กัมพูชายื่นเรื่องไทยโจมตีชายแดนต่อ UNSC

กัมพูชาได้ยื่นคำร้องอย่างเป็นทางการ ต่อคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ หรือ UNSC ให้ดำเนินการอย่างเร่งด่วนเกี่ยวกับ “การโจมตีด้วยอาวุธโดยไม่มีการยั่วยุและกำลังทวีความรุนแรง” โดยกองกำลังฝ่ายไทย ซึ่งเป็นการยกระดับข้อพิพาทจากความขัดแย้งทวิภาคี สู่ประเด็นความมั่นคงระหว่างประเทศ

 

 

นายเจีย แก้ว เอกอัครราชทูตกัมพูชาประจำสหประชาชาติ ระบุในจดหมายลงวันที่ 10 ธันวาคม ถึงประธาน UNSC กล่าวหาว่า กองกำลังของไทย ละเมิดกฎบัตรสหประชาชาติ กฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ ตลอดจนข้อตกลงหยุดยิงและสันติภาพที่มีอยู่ โดยปฏิบัติการทางทหารรุกล้ำข้ามพรมแดนเข้าไปในดินแดนกัมพูชา


คำร้องเกิดขึ้น หลังจากเกิดการปะทะกันอย่างรุนแรงหลายวัน ในจังหวัดชายแดน รวมถึงพระวิหารและอุดรมีชัย โดยกัมพูชาอ้างว่า กองทัพไทยใช้อาวุธหนัก รถถัง ปืนใหญ่ โดรน เครื่องบินรบ และควันพิษในการโจมตีที่ขยายเข้าไปในพื้นที่พลเรือน

ทูตกัมพูชา ระบุว่า ปฏิบัติการทางทหารเหล่านี้ ถือเป็นการละเมิดกฎบัตรสหประชาชาติอย่างร้ายแรง รวมถึงข้อห้ามเด็ดขาดเกี่ยวกับการข่มขู่หรือการใช้กำลัง / สถานการณ์ในขณะนี้ “เป็นภัยคุกคามเฉพาะหน้าและอย่างชัดเจน”ต่อสันติภาพและความมั่นคงในภูมิภาค ในจดหมายยังอ้างว่า ไทยเปิดฉากยิงใส่ที่ตั้งทหารของกัมพูชาเมื่อวันที่ 7 ธันวาคม ก่อนยกระดับการโจมตีในเช้าวันรุ่งขึ้น ด้วยการระดมยิงต่อเนื่องหลายจุุด การโจมตียังได้ลุกลามไปยังเขตพลเรือนที่ไม่ใช่พื้นที่สู้รบในจังหวัดบันเตียเมียนเจย และเมื่อวันที่ 10 ธันวาคม ลุกลามไปยังบางส่วนของจังหวัดโปซัต หรือโพธิสัตว์ และพระตะบอง


กัมพูชาอ้างว่า การโจมตีทำให้พลเรือนเสียชีวิตและบาดเจ็บ ทำลายบ้านเรือนและโครงสร้างพื้นฐานสาธารณะ ก่อความเสียหายแก่แหล่งมรดกทางวัฒนธรรมที่ได้รับการคุ้มครอง รวมถึงพื้นที่โดยรอบปราสาทพระวิหาร ซึ่งเป็นแหล่งมรดกโลกของยูเนสโก ที่เกี่ยวพันกับความตึงเครียดชายแดนระหว่างสองประเทศมาอย่างยาวนาน

การโจมตีพื้นที่พลเรือนอย่างจงใจและไม่เลือกเป้าหมายของไทย ถือเป็นการละเมิดกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศอย่างร้ายแรง โดยอ้างถึงพันธกรณีในการแยกแยะระหว่างเป้าหมายพลเรือนและเป้าหมายทางทหาร

กัมพูชา ยังกล่าวหาประเทศไทยว่า ละเมิดข้อตกลงหยุดยิงที่ลงนามเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม และข้อตกลงสันติภาพกัวลาลัมเปอร์ ที่ได้ข้อสรุปเมื่อวันที่ 26 ตุลาคม โดยทั้งสองฝ่ายได้ให้คำมั่นว่าจะแก้ไขปัญหาพรมแดนอย่างสันติและงดเว้นการใช้กำลัง ขณะที่กัมพูชายังคงมุ่งมั่นที่จะแก้ไขข้อพิพาทอย่างสันติสอดคล้องกับกฎหมายระหว่างประเทศและกฎบัตรสหประชาชาติ กองทัพกัมพูชาได้ใช้ความอดทนอดกลั้นอย่างสูงสุด งดเว้นการตอบโต้เป็นเวลา 24 ชั่วโมง เพื่อเคารพข้อตกลงหยุดยิงและข้อตกลงสันติภาพกัวลาลัมเปอร์ แต่ก็สงวนสิทธิ์ในการป้องกันตนเองภายใต้มาตรา 51 ของกฎบัตรสหประชาชาติ

แต่ประเทศไทย ได้ระงับข้อตกลงฝ่ายเดียวและเริ่มปฏิบัติการ โดยอิงจาก“แผนที่ที่ร่างขึ้นฝ่ายเดียว” ซึ่งขัดแย้งกับพรมแดนที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล   จดหมายอ้างถึงข้อตกลงการกำหนดเขตแดน ตามสนธิสัญญาสยามฝรั่งเศสปี 2447 และ 2450 ซึ่งต่อมาได้รับการรับรองโดยศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ และได้รับการยืนยันอีกครั้งตามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการกำหนดเขตแดนปี 2543 ซึ่งประเทศไทยได้จดทะเบียนกับสหประชาชาติในปี 2554

นายเจีย แก้ว ระบุว่า กัมพูชา “ไม่ปรารถนาที่จะถูกบังคับให้พิจารณาถึงวิธีการตอบโต้แบบอื่น” นอกเหนือจากทางการทูตและการเจรจา และร้องขอให้คณะมนตรีความมั่นคง ประณามการกระทำของไทย ขอให้ยุติปฏิบัติการทางทหารโดยทันที และเรียกร้องให้ปฏิบัติตามกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศอย่างเต็มที่ ขอให้ส่งคณะทำงานตรวจสอบข้อเท็จจริงอิสระของสหประชาชาติ ไปตรวจสอบการละเมิดตามที่ถูกกล่าวหา และกำหนดความรับผิดชอบต่อผู้เสียชีวิตพลเรือนและความเสียหายแก่ทรัพย์สิน

กัมพูชา ยกกฎบัตรสหประชาชาติมาตรา 34 และ 35 ในการขอให้คณะมนตรีความมั่นคง พิจารณาความรุนแรงบริเวณชายแดน ไม่ใช่เพียงแค่ข้อพิพาททวิภาคี แต่เป็นเรื่องที่ต้องได้รับความสนใจจากนานาชาติ และกล่าวหาว่า การกระทำของไทยไม่เพียงแต่เป็นการโจมตีประเทศกัมพูชาเท่านั้น แต่ยังเป็นการดูหมิ่นโดยตรง ต่อระเบียบกฎหมายระหว่างประเทศและอำนาจของคณะมนตรีความมั่นคง

 

เครดิตภาพ ក្រសួងព័ត៌មាន – Ministry of Information

 

ข่าวที่น่าสนใจ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

มูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ยามยาก สภากาชาดไทย ส่งถุงยังชีพพระราชทาน 12,600 ถุง ช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้ จังหวัดสงขลา สตูล ยะลา นราธิวาส และปัตตานี
รัฐบาลจัดพิธีบำเพ็ญกุศลปัญญาสมวาร-พิธีทางศาสนา 5 ศาสนา รวมพลังแห่งความภักดี ถวายเป็นพระราชกุศล น้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ "สมเด็จพระพันปีหลวง"
ชาวนครศรีฯ ไปช่วยเหลือฟื้นฟูหลังอุทกภัย
ประกาศด่วน! จ่ายก่อน ได้ก่อน เพื่อรักษาสิทธิ์ใน 24 ชั่วโมง เท่านั้น! รีบยื่นคำขอต่ออายุคนต่างด้าวสัญชาติเมียนมาตาม มติ ครม. 8 ก.ค. พ.ศ. 2568
คุมประพฤติประจวบฯ Kick Off พลังภักดีอาสาสมัครร่วมต้านสิ่งเสพติด
รอง ผบ.ตร.ตรวจเยี่ยมกำลังพล ตชด.พื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา ย้ำความพร้อมร่วมปกป้องอธิปไตย

ดู LIVE รายการ

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น​