สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า เมื่อวานนี้ (เสาร์ที่ 15 พย.) นายมิโนรุ คิฮาระ โฆษกรัฐบาลญี่ปุ่นออกมาเรียกร้องจีนให้ใจเย็นลงและให้ใช้มาตรการที่เหมาะสม รวมทั้งเรียกร้องให้ทั้งสองฝ่ายหันมาเจรจาพูดคุย หลังจากที่เมื่อวันศุกร์ (14 พย.) กระทรวงต่างประเทศจีนประกาศเตือนพลเมืองของตนให้หลีกเลี่ยงเดินทางไปญี่ปุ่น โดยอ้างเหตุผลด้านความปลอดภัย และระบุว่าคำพูดที่ยั่วยุของนายกรัฐมนตรีซานาเอะ ทาคาอิจิของญี่ปุ่นทำให้ “บรรยากาศการแลกเปลี่ยนประชาชนกับประชาชนระหว่างจีนและญี่ปุ่นเสื่อมถอยลงอย่างรุนแรง ซึ่งก่อให้เกิดความเสี่ยงอย่างมากต่อความปลอดภัยของชาวจีน” ในญี่ปุ่น
คิฮาระกล่าวว่าจีนน่าจะตีความคำพูดของผู้นำหญิงผิด และว่าการสื่อสารหลายชั้นระหว่างสองประเทศมีความจำเป็นอย่างยิ่ง
ขณะที่นายทาคายูกิ โคบายาชิ หัวหน้าฝ่ายนโยบายของพรรคเสรีประชาธิปไตย ซึ่งเป็นพรรครัฐบาล กล่าวว่ารัฐบาลญี่ปุ่นจะยังคงเดินหน้าเจรจาและใช้ความพยายามในการสร้างความสัมพันธ์ที่สร้างสรรค์และมั่นคงกับจีนต่อไป พร้อมย้ำว่าความสัมพันธ์ของสองประเทศ “มีความสำคัญอย่างยิ่ง” และว่าจุดยืนของญี่ปุ่นที่มีต่อจีนยังคงไม่เปลี่ยนแปลง
ความขัดแย้งครั้งล่าสุดระหว่างญีปุ่นกับจีนมีขึ้นหลังจากที่ทาคาอิจิกล่าวต่อที่ประชุมคณะกรรมาธิการรัฐสภาเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า “หากจีนใช้กำลังทหารโจมตีไต้หวันจะถือเป็นภัยคุกคามต่อการอยู่รอดของญี่ปุ่น ซึ่งญี่ปุ่นสามารถใช้สิทธิ์ในการปกป้องตนเอง” ทั้งนี้ญี่ปุ่นชี้แจงว่าสิทธิการปกป้องตนเองมีระบุอยู่ในกฎหมายรัฐธรรมนุญของญี่ปุ่น แต่จีนอาจตีความหมายผิดเป็นว่า “รัฐบาลญี่ปุ่นจะอนุญาตให้กองกำลังป้องกันตนเองญี่ปุ่นสนับสนุนสหรัฐในการโจมตีจีน หากจีนใช้กำลังปิดล้อมทางทะเลต่อไต้หวันหรือบังคับขู่เข็ญในรูปแบบอื่น”
ด้านนักวิเคราะห์เตือนว่าคำประกาศล่าสุดของจีนมุ่งเป้าทำร้ายอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของญี่ปุ่น เนื่องจากนักท่องเที่ยวจีนคิดเป็นสัดส่วนมากที่สุดของจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งหมดที่เดินทางมาญี่ปุ่น และว่าคำประกาศเตือนภัยการเดินทางของจีนอาจส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวที่กำลังเฟื่องฟูของญี่ปุ่น

