โพลสะท้อนเกมยังไม่ปิด ภท.นำ ขณะ “ปวงชนไทย” โผล่กลุ่มมวยรอง

โพลสะท้อนเกมยังไม่ปิด ภท.นำ ขณะ "ปวงชนไทย" โผล่กลุ่มมวยรอง

วันนี้ สำนักวิจัยซูเปอร์โพล เปิดเผยรายงานผลการสำรวจ เรื่อง “คะแนนเสียงของพรรคการเมืองวันนี้” สำรวจจากกลุ่มตัวอย่างประชาชนทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศ อายุ 18 ปีขึ้นไป จำนวนทั้งสิ้น 1,134 ตัวอย่าง ดำเนินโครงการระหว่างวันที่ 19 – 20 ธันวาคม 2568 ที่ผ่านมา

รายงานของซูเปอร์โพล ระบุว่า จากจำนวนผู้มีสิทธิเลือกตั้งทั้งสิ้น 53,057,546 คน มีประชาชนที่คาดว่าจะไปใช้สิทธิเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2569 จำนวนประมาณ 38,307,548 คน ขณะที่กลุ่มที่ระบุว่าไม่ไปเลือกตั้งหรือยังไม่แน่ใจว่าจะไปใช้สิทธิ มีจำนวน 14,749,998 คน

ตัวเลขดังกล่าวสะท้อนอัตราการมีส่วนร่วมทางการเมืองในระดับที่ค่อนข้างสูง อย่างไรก็ตาม กลุ่มที่ยังไม่แน่ใจหรือไม่ไปเลือกตั้งยังมีขนาดใหญ่ และมีบทบาทสำคัญในเชิงพฤติกรรม เนื่องจากเป็นกลุ่มที่สามารถเปลี่ยนแปลงท่าทีได้ตามบริบททางการเมือง กระแสสังคม และการสื่อสารของพรรคการเมืองในช่วงก่อนวันเลือกตั้ง

 

 

ข่าวที่น่าสนใจ

เมื่อพิจารณาผลประมาณการคะแนนเสียงของพรรคการเมืองในภาพรวม พบว่า พรรคการเมืองขนาดใหญ่ยังคงเป็นแกนหลักของระบบการแข่งขันทางการเมืองไทย โดยพรรคภูมิใจไทยได้รับคะแนนเสียงประมาณการสูงสุดที่ 8,436,150 คะแนน รองลงมาคือ พรรคเพื่อไทย จำนวน 7,587,229 คะแนน และพรรคประชาชน จำนวน 4,509,891 คะแนน

ในขณะเดียวกัน กลุ่ม “เลือกพรรคอื่น ๆ และพรรคเปิดตัวใหม่” มีคะแนนเสียงรวมกันถึง 5,199,640 คะแนน ซึ่งเป็นตัวเลขที่สะท้อนว่าพรรคขนาดเล็กและพรรคการเมืองใหม่ยังคงมีพื้นที่ทางการเมือง และมีบทบาทในฐานะ “ทางเลือก” สำหรับประชาชนบางส่วนที่ยังไม่ผูกพันกับพรรคการเมืองขนาดใหญ่

ที่น่าสนใจเป็นพิเศษ คือ กลุ่มประชาชนที่ยังลังเล ไม่ตัดสินใจ หรือไม่ตอบคำถาม มีจำนวนสูงถึง 12,574,638 คน ซึ่งมีขนาดใหญ่กว่าคะแนนเสียงของพรรคการเมืองใดพรรคหนึ่งโดยลำพัง และถือเป็นกลุ่มที่มีศักยภาพสูงสุดในการกำหนดทิศทางผลการเลือกตั้งในช่วงโค้งสุดท้าย เมื่อรวมกับกลุ่มที่ไม่ไปเลือกตั้งจำนวน 14,749,998 คน จะเห็นได้ว่ามีประชาชนมากกว่า 27 ล้านคน ที่ยังอยู่นอกการตัดสินใจทางการเมืองโดยตรง ซึ่งสะท้อนว่าการเลือกตั้งครั้งนี้ยังคงเป็น “สนามเปิด” ในเชิงพฤติกรรม ไม่ใช่การแข่งขันที่ปิดเกมแล้วจากตัวเลขคะแนนเสียงปัจจุบัน

สำหรับพรรคการเมืองที่เพิ่งเปิดตัวใหม่ ผลการสำรวจพบว่า พรรคเศรษฐกิจได้รับคะแนนเสียงประมาณการ 742,806 คะแนน พรรคปวงชนไทยได้รับ 477,518 คะแนน และพรรคไทยก้าวใหม่ได้รับ 265,288 คะแนน จะเห็นได้ว่าพรรคโนเนม หรือ พรรคที่ไม่ค่อยปรากฏให้เห็นในการรับรู้กำลังพุ่งขึ้นสู่กลุ่มพรรคมวยรอง เช่น พรรคเศรษฐกิจ พรรคปวงชนไทย กำลังกลายเป็นพรรคที่ถูกจับตามองอยู่ในเวลานี้ด้วยนโยบายเรื่องเมกะโปรเจกต์ เศรษฐกิจการเกษตร สร้างคน สร้างงาน สร้างอาชีพ เป็นต้น

แม้ตัวเลขดังกล่าวจะยังอยู่ในระดับหลักแสนเมื่อเทียบกับพรรคขนาดใหญ่ แต่ในเชิงพฤติกรรมการเลือกตั้ง ถือเป็นสัญญาณสำคัญของการเริ่มก่อตัวของ “มวยรอง” หรือ “อันเดอร์ด็อก เอฟเฟกต์” กล่าวคือ การที่ประชาชนบางส่วนเลือกสนับสนุนพรรคที่ยังไม่ใช่ผู้เล่นหลัก ด้วยแรงจูงใจด้านความหวัง การให้โอกาส และความต้องการเห็นการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง

เมื่อเชื่อมโยงตัวเลขคะแนนเสียงเข้ากับกรอบการวิเคราะห์เชิงพฤติกรรม พบว่า การเลือกตั้งครั้งนี้มีพลวัตที่สำคัญอยู่สองด้านควบคู่กันได้แก่Bandwagon Effect และ Underdog Effect ในด้านหนึ่ง พรรคการเมืองขนาดใหญ่ที่มีคะแนนนำอยู่ เช่น พรรคภูมิใจไทยและพรรคเพื่อไทย อยู่ในสถานะที่เอื้อต่อการเกิด Bandwagon Effect กล่าวคือ ประชาชนกลุ่มลังเลอาจตัดสินใจสนับสนุนพรรคที่ถูกมองว่ามีโอกาสชนะสูง เพื่อให้เสียงของตน “ไม่สูญเปล่า” และมีผลต่อการจัดตั้งรัฐบาลหรือทิศทางประเทศ

แต่อีกด้านหนึ่ง คะแนนเสียงของพรรคเปิดตัวใหม่และพรรคขนาดเล็ก รวมถึงจำนวนประชาชนที่ยังไม่ตัดสินใจในระดับสูง สะท้อนว่า Underdog Effect ยังมีพื้นที่และสามารถขยายตัวได้ หากพรรคการเมืองสามารถสื่อสารนโยบายที่ตอบโจทย์ปัญหาปากท้อง ความเป็นธรรม และคุณภาพชีวิตได้อย่างน่าเชื่อถือ

 

 

จากการสังเคราะห์ข้อมูลทั้งหมด ตัวชี้ขาดผลการเลือกตั้งครั้งนี้ไม่ได้อยู่ที่พรรคการเมืองใดพรรคหนึ่ง หากแต่อยู่ที่พฤติกรรมการตัดสินใจของประชาชนกลุ่มลังเลและไม่ตัดสินใจ ซึ่งมีขนาดใหญ่และยังเปิดรับข้อมูลใหม่อย่างต่อเนื่อง หากกระแส “มวยต่อ” หรือ “แบนด์วากอน” Bandwagon เด่นชัดขึ้น ผลการเลือกตั้งอาจเอนเอียงไปสู่พรรคที่นำอยู่ แต่หาก “มวยรอง” หรือ “อันเดอร์ด็อก เอฟเฟกต์” ถูกกระตุ้นผ่านการสื่อสารเชิงนโยบายและอัตลักษณ์ทางการเมืองที่ชัดเจน โครงสร้างคะแนนเสียงอาจกระจายตัวมากขึ้น และเปิดโอกาสให้เกิดผลลัพธ์ที่แตกต่างจากความคาดหมายเดิม

โดยสรุป ผลการสำรวจของซูเปอร์โพลครั้งนี้ ไม่ได้มีเป้าหมายเพียงการจัดอันดับพรรคการเมือง หากแต่ต้องการสะท้อน “เสียงของประชาชนในช่วงเวลาปัจจุบัน” และชี้ให้เห็นว่าการเลือกตั้งยังคงเป็นกระบวนการที่มีชีวิต มีพลวัต และเปิดโอกาสให้ทุกพรรคการเมืองแข่งขันกันด้วยนโยบาย ความจริงใจ และความรับผิดชอบต่อสังคม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

(50 ปีสัมพันธ์ไทย-จีน) อุตสาหกรรมโดรนในมณฑลเจ้อเจียง-เสฉวนเติบโตรวดเร็ว .
ปข.2 ประกาศยกระดับความปลอดภัยประจวบฯ เน้นเข้มงานป้องกันปราบปราม
"ดร.รวีวรรณ" ปลัดทส.นำทีมรณรงค์พกถุงผ้า-คัดแยกขยะ มุ่งเป้าไทยไร้พลาสติก
"กองทัพภาคที่ 1" อัปเดตชายแดนไทย-กัมพูชายังไม่สงบ “บ้านคลองแผง-บ้านหนองหญ้าแก้ว-บ้านหนองจาน” ยิงปะทะต่อเนื่อง
สุดคึกคัก งาน Bake & Brew Bliss ครั้งที่ 4 เชียงใหม่
หาดใหญ่จัดงานส่งท้ายปี “HATYAI NEW YEAR 2026” ประกาศความพร้อมเมืองท่องเที่ยว

ดู LIVE รายการ

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น​