กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.ณัฐศักดิ์ เชาวนาศัย ผบช.ก.,
พล.ต.ต.ทัศน์ภูมิ จารุปรัชญ์ ผบก.ปอศ, พ.ต.อ.วิจักขณ์ ตารมย์ รอง ผบก.ปอศ., พ.ต.อ.นิตติโชติ เพ็ญจำรัส รอง ผบก.ปอศ., พ.ต.อ.วิวัฒน์ จิตโสภากุล รอง ผบก.ปอศ., พ.ต.อ.กริช วรทัต ผกก.4 บก.ปอศ., พ.ต.ท.เชาวน์วุฒิ เลียบมา รอง ผกก.(สอบสวน) กก.4 บก.ปอศ.
เจ้าหน้าที่ชุดปฎิบัติการ นำโดย พ.ต.ท.วรวุฒิ คงรักษา สว.กก.4 บก.ปอศ., พ.ต.ท.ณัฐดนัย บำรุงศิลป์ สว.กก.4 บก.ปอศ., พ.ต.ท.สาธิต หาวงษ์ชัย สว.กก.4 บก.ปอศ. และ พ.ต.ต.หญิง ชนากานต์ นิรัมย์ สว.กก.4 บก.ปอศ. พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ ตำรวจสอบสวนกลาง กก.4 บก.ปอศ.
เปิดค่าเสียหายกว่า 195 ล้าน "นานา" ปฏิเสธทุกข้อหาฉ้อโกง ผบก.ปอศ.เผย "เจนนี่" โดนลวงลงทุนร้านอาหารในสหรัฐฯ
ข่าวที่น่าสนใจ
ร่วมกันจับกุม นางไรบีนา (สงวนนามสกุล) อายุ 44 ปี ตามหมายจับศาลอาญาที่ 7195/2568 ลงวันที่ 2 ธันวาคม 2568 ฐานความผิด “ฉ้อโกงทรัพย์ และกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน”
พฤติการณ์ เนื่องด้วยมีผู้เสียหาย จำนวน 17 ราย ได้มาร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน กองกำกับการ 4 กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ กรณีเมื่อประมาณปีเดือน ต.ค. 2565 ได้ถูกดาราสาวชื่อดัง ชักชวนให้ร่วมลงทุนในธุรกิจต่างๆ ได้แก่
1. ธุรกิจปล่อยสินเชื่อส่วนบุคคล เสนอผลตอบแทนสูงร้อยละ 4-7 ต่อเดือน
2. ลงทุนเทรดหุ้นกับผู้มีชื่อเสียงในวงการเทรดหุ้น
3. ลงทุนขายหุ้นในธุรกิจกีฬาบาสเก็ตบอล, ร้านอาหารต่างประเทศ และบริษัทต่างๆ ของตน
4. ลงทุนในกองทุนเครือธุรกิจครอบครัวรายใหญ่
ซึ่งผู้ต้องหาได้ชักชวนกลุ่มเพื่อนสนิท, บุคคลใกล้ชิด และกลุ่มผู้ปกครองในโรงเรียนนานาชาติ โดยอาศัยความเชื่อใจและความน่าเชื่อถือของตน ประกอบกับมีการแอบอ้างผู้มีชื่อเสียงในแวดวงธุรกิจ ทำให้กลุ่มผู้เสียหายหลงเชื่อ โอนเงินร่วมลงทุนกับผู้ต้องหา ซึ่งในระยะแรกผู้เสียหายบางรายได้รับผลตอบแทนตามที่เสนอจริง ประกอบกับผู้ต้องหาได้นำหลักฐานการโอนเงินปลอมและเอกสารการโอนหุ้นปลอมมาแสดงต่อผู้เสียหาย ทำให้ผู้เสียหายเกิดความเชื่อมั่นและหลงเชื่อลงทุนกับผู้ต้องหาเรื่อยมา
ต่อมาเมื่อประมาณเดือนกุมภาพันธ์ 2568 ผู้ต้องหาเริ่มไม่จ่ายผลตอบแทนให้กับผู้เสียหาย โดยอ้างว่าบัญชีเงินถูกหน่วยงานของรัฐระงับการทำธุรกรรม จึงไม่สามารถดำเนินการจ่ายคืนเงินลงทุนและปันผลการลงทุนได้ เมื่อถูกทวงถาม ก็ได้ออกเช็คเงินสดเพื่อจะชำระเงินลงทุนและเงินปันผลคืนให้กับผู้เสียหาย โดยเมื่อนำเช็คเงินสดไปเรียกเก็บกับธนาคาร กลับถูกธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็คเนื่องจากไม่มีเงินในบัญชี และภายหลังได้ทราบว่าบุคคลมีชื่อเสียงที่ถูกผู้ต้องหากล่าวอ้างนั้น ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการลงทุนที่ผู้ต้องหาชักชวนแต่อย่างใด ผู้เสียหายเชื่อว่าถูกหลอกลวง จึงเข้ามาแจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวน เป็นเหตุให้เกิดความเสียหายรวม กว่า 190 ล้านบาท
จากการสืบสวนสอบสวนพบว่า นอกจากพฤติการณ์ในการชักชวนระดมทุนแล้ว ผู้ต้องหายังมีการปลอมหลักฐานสลิปการโอนเงิน ปลอมแปลงเอกสารการโอนหุ้นบริษัทร้านตัดผมชื่อดัง ซึ่งผู้ต้องหาเป็นเจ้าของอยู่ และจากการตรวจสอบเส้นทางการเงิน พบว่าผู้ต้องหาไม่ได้มีการนำเงินไปลงทุนในธุรกิจต่างๆ ตามที่กล่าวอ้าง โดยผู้ต้องหามีการทำธุรกรรมเบิกถอนเงินสดที่ธนาคารเป็นจำนวนมาก นอกจากนี้ยังมีการนำเงินลงทุนที่ได้รับมาไปหมุนเวียนจ่ายเป็นผลตอบแทนให้กับผู้ลงทุนรายอื่น ซึ่งลักษณะดังกล่าวเข้าข่ายเป็นความผิดการกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พนักงานสอบสวนจึงรวบรวมพยานหลักฐานและยื่นคำร้องต่อศาลขออนุมัติออกหมายจับผู้ต้องหาไว้
ต่อมาเมื่อวันที่ 3 ธันวาคม 2568 เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.4 บก.ปอศ. ได้นำหมายค้นของศาลอาญากรุงเทพใต้ เข้าตรวจค้นบ้านพักผู้ต้องหาในหมู่บ้านหรู ซอยเอกมัย เขตวัฒนา กรุงเทพมหานคร และสามารถจับกุม
นางไรบีนาฯ บุคคลตามหมายจับได้ พร้อมทั้งได้ตรวจยึดพยานเอกสารและพยานวัตถุ ที่น่าสนใจดังนี้
รายการตรวจยึดที่น่าสนใจ
1.โทรศัพท์ iphone 7 เครื่อง
2.art toy bearbrick และอื่นๆ 11 กล่อง
3.ledger-nano-x (hardware wallet) 1 ชิ้น
4.กระเป๋า hermes berkin 1 ใบ
5.กระเป๋า หิ้ว louis vuitton 1 ใบ
6.จิวเวอรี่ แบรนด์ต่างๆ ประมาณ 50 ชิ้น
7.รถยนต์ mini coper รุ่น aceman สีขาว 1 คัน
นอกจากนี้ยังตรวจสอบพบการถือครองอสังหาริมทรัพย์ โฉนดที่ดิน จ.อ่างทอง จำนวน 1 แปลง พื้นที่ 64 ตร.วา จ.อ่างทอง และโฉนดที่ดิน กรุงเทพมหานคร จำนวน 1 แปลง พื้นที่ 87.9 ตร.วา ซึ่งจะได้ดำเนินการตรวจสอบการได้มา และได้นำตัวผู้ต้องหา พร้อมสิ่งของตรวจยึด นำส่งพนักงานสอบสวน กก.4 บก.ปอศ. ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
เบื้องต้นผู้ต้องหาให้การปฎิเสธตลอดข้อกล่าวหา
ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) ขอเตือนภัยถึงพี่น้องประชาชน โปรดใช้ความระมัดระวังในการร่วมลงทุนหรือปล่อยสินเชื่อกับบุคคลใดๆ ที่อ้างผลตอบแทนสูงเกินจริง และใช้ความน่าเชื่อถือเป็นเครื่องมือชักชวน โดยอาจมีการแอบอ้างธุรกิจ การลงทุน หรือบุคคลมีชื่อเสียงสร้างความน่าเชื่อถือ หากพบการเชิญชวนในลักษณะดังกล่าว ควรตรวจสอบข้อมูลให้รอบด้าน และระมัดระวังมิจฉาชีพที่อ้างลงทุนในธุรกิจต่างๆ พร้อมเสนอผลตอบแทนสูงรายเดือน หรืออ้างการลงทุนร่วมกับผู้ประกอบการและบุคคลที่มีชื่อเสียง เพื่อหลอกลวงให้โอนเงินร่วมลงทุน ซึ่งอาจเข้าข่ายความผิดฐานฉ้อโกงประชาชนและกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน

ทางด้าน พล.ต.ต. ทัศน์ภูมิ จารุปรัชญ์ ผู้บังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ เปิดเผยภายหลังร่วมสอบปากคำ “นานา” ว่า กลางเดือนที่ผ่านมา มีกลุ่มเพื่อนสนิทของนานาทยอยมาร้องทุกข์ ในข้อหาฉ้อโกงทรัพย์ และ พ.ร.ก.กู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พนักงานสอบสวนจึงได้รวบรวมพยานหลักฐาน สอบปากคำผู้เสียหาย 17 ปาก ตรวจสอบเส้นทางการเงิน และสอบปากคำพยานผู้เชี่ยวชาญจากสำนักงานเศรษฐกิจและการคลัง ก่อนจะนำพยานหลักฐานทั้งหมดไปขอศาลออกหมายจับและหมายค้น นำไปสู่ปฏิบัติการเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา และตำรวจตรวจยึดเอกสารและทรัพย์สินบางส่วน เช่น รถยนต์ กระเป๋าแบรนด์เนม ของสะสม Art toy 11 ชิ้น เครื่องเพชรประมาณ 50 ชิ้น เครื่องประดับ นาฬิกา รวมมูลค่าประมาณ 10 ล้านบาท
ส่วนพฤติการณ์ที่ผู้เสียหาย ซึ่งเป็นกลุ่มเพื่อนสนิทและคนใกล้ชิดของ “นานา” 17 คนเข้าแจ้งความ มูลค่าความเสียหายกว่า 195 ล้านบาท มีลักษณะเป็นการชวนผู้เสียหายไปลงทุนใน 4-5 กิจกรรม 1.ชวนลงทุนปล่อยสินเชื่อ ปล่อยเงินกู้ อ้างจะให้ค่าตอบแทน 4-7 เปอร์เซ็นต์ / 2.อุปโลกน์คนขึ้นมาเพื่อเทรดหุ้น ซึ่งทั้งการเทรดหุ้นและปล่อยสินเชื่อไม่มีอยู่จริง / 3.ทำสนามบาส / และ 4.การเปิดร้านอาหารระดับประเทศ โดยหนึ่งในผู้เสียหายที่มีข่าวหลุดออกมาแล้วว่าเข้าแจ้งความกับตำรวจก่อนหน้านี้ คือ “เจนี่” เทียนโพธิ์สุวรรณ เป็นการชวนไปลงทุนร้านอาหารในประเทศสหรัฐอเมริกา มูลค่า 3 ล้านบาท แต่สุดท้ายไม่มีการลงทุนจริง อย่างไรก็ตามผู้เสียหายหลายรายไม่ประสงค์ปรากฎเป็นข่าว
อย่างไรก็ตามจากการสอบปากคำ “นานา” ให้การปฏิเสธ แต่รายละเอียดขอให้อยู่ในสำนวนการสอบสวน ซึ่ง “นานา” ก็มีประเด็นที่อยากจะชี้แจงต่อตำรวจ เบื้องต้นอ้างว่าไม่รู้ว่าการกู้ยืมเงินลักษณะที่ทำนั้นผิดกฎหมาย และคิดว่าจะหาเงินมาชดใช้ผู้เสียหายได้ ซึ่ง “นานา” จะยื่นประกันตัวหรือไม่นั้น พนักงานสอบสวนยังไม่ทราบ แต่หากยื่นมา พนักงานสอบสวนก็มีหลักเกณฑ์ที่จะพิจารณาว่าจะให้ประกันตัวหรือไม่ตามกฎหมาย ซึ่งหากยื่นมาก็มีสิทธิ์ได้ประกันตัวเช่นกัน
อย่างไรก็ตามความผิดตาม พ.ร.ก.กู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน ซึ่งก็คือแชร์ลูกโซ่ เป็นความผิดมูลฐานฟอกเงิน ซึ่งได้รายงานความผิดมูลฐานไปยัง ปปง. แล้ว ส่วนทรัพย์ที่เกี่ยวข้องต้องพิจารณาว่าได้มาก่อนหรือหลังการกระทำความผิด ซึ่งความผิดหลักเกิดขึ้นประมาณเดือนกันยายนปี 2565 ก็ต้องตรวจยึดทรัพย์ทั้งหมด และส่งให้ ปปง. ดำเนินการ

ส่วน “เวย์ ไทเทเนี่ยม” หรือนายปริญญา อินทชัย สามีของ “นานา” อยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานว่ามีส่วนเกี่ยวข้องหรือไม่ แต่รายละเอียดไม่สามารถเปิดเผยได้ ซึ่งตำรวจยืนยันจะตรวจสอบในทุกมิติ
ส่วนกรณีที่ทนายสายหยุด อ้างว่านำตัว “นานา” มาพบเจ้าหน้าที่ตำรวจเมื่อวันจันทร์ แต่ไม่มีการรับมอบตัวนั้น พล.ต.ต. ทัศน์ภูมิ ชี้แจงว่า เนื่องจากขณะนั้นเป็นช่วง 5 โมงเย็น อยู่นอกเวลาราชการ และขณะนั้นพนักงานสอบสวนยังไม่ได้ออกหมายจับ “นานา” ทำให้ยังไม่มีอำนาจควบคุมตัว ซึ่งวันดังกล่าวเจ้าหน้าที่ก็ไม่ได้เห็นตัว “นานา” มีเพียงทนายสายหยุดมาส่งเอกสาร ซึ่งการจะออกหมายเรียกหรือหมายจับเป็นดุลพินิจของพนักงานสอบสวน แต่คดีนี้อัตราโทษโทษเกิน 3 ปี พนักงานสอบสวนสามารถขอออกหมายจับได้เลย ไม่จำเป็นต้องออกหมายเรียก
ข่าวที่เกี่ยวข้อง

