การเจรจาไกล่เกลี่ยครั้งล่าสุดเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2568 แต่การเจรจาข้อพิพาททั้งสองฉบับ ไม่สามารถตกลงกันได้ บริษัทฯ จึงได้ประกาศขอยุติการเจรจาลงเมื่อเวลา 12.00 น. ของวันเดียวกัน

การที่พนักงานประนอมข้อพิพาทแรงงานไม่สามารถหาข้อยุติได้ ทำให้ข้อพิพาทดังกล่าวกลายเป็น “ข้อพิพาทแรงงานที่ไม่สามารถตกลงกันได้”

ด้วยเหตุผลดังกล่าวข้างต้น บริษัทฯ จึงแจ้งขอใช้สิทธิ “ปิดงานงดจ้าง” กับสหภาพแรงงานไดกิ้นอมตะรักษ์เสรีและสมาชิกสหภาพฯ ที่เกี่ยวข้อง

ทั้งนี้ คำสั่งดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2568 เวลา 08.00 น. เป็นต้นไป

ผู้สื่อข่าวรายงานงานการใช้สิทธิปิดงานงดจ้างถือเป็นสิทธิของฝ่ายนายจ้างตามพระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ พ.ศ. 2518 เมื่อข้อพิพาทแรงงานไม่สามารถตกลงกันได้ ซึ่งจะส่งผลให้พนักงานที่เกี่ยวข้องไม่สามารถเข้ามาทำงานและจะไม่ได้รับค่าจ้างในช่วงเวลาดังกล่าว

ก่อนหน้านั้น นายมานิตย์ ปียัง ประธานสหภาพแรงงานบริษัท ไดกิ้น (ประเทศไทย) จำกัด ให้เหตุผลการเรียกร้องโบนัสในปี 2568 ว่าเป็นไปตามผลกำไรที่บริษัทได้รับในปีนี้ที่มีมากถึง 5.9 พันล้านบาท รวมทั้งยังมีสภาพคล่องทางการเงินที่ดีมาก และยังมีการปันหุ้นเพิ่มอีกกว่า 5 พันล้านบาท

อีกทั้งในปีที่ผ่านมา พนักงานยังได้โบนัสมากถึง 7 เดือน+ 2.1 หมื่นบาท จากผลกำไร 5.5 พันล้านบาท พร้อมการปรับอัตราเงินเดือนขึ้นอีก 4.5%

“ปีนี้เราเรียกข้อเรียกร้องโบนัสจากบริษัทแค่ 8 เดือน +2.4 หมื่นบาท พร้อมอัตราการปรับเงินเดือนขึ้นที่ 6% . ซึ่งเราก็เข้าใจว่าปีนี้มีคนที่ทำงานให้บริษัทนานถึง 10ปี ที่จะได้รับทองคำหนัก 3 บาท + เงิน 10,000 บาท มากถึง 1,300 คน และเราพร้อมจะพูดคุยหาทางออกร่วมกับฝ่ายบริหารบริษัท”