เวลา 1900 นาฬิกาของวันพุธที่ 19 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ทอม ไรท์ ได้จัดเสวนาผ่านวีดีโอคอนเฟอเรนส์ ที่สมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศแห่งประเทศไทย (FCCT) เพื่อเปิดโปงเบื้องหลังธุรกิจสีเทาของเบน สมิธ ซึ่งทาง Top News ได้ส่งนักข่าวเข้าร่วมฟังวีดีโอคอลซึ่งต่อสายมาจากสิงคโปร์ ทั้งนี้คาดว่าอาจกลัวถูกจับหากเดินทางมาประเทศไทย
ระหว่างการวีดีโอ คอนเฟอเรนส์ซึ่งมีโจนาธาน เฮด ผู้สื่อข่าว BBC เป็นพิธีกร ทอม ไรท์ได้แฉเบื้องหลังและกล่าวหาเบน สมิธว่ามีความพยายามที่จะเข้าครอบงำสถาบันการเงินไทย ด้วยการตีสนิทนักการเมืองเบอร์ใหญ่และมีอิทธิพล รวมทั้งทักษิณ ชินวัตร, ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีเกษตร, และวรภัค ธันยาวงษ์ อดีตรัฐมนตรีช่วยคลัง โดยหวังซื้อบริษัทหลักทรัพท์ฟินันเซีย
(Finansia Plc) ของไทย
ไรท์ได้แสดงภาพถ่ายเป็นหลักฐานความเชื่อมโยงระหว่างเบน สมิธกับบรรดานักการเมืองของไทย, และบุคคลอื่นๆที่เชื่อมโยง รวมทั้งภาพเครื่องบินเจ็ตส่วนตัวที่ไรท์อ้างว่าเบนซื้อให้ทักษิณ และยังมีภาพเพนท์เฮ้าส์หรูกลางนครนิวยอร์กมูลค่า 20 ล้านดอลล่าร์และเรือยอร์ช ราคาหลายล้านดอลล่าร์สหรัฐที่เบนใช้เงินที่ได้มาจากธุรกิจสีเทา รวมทั้งศูนย์สแกมเมอร์ในกัมพูชาซื้อมา หวังสร้าง connection และเข้ามามีอิทธิพลในสถาบันการเงินและการเมืองไทย
แต่เมื่อถูกถามถึงพยานหลักฐานที่ชี้ชัดนอกเหนือจากรูปภาพที่แสดงความเชื่อมโยง ไรท์บอกว่าเขาไม่สามารถเปิดเผยแหล่งข่าวซึ่งมาจากหลายแห่งและหลายประเทศ เพราะต้องการปกป้องแหล่งข่าว และเมื่อถูกถามว่ามั่นใจได้อย่างไรว่าเงินของเบน สมิธมาจากเงินสแกมเมอร์ ไรท์ได้อ้างถึงธนาคาร B.I.C (บิ๊ก) ของนายยิม เลียก พันธมิตรของฮุนเซน และเป็นเครือข่ายธุรกิจสแกมเมอร์ของเบน สมิธ ซึ่งก่อตั้งขึ้นมาเพื่อใช้ในการฟอกเงินโดยเฉพาะ พร้อมกับชี้ว่า B.I.C ไม่ใช่แบงก์จริงเพราะมีลูกค้าเพียง 4 พันคนเท่านั้น และธนาคารแห่งนี้ก็ถูกรัฐบาลอังกฤษขึ้นบัญชีดำแล้ว ไรท์กล่าวว่าในการรายงานข่าวบางทีก็ไม่จำเป็นต้องมีหลักฐานชัดเจนร้อยเปอร์เซนต์ แต่ภาพที่แสดงความเชื่อมโยงและการคว่ำบาตรของอังกฤษและรัฐบาลอื่นๆก็พอจะสรุปได้แล้ว
ทอม ไรท์ยังเตือนต่อว่าเบน สมิธพยายามกว้านซื้อหุ้นของบริษัทใหญ่ๆหลายแห่งของไทย นอกจากฟินันเซียแล้วก็ยังมีบริษัทน้ำมันบางจากอีก ซึ่งถือเป็นเรื่องอันตรายสำหรับประเทศไทย เพราะการที่ต่างชาติเข้ามาเทค โอเวอร์สถาบันการเงินอย่างไม่ถูกต้องตามกฎหมายถือเป็นเรื่องน่าเป็นห่วงและส่งผลต่อความน่าเชื่อของสถาบันการเงินไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเงินที่ใช้ซื้อและหมุนเวียนในระบบเป็นเงินฟอกจากธุรกิจสแกมเมอร์ในกัมพูชาซึ่งเชื่อมโยงกับการค้ามนุษย์ นอกจากนี้ก็จะทำให้ไทยต้องสูญเสียอธิปไตยให้กับนักธุรกิจต่างชาติสีเทา
ไรท์กล่าวว่าเขาไม่ได้หวังผลหรือมีจุดมุ่งหมายอะไรในการออกมาเปิดโปงเบน สมิธครั้งนี้ และไม่ได้ต้องการเข้าไปเกี่ยวข้องกับการเมืองไทย แต่แนะว่าตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยควรจับตามองความเคลื่อนไหวของฟินันเซีย เรื่องใครจะเข้ามาเทคโอเวอร์และว่าอาจเป็นเรื่องยากที่รัฐบาลไทยจะขุดคุ้ยเรื่องนี้เพราะเชื่อว่าน่าจะมีนักการเมืองอาวุโสหลายคนมีส่วนพัวพัน และใช้บริการของเบน สมิธ

