เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2568 กระแสวิพากษ์วิจารณ์ปะทุ หลังมีการเผยภาพนายเบน สมิธ ถ่ายร่วมเฟรมกับบุคคลระดับสูงในแวดวงการเมืองไทย ได้แก่ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี, นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง, พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ อดีตผู้บัญชาการทหารบก, นายอุปกิต ปาจรียางกู อดีต สว. และ พล.ต.อ.วิสนุ ปราสาททองโอสถ อดีตจเรตำรวจแห่งชาติ
ข่าวที่น่าสนใจ
กระแสดังกล่าวเกิดขึ้นต่อเนื่องหลังคณะกรรมการธุรกรรม สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) แถลงผลการพิจารณาคดีความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี โดยเฉพาะเครือข่ายกลุ่มสแกมเมอร์ (Scammer) และ ไฮบริดสแกม (Hybrid Scam) ซึ่งมีลักษณะเป็นองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ โดยมีมติให้ยึด–อายัดทรัพย์สิน 289 รายการ รวมมูลค่ากว่า 10,165 ล้านบาท ครอบคลุม 4 คดีสำคัญ หนึ่งในนั้นคือเครือข่ายของนายเบน สมิธ และแตงไทย ที่ถูกยึดทรัพย์สูงสุดกว่า 9,000 ล้านบาท จากการหลอกลวงผ่านแก๊งคอลเซ็นเตอร์แอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ
นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ชี้แจงว่าเป็นภาพถ่ายตอนไปเป็นอาจารย์ในหลักสูตรผู้บริหารระดับสูงของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เมื่อราว 5 ปีก่อน ก่อนช่วงการระบาดของโควิด โดยในงานมีผู้เข้าร่วมจำนวนมาก นายเบน สมิธ เดินเข้ามาพูดคุยและแลกนามบัตรเพียงสั้น ๆ หลังจากนั้นก็ไม่ได้มีการคบหาสมาคมกันอีก
เขายังระบุว่าภาพที่ปรากฏเป็นภาพจากงานของหลักสูตรผู้บริหารระดับสูงของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งเป็นงานเลี้ยงผู้เข้าร่วมหลายสิบคน ประกอบด้วยผู้บริหารระดับประเทศจากทั้งภาครัฐและเอกชนหลากหลายวงการ ผมเป็นเพียงหนึ่งในผู้ร่วมงาน เช่นเดียวกับแขกท่านอื่น ๆ ที่ไปร่วมพบปะพูดคุยกันตามธรรมเนียมในโอกาสงานสังคมทั่วไป”
“ผมขอยืนยันว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำผิดกฎหมายของกลุ่มบุคคลที่อยู่ระหว่างการดำเนินคดี และผมสนับสนุนให้มีการบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัดกับผู้ที่กระทำผิดกฎหมาย” นายเอกนิติ กล่าว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
