“จตุพร” ซัดเละสุดคุกไทยยุคนี้ ปล่อยทุนสีเทาทำลายยุติธรรม ชี้เป้าต้องสอบให้ชัดจนท.เรือนจำทุจริตเงินขนาดไหน ปล่อยนางแบบราคา 7 หลัก เข้าไปให้มั่วกามถึงแดนต้องห้าม

"จตุพร" ซัดเละสุดคุกไทยยุคนี้ ปล่อยทุนสีเทาทำลายยุติธรรม ชี้เป้าต้องสอบให้ชัดจนท.เรือนจำทุจริตเงินขนาดไหน ปล่อยนางแบบราคา 7 หลัก เข้าไปให้มั่วกามถึงแดนต้องห้าม

วันนี้ ( 22 พ.ย.) นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำกลุ่มรวมพลังแผ่นดินฯ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีการจัดทำห้องขัง VIP ภายในเรือนจําพิเศษกรุงเทพ ว่า เป็นสิ่งที่ไม่มีใครคาดคิดซึ่งในช่วงเวลา 14 ปี ตนเองเข้า-ออกคุก 5 ครั้ง ยังไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้มาก่อน เชื่อว่าเต้องทํากันเป็นกระบวนการเพราะในวันเกิดเหตุคือวันอาทิตย์ โดยปกติแล้วไม่อนุญาตให้เข้าเยี่ยมญาติและในการเข้าออกจากแดนที่ตัวเองอยู่จะต้องได้รับการอนุญาตจาก ผบ.แดน หรือเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ และต้องผ่านด่านอีกหลายประตูซึ่งไม่สามารถทําเพียงลําพังได้

 

 

ข่าวที่น่าสนใจ

จึงตั้งข้อสังเกตว่าเหตุใดจึงกล้ากระทําการเช่นนี้ทั้งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในเรือนจํา แค่ได้ยินว่าค่าตัวนางแบบราคา 7 หลัก ราคาที่ทุนเทาต้องจ่ายจะใช้เงินมโหฬารขนาดไหน จากการสอบถามภายในพบว่าทํากันมานานแล้วเพียงแต่ทุกคนเหมือน นํ้าท่วมปากจนกระทั่งมีคนทนไม่ไหวจนเกิดเรื่องขึ้น ซึ่งแสดงให้เห็นแล้วว่าทุนเทาสามารถซื้อกระบวนการยุติธรรมได้

เมื่อถามว่าการส่งตัวผู้หญิงเข้าไปค้าบริการแบบในเรือนจําแบบนี้ถือเป็นครั้งแรกเลยหรือไม่ นายจตุพร ระบุว่า กรณีที่เกิดขึ้นถือเป็นครั้งแรกของประเทศไทยส่วนเรื่องอื่นๆไม่ต้องพูดถึง หลังจากนี้เจ้าหน้าที่ต้องขยายผลต่อว่านอกจากเรือนจําพิเศษกรุงเทพแล้วมีที่ไหนอีกหรือไม่ ส่วนตัวไม่มั่นใจว่าจะมีเรือนจําไหนกล้าทําแบบนี้ เพราะที่ผ่านมาคําว่า VIP คือการยอมรับนับถือกันในหมู่นักโทษเท่านั้น

อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้เรือนจําพิเศษกรุงเทพฯถือเป็นเรือนจําสีขาวเข้มงวดแม้กระทั่งโทรศัพท์มือถือก็เข้าไม่ได้ ยาเสพติดก็น้อยมาก ค่อนข้างเป็นมาตรฐานจนกระทั่งความมาตรฐานหมดไปหลังทุนเทาเข้ามา

 

เมื่อถามว่ามีความคิดเห็นอย่างไรกับกระบวนการยุติธรรมตอนนี้ ทั้งเรื่องตํารวจฉาว จนลามมาถึงเรื่องคุก VIP ทางนายจตุพร กล่าวว่า ต้นนํ้าหรือตํารวจถือว่าเละที่สุด กลางทางคือศาลและอัยการมีการปฏิรูปไปแล้ววางระบบไว้ใช้มาตรการควบคุม ส่วนปลายทางหรือปลายนํ้าคือเรือนจําถือเป็นแดนสนธยาแต่ตอนนี้พอความจริงปรากฎจึงชี้ให้เห็นว่ามันเละถึงที่สุดแล้ว จําเป็นที่จะต้องสังคายนาชําระล้างกันยกใหญ่ไม่เช่นนั้นแล้วจะไม่สามารถสร้างความเชื่อมั่นได้ว่าคนที่อยู่ข้างในจะได้รับการปฏิบัติที่เท่าเทียมกันหรือไม่ เรื่องที่เกิดขึ้นถือเป็นการทําลายองค์กรตัวเอง

 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

มุกดาหาร ศุลกากรภาค สนธิกำลังตรวจยึดมะม่วงเถื่อนเติมรถสิบล้อ
เพชรบูรณ์ เริ่มแล้ว! “ทริปน้ำไม่อาบ” ผู้ว่า–ผู้การ สั่งเข้มตั้งด่านทั่วจังหวัด ปชช.ครวญอย่าเลือกปฏิบัติ
รัฐมนตรี พม. เดินหน้าคุ้มครองชาวเล ย้ำสิทธิทำกิน-ที่อยู่อาศัย-ไร้สัญชาติ
ดร.แดน ส่งสัญญาณบวก อาจรับเทียบเชิญ “พรรคไทยชนะ” เสนอชื่อชิงนายกฯ ชี้ สถานการณ์ชาติเปราะบาง ต้องเร่งกอบกู้
"สุวัจน์" เปิด “AIA ONE BILLION DAY 2025” ปล่อยตัวนักวิ่งกว่า 5,000 คน ชู “โคราช เมือง 3 มรดกโลก” แหล่งท่องเที่ยวระดับโลก
น่านจัดกิจกรรม “ตักบาตรเติมบุญ หน้าคุ้มหลวงนครน่าน” ท่ามกลางอากาศเย็นสบาย

ดู LIVE รายการ

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น​