วันที่ 24 พฤศจิกายน นายจาง เจี้ยนเว่ย เอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทยได้จัดแถลงข่าวบรรยายสรุปการเสด็จเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีนอย่างเป็นทางการของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินี ระหว่างวันที่ 13 – 17 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ตามคำทูลเชิญของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้นำจีน ซึ่งตรงกับวาระครบรอบ 50 ปีการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างจีนและไทย และ “50 ปีทองแห่งมิตรภาพจีน-ไทย” นับเป็นการเสด็จ เยือนจีนครั้งแรกของพระมหากษัตริย์ไทย นับตั้งแต่การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูต
ทูตจางกล่าวว่าการเสด็จเยือนครั้งประวัติศาสตร์ประสบความสำเร็จอย่างงดงามและท่านทูตต้องการจะแบ่งปันประสบการณ์และความรู้สึกแห่งความประทับใจครั้งนี้เป็น 5 ประการ
ประการแรกคือการนำของประมุขแห่งรัฐเป็นข้อได้เปรียบที่สำคัญที่สุดและเป็นหลักประกันพื้นฐานสำหรับการพัฒนาความสัมพันธ์จีน-ไทย ซึ่งจีนรู้สึกประทับใจเป็นพิเศษคือ หลังการเสด็จสวรรคตของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวงและอยู่ในช่วงน้อมถวายความอาลัยทั่วประเทศ พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัวยังทรงยืนยันที่จะเสด็จเยือนจีนตามหมายกำหนดการ แสดงให้เห็นว่าพระองค์ให้ความสำคัญอย่างยิ่งต่อความสัมพันธ์ไทย-จีน
ระหว่างการเสด็จเยือน สองประมุขแห่งรัฐยังได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นเชิงลึกเกี่ยวกับประเด็นเชิงยุทธศาสตร์ความสัมพันธ์จีน-ไทย โดยเห็นพ้องต้องกันว่าสองฝ่ายควรเสริมสร้างการเชื่อมโยงเชิงยุทธศาสตร์ เพื่อให้ประชาชนได้รับประโยชน์อย่างเป็นรูปธรรมมากขึ้นจากความร่วมมือระหว่างจีน-ไทย และนำไปสู่ “50 ปีทอง” อันรุ่งโรจน์ยิ่งขึ้นอีกวาระหนึ่ง
ประการที่สอง ผลลัพธ์ที่สำคัญที่สุดของการเสด็จเยือนครั้งนี้คือการกำหนดแนวทางและแผนพัฒนาความสัมพันธ์ทวิภาคีในอนาคต จีนยินดีที่จะส่งเสริมความร่วมมือในโครงการสำคัญอย่างต่อเนื่อง เช่น โครงการรถไฟไทย-จีน, ขยายการนำเข้าสินค้าเกษตรคุณภาพสูงของไทย และขยายความร่วมมือในสาขาใหม่ๆ เช่น ปัญญาประดิษฐ์หรือ AI, เศรษฐกิจดิจิทัล, การบินและอวกาศ ขณะที่พระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระราชดำรัสว่า ไทยและจีนมีมิตรภาพที่ใกล้ชิด มีความร่วมมือที่กว้างขวางและลึกซึ้งซึ่งเป็นประโยชน์ร่วมกัน เป็นความร่วมมือแบบพี่น้อง และไทยยินดีที่จะเรียนรู้จากประสบการณ์การพัฒนาของจีน รวมทั้งขยายความร่วมมือกับจีนในหลากหลายสาขา จีนยังกล่าวชื่นชมที่ภายหลังการตามเสด็จเยือนจีน นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องประสานงานกับฝ่ายจีนและผลักดันความร่วมมือในด้านต่างๆ ตามแนวทางหรือฉันทามติที่ประมุขแห่งรัฐทั้งสองกำหนดทันที และว่าจีนยินดีที่จะทำงานอย่างใกล้ชิดกับไทยเพื่อปฏิบัติตามฉันทามติสำคัญ
ประการที่สามคือปฏิสัมพันธ์อันใกล้ชิดระหว่างประมุขแห่งรัฐทั้งสองในพิธีถวายการต้อนรับ การพบปะอย่างเป็นทางการ และงานเลี้ยงต้อนรับ ซึ่งประมุขทั้งสองได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันอย่างลึกซึ้งในบรรยากาศที่อบอุ่นและเป็นมิตร สมกับวลีที่ว่า “จีนไทยใช่อื่นไกล พี่น้องกัน” ประธานาธิบดีสีจิ้นผิงได้เน้นย้ำถึงความสัมพันธ์ทางประวัติศาสตร์อันลึกซึ้งระหว่างราชวงศ์ไทยและรัฐบาลจีน พร้อมยกย่องบทบาทสำคัญของราชวงศ์ไทยในการส่งเสริมมิตรภาพระหว่างจีนและไทย ประธานาธิบดีสีกล่าวว่าทั้งสองฝ่ายควรแลกเปลี่ยนเยือนกันอย่างสม่ำเสมอเช่นเดียวกับสมาชิกครอบครัว และยินดีต้อนรับพระเจ้าอยู่หัวและพระบรมวงศานุวงศ์ให้เสด็จเยือนจีนบ่อยขึ้น ผู้นำจีนยังชื่นชมโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดําริ พร้อมแสดงความตั้งใจที่จะให้การสนับสนุน รวมทั้งแลกเปลี่ยนประสบการณ์การบรรเทาความยากจนกับไทย เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนในประเทศไทย
ประการที่สี่ การเสด็จเยือนครั้งนี้ไม่ใช่แค่เป็นการเสด็จเยือนแห่งมิตรภาพเท่านั้น แต่ยังเป็นการเสด็จเยือนแห่งวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี, วัฒนธรรม และการศึกษา โดยพระเจ้าอยู่หัวทรงเยี่ยมชมศูนย์นวัตกรรมหุ่นยนต์อัจฉริยะ, สถาบันเทคโนโลยีอวกาศแห่งประเทศจีนและศูนย์ฝึกอบรมนักบินอวกาศ และทรงทอดพระเนตรชั้นเรียนภาษาอังกฤษแบบโต้ตอบทางไกลผ่านแพลตฟอร์มการศึกษาอัจฉริยะ ซึ่งจะส่งเสริมการแลกเปลี่ยนด้านการศึกษาอัจฉริยะระหว่างสองประเทศ
ประการที่ห้าซึ่งเป็นประการสุดท้าย โดยทูตจางกล่าวว่าการเสด็จเยือนครั้งนี้ได้รับความสนใจจากชาวจีนในทุกภาคส่วน ที่พากันชื่นชมพระบารมีและพระปรีชาสามารถของพระเจ้าอยู่หัวและ พระสิริโฉมและพระจริยวัตรอันงดงามของพระราชินี สร้างความประทับใจให้กับชาวจีนเป็นอย่างมาก จนจุดกระแสการท่องเที่ยวไทยในหมู่ชาวจีน
ทูตจางกล่าวว่าการเสด็จเยือนครั้งนี้อยู่ในช่วงเวลาแห่งการถวายความอาลัยการเสด็จสวรรคตของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ฝ่ายจีนจึงได้จัดเตรียมสถานที่อย่างเรียบง่ายแต่สง่างาม พนักงานต้อนรับชาวจีนทุกคนสวมชุดสีเข้มเพื่อแสดงความเคารพต่อพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัวและฝ่ายไทย
ทั้งนี้ท่านทูตได้กล่าวสรุปถึงการเสด็จเยือนครั้งนี้ว่าเป็นการเติมเต็มช่องว่างทางประวัติศาสตร์ความสัมพันธ์จีน-ไทย เป็นหมุดหมายที่มีความสำคัญยิ่งยวด เป็นการสานต่อมิตรภาพอันดีงามระหว่างจีนและไทย เสริมสร้างความไว้วางใจทางการเมือง ส่งเสริมความร่วมมือที่เป็นประโยชน์ร่วมกัน และสร้างรากฐานที่มั่นคงยิ่งขึ้นสำหรับความสัมพันธ์จีน-ไทยในอีก 50 ปีข้างหน้า
