ้านนางัวสายปัญญา อำเภอเซกา จังหวัดบึงกาฬ รวมถึงโรงเรียนวัดหนองเสือ (เรืองวิทยานุกูล) อำเภอเมือง จังหวัดนครปฐม โดยได้รับเกียรติจาก นายสมหวัง อารีย์เอื้อ รองผู้ว่าราชการจังหวัดบึงกาฬ เป็นประธานในพิธี พร้อมด้วยผู้แทนจากภาครัฐ ภาคการศึกษา มูลนิธิซีพี และหอการค้าญี่ปุ่น–กรุงเทพฯ ร่วมในพิธีมอบโครงการฯ
นายฮิโรชิ คาคิอุจิ รองประธานหอการค้าญี่ปุ่น–กรุงเทพฯ กล่าวว่า JCC ให้การสนับสนุนโครงการซีพีเลี้ยงไก่ไข่เพื่ออาหารกลางวันนักเรียนมาอย่างต่อเนื่อง จนถึงปัจจุบันเป็นปีที่ 26 ครอบคลุม 154 โรงเรียน ใน 42 จังหวัด เพื่อช่วยแก้ปัญหาทุพโภชนาการของเด็กนักเรียน โดยเป็นโครงการที่น้อมนำแนวพระราชดำริของสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ที่ทรงให้ความสำคัญและห่วงใยในภาวะโภชนาการของเด็กนักเรียนและเยาวชนมาดำเนินการ
นายกฤตยรัฐ ปารมี ผู้ช่วยเลขาธิการมูลนิธิฯ กล่าวว่า มูลนิธิซีพีมีความตั้งใจที่จะขยายจำนวนโรงเรียนเข้าร่วมโครงการ อย่างต่อเนื่องทุกปี โดยเป้าหมายการดำเนินโครงการฯ ไม่ได้จำกัดอยู่เพียงการมีไข่ไก่ให้นักเรียนบริโภคเท่านั้น แต่ยังมุ่งสร้างแหล่งเรียนรู้ด้านปศุสัตว์ สร้างโอกาสให้เด็ก ๆ ได้เรียนรู้ทักษะชีวิต และการบริหารจัดการแบบครบวงจร ในรูปแบบ Action Base Learning นอกห้องเรียน นอกจากนี้ ยังเป็นโครงการที่ช่วยให้โรงเรียนสามารถสร้างรายได้หมุนเวียนจากการจำหน่ายผลผลิตไข่ไก่ให้กับผู้ปกครองและชุมชน เพื่อนำไปต่อยอดอาหารกลางวันของโรงเรียนในระยะยาว
ด้าน นายวราราชย์ เรืองศรี ผู้เชี่ยวชาญอาวุโส ซีพีเอฟ กล่าวเพิ่มเติมว่า โรงเรียนทุกแห่งที่เข้าร่วมโครงการฯ จะได้รับมอบโรงเรือนไก่ไข่มาตรฐาน แม่พันธุ์ อาหารสัตว์ ฟรีในรุ่นแรก พร้อมกันนี้ ผู้เชี่ยวชาญด้านการเลี้ยงไก่ไข่ของซีพีเอฟ จะช่วยถ่ายทอดองค์ความรู้ในการบริหารจัดการและการเลี้ยงไก่ไข่ให้แก่ครูและนักเรียน ทำให้สามารถผลิตไข่ไก่เข้าโครงการอาหารกลางวันนักเรียนได้รับประทานไข่ไก่อย่างเพียงพอและสม่ำเสมอ ผลผลิตส่วนที่เหลือจากการบริโภค นำไปจำหน่ายให้กับผู้ปกครองและชุมชน มีรายได้เข้ากองทุนโครงการฯ
ในการเลี้ยงรุ่นถัดๆไป โรงเรียนจะซื้อแม่พันธุ์และอาหารสัตว์ในราคาต้นทุน โดยผู้เชี่ยวชาญของมูลนิธิฯและซีพีเอฟ ยังคงสนับสนุนการเลี้ยงอย่างต่อเนื่อง คุณครูและนักเรียนจึงมีความเข้าใจ และสามารถผลิตไข่ไก่สดที่มีคุณภาพ ขณะเดียวกัน ยังเป็นการฝึกทักษะจากการลงมือปฏิบัติจริง ทั้งด้านการเลี้ยงสัตว์ การบริหารจัดการ การทำบัญชี การจำหน่าย และการตลาด
โครงการซีพีเลี้ยงไก่ไข่เพื่ออาหารกลางวันนักเรียน ดำเนินงานอย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 2532 ปัจจุบันขยายผลครอบคลุม 1,018 โรงเรียนทั่วประเทศ สร้างโอกาสด้านโภชนาการและการเรียนรู้ให้เด็กนักเรียนกว่า 229,500 คน และอีกกว่า 2,700 ชุมชน














