สารพิษข้ามแดนทำลายวิถีชีวิต ชาวบ้านท่าตอนแบกหนี้-เศรษฐกิจพัง ร้องรัฐเร่งแก้ที่ต้นเหตุ

เมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน 2568 คณะสื่อมวลชนจากกรุงเทพฯ เชียงใหม่ และเชียงราย ได้เข้าร่วมโครงการ “Building Network Border Reporters/Regional Media Workshop” ของกงสุลสหรัฐอเมริกา ประจำจังหวัดเชียงใหม่ และเดินทางลงพื้นที่รับฟังข้อมูลจากชาวบ้านท่าตอน อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ ซึ่งกำลังเผชิญกับวิกฤตแม่น้ำกกปนเปื้อนสารพิษอย่างหนัก จนส่งผลกระทบต่อสุขภาพ เศรษฐกิจ และวิถีชีวิต แต่ยังไร้การเยียวยาและแนวทางแก้ไขที่ชัดเจนจากภาครัฐ


​​ชาวบ้านท่าตอนหลายรายเปิดเผยถึงความเดือดร้อนที่ซ้ำซ้อนหลังวิกฤตน้ำท่วมและการปนเปื้อนสารพิษ อาทิ ​นายเสหิละ ลิโพ ชาวบ้านผาใต้ เปิดเผยว่า ตนและเพื่อนบ้าน 11 หลัง ต้องแบกภาระหนี้สินจากการกู้ยืมมาสร้างบ้านใหม่ หลังบ้านถูกน้ำพัดหายไปเมื่อปี 2567 โดยระบุว่า แม้จะได้รับเงินชดเชยเร่งด่วน 5 หมื่นบาท แต่เงินช่วยเหลือส่วนเพิ่มหลังละ 2.3 แสนบาท ยังคงค้างอยู่จนถึงปัจจุบัน

ขณะที่นายหล้า บุญเรือง บ้านแก่งทรายมูล ต้องสูญเสียพื้นที่ทำกิน 70-80 ไร่ จนขาดรายได้ ​ปัญหาที่สร้างความกังวลที่สุด คือ เรื่องความปลอดภัยของอาหาร ด้านนายกอล์ฟ ชาวบ้านแก่งทรายมูล แสดงความสับสนต่อคำแนะนำของเจ้าหน้าที่สาธารณสุขที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ว่าสรุปแล้ว ปลากินได้หรือไม่ และการบริโภคปลาปนเปื้อนในระยะยาวจะส่งผลกระทบต่อสุขภาพอย่างไร ซึ่งไม่มีใครสามารถให้คำตอบที่ชัดเจนได้

​นางอนงค์ อินทวิชัย กลุ่มฮักแม่น้ำกก เน้นย้ำว่า ผู้ที่ได้รับผลกระทบหนักสุดคือคนแก่ เด็ก และพระสงฆ์ในพื้นที่ เนื่องจากคนหนุ่มสาวส่วนใหญ่ไปทำงานที่อื่น จึงเกรงว่าเยาวชนในพื้นที่อาจกลายเป็นคนพิการทางระบบประสาท หรือเจ็บป่วยจากสารโลหะหนักในอนาคต

​นางแสงระวี สุวีรการย์ รองประธานมูลนิธิร่มโพธิ์ ชี้ว่าวิกฤตนี้ทำให้ชาวบ้านมี หนี้สินท่วมท้น และส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจในวงกว้าง ด้าน​การเกษตร ตลาดส่งออกถั่วแระ ถั่วพุ่ม และกระเจี๊ยบเขียวไปญี่ปุ่นและไต้หวันต้องเสียหาย ด้าน​การท่องเที่ยว กิจการล่องแพริมแม่น้ำกกซึ่งเคยมีรายได้กว่า 3 ล้านบาทต่อ 7 วันในช่วงเทศกาล ได้รับความเสียหายแล้วกว่า 80%

ชาวบ้านผางาม และชุมชนท่าตอน ต่างแสดงความวิตกกังวลอย่างหนักต่อ สถานการณ์น้ำในหน้าแล้งปีหน้า (มี.ค.-พ.ค.) เนื่องจากน้ำประปาภูเขามีน้อยและต้องพึ่งพาแม่น้ำกก

​ชาวบ้านหลายคนยังคัดค้านโครงการที่ภาครัฐกำลังดำเนินการ ซึ่งถูกมองว่าเป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุและอาจซ้ำเติมสถานการณ์ ​นายวิชิต ชาวบ้านสบงาม คัดค้านการเดินหน้าสร้างฝายดักตะกอน 4 ฝาย โดยเฉพาะฝายที่อยู่ใกล้บ้าน เพราะเกรงว่าฝายจะยิ่งกักเก็บและเพิ่มความเข้มข้นของสารหนูที่ปนเปื้อนอยู่แล้วให้หนักยิ่งขึ้น

ข้อเรียกร้องที่สำคัญที่สุดคือการแก้ปัญหาที่ต้นตอ​ โดย​นายหล้า บุญเรือง เรียกร้องให้รัฐบาลคุยกับเมียนมา เพื่อให้มีการปิดเหมืองแร่ ที่เป็นต้นเหตุของการปล่อยสารพิษ

ด้าน​พระมหานิคม (พระมหาภินิกขมโน) ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดท่าตอน กล่าวว่า การฟื้นฟูต้องใช้เวลานับ 10 ปี จึงเรียกร้องให้รัฐบาลแก้ไขปัญหาทั้งในและ ต่างประเทศ และใช้กลไกประชาคมโลกกดดันไม่ให้การพัฒนาของประเทศหนึ่งสร้างความเดือดร้อนให้ประเทศอื่น ความต้องการเร่งด่วนของชุมชน คือ การช่วยเหลือฟื้นฟูเศรษฐกิจ การจัดระบบน้ำเพื่อใช้ในหน้าแล้ง เช่น การจัดระบบสูบน้ำโซลาเซลล์ และที่สำคัญที่สุดคือ การจัดหาแหล่งน้ำสะอาดปลอดภัย ผ่านการสำรวจและขุดเจาะระบบน้ำบาดาลให้แก่ชุมชน

ข่าวที่น่าสนใจ

วิโรจน์ วงศ์ใหญ่ ผู้สื่อข่าว Topnews ทั่วไทย จ.เชียงราย

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

อ.เวียงเชียงรุ้ง เตรียมดัน “วัดเวียงเชียงรุ้ง” เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ สู่แลนด์มาร์คใหม่ของ จ.เชียงราย
“บิ๊กเล็ก” ถกสภากลาโหม เน้นย้ำกองทัพนำคณะ AOT ลงพื้นที่เป็นพยานฝ่ายไทย ผลักดัน 200 ครอบครัวกัมพูชา หลังปักหมุดหนองจาน-หนองหญ้าแก้ว
โปรดเกล้าฯ เรียกคืนเครื่องราชฯ-เหรียญรัตนาภรณ์ "น.ส.จุฑาทิพย์ วิลาด"
ตำรวจรวบ 2 ผัวเมีย ลอบขนไอซ์ 500 กก. ใช้รถบรรทุกฟางอำพราง เตรียมส่งอยุธยา ค่าจ้าง 1 ล้านบาท
จังหวัดบึงกาฬนำบริการรัฐสู่ประชาชนอำเภอเซกา จัดโครงการ “ปกป้องและเชิดชูสถาบันฯ บำบัดทุกข์ บำรุงสุข สร้างรอยยิ้มให้ประชาชน” ปี 2569
อบจ.พิษณุโลก ส่งมอบบ้านตามโครงการปรับสภาพแวดล้อมที่อยู่อาศัยสำหรับคนพิการและผู้สูงอายุ

ดู LIVE รายการ

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น​