"สันติสุข" จวกหนัก สส.ฝ่ายค้าน โวย "นายกฯอนุทิน" ผิดพลาดแข็งกร้าวใส่ "ทรัมป์" ชี้สะท้อนอ่อนด้อยปัญญา ทำตัวเหมือนผลักไทยเป็นลูกไล่สหรัฐ สุดท้ายหน้าแหกยับ
ข่าวที่น่าสนใจ
16 พ.ย.2568 นายสันติสุข มะโรงศรี พิธีกรข่าวท็อปนิวส์ ได้โพสต์ข้อความ ระบุว่า กูละเว้ย เฮ้ย กู คือ คนไทย ประเทศไทยยังไม่ชนะ แต่พวกขี้ข้าสหรัฐถูกกระชากหน้ากากไปแล้ว

สส.ฝ่ายค้านบางส่วน ที่เรียกร้องให้ผู้นำไทยแสดงท่าทีต่อสหรัฐแบบเด็กดี และเย้ยหยันว่าการยืนหยัดจุดยืนตามแนวทางของนายกฯอนุทิน เป็นเรื่องผิดพลาดเสียหาย
ทำราวกับประเทศไทยเป็นเมืองขึ้น ไทยจะทำอะไรต้องแจ้งขอผู้นำสหรัฐ ไทยต้องเป็นเด็กดีของสหรัฐ สหรัฐต้องการอะไรไทยต้องจัดการให้

สะท้อนถึงความอ่อนด้อยทางสติปัญญา และประสบการณ์ในทางปฏิบัติจริง
เหมือนไม่รู้ว่าสหรัฐมีผลประโยชน์ในไทยมากกว่าในกัมพูชาแบบเทียบกันไม่ได้ สหรัฐไม่เอาไทยไปแลกกับกัมพูชาแน่นอน
ทำไมคนพวกนี้ ทำตัวเหมือนเอเย่นต์ของสหรัฐ คอยช่วยทุบ ช่วยตี ช่วยผลักให้ประเทศไทยเป็นลูกไล่ของสหรัฐ แลกกับการได้รับแสง-ได้รับการลูบหัวเกาคางจากสหรัฐ
วิเทโศบายไทย ในสงครามการค้าของสหรัฐ ที่พยายามหาผลประโยชน์และสร้างอำนาจในภูมิรัฐศาสตร์โลก เป็นเรื่องท้าทายสำหรับประเทศไทยที่อยู่กลางเขาควาย
1. สหรัฐใช้ Reciprocal Tariffs เป็นเครื่องมือบีบ อย่างที่ทรัมป์เคยใช้คำพูดว่า “มาจูบก้นผม” แล้วประเทศไหนใกล้ชิดจีน ไม่ทำตัวเป็นเด็กดีของสหรัฐ สหรัฐก็กำหนดกำแพงภาษีสูงๆ เล่นงาน เช่น ลาว เมียนมาร์ อินเดีย รัสเซีย แอฟริกาใต้ ฯลฯ
2. เมื่อไทยถูกกัมพูชาลอบกัด ลอบวางระเบิดใหม่ในแนวลาดตระเวนของทหารไทย จนทหารไทยขาขาดไปอีกหนึ่งคน นายกฯอนุทินประกาศระงับการดำนินการตามปฏิญญาสันติภาพที่ลงนามต่อหน้าทรัมป์ทันที เพราะฝ่ายเขมรละเมิดข้อตกลง และได้แจ้งเป็นลายลักษณ์อักษรไปยัง ปธน.ทรัมป์แล้ว
กรณีนี้ สหรัฐอเมริกาแบ่งบทบาทกันเล่นทันที
เริ่มจากให้ผู้แทนการค้าสหรัฐแจ้งระงับเจรจาภาษีการค้ากับไทย พอนายกฯไทยกล้ายืนหยัด ระงับการดำนินการตามปฏิญญาสันติภาพ แสดงท่าทีแข็งกลับไป จากนั้น สหรัฐค่อยบอกผ่านนายกฯอันวาร์ว่าสหรัฐไม่เอาการเจรจาภาษีมาเกี่ยวข้องด้วย
จดหมายจากผู้แทนการค้าสหรัฐที่ระบุเรื่องการหยุดเจรจากับไทยได้ถูกพิมพ์ขึ้นก่อนที่นายกฯอนุทินจะได้คุยโทรศัพท์กับท่านประธานาธิบดีทรั้มป์ เมื่อค่ำวันศุกร์ที่ 14 พฤศจิกายน
พูดง่าย ๆ ทรัมป์ให้ลูกน้องตบก่อน กระทืบไทยก่อน โดยผู้แทนการค้าสหรัฐแจ้งระงับการเจรจาก่อน พอลูกน้องตบ ลูกพี่ค่อยอ้าแขนรอสวมกอด ถ้าสมประโยชน์เพียงพอ
สิ่งที่เกิดขึ้นแล้ว มันได้พิสูจน์ความยืนหยัดมั่นคงของนายกฯน้าหนู ว่ายืนยันรักษาอธิปไตยในการดำเนินนโยบายต่อกัมพูชา ด้วยการพูดสื่อสารตรง ๆ กับปธน.ทรัมป์ ไม่ใช่หมอบราบคาบแก้ว น่าชื่นชม
3. นายกฯไทย พูดตรง ๆ กับปธน.ทรัมป์ ปกป้องอธิปไตย ผลประโยชน์ และศักดิ์ศรีประเทศชาติ
“ …ผมได้ยืนยันว่า รัฐบาลไทยจะระงับการดำเนินการภายใต้เนื้อหาที่ระบุไว้ในปฏิญญา จนกว่ากัมพูชาจะยอมรับว่าตนมิได้ปฏิบัติตามและได้ละเมิดเงื่อนไขดังกล่าว …
ผมได้ย้ำว่า รัฐบาลไทยทรงไว้ซึ่งสิทธิและมีอำนาจที่จะดำเนินการใดๆ เพื่อปกป้องอธิปไตยของประเทศ
ผมได้เรียกร้องให้ผู้นำของทั้งสองประเทศ ในฐานะที่เป็นสักขีพยานในปฏิญญาดังกล่าว ให้ทำการแจ้งไปยังนายกรัฐมนตรีของกัมพูชาให้เคารพและปฏิบัติตามข้อตกลงอย่างเคร่งครัด และมีความจริงใจต่อประเทศทั้งสี่ที่ได้ร่วมกันลงนามในปฏิญญา..
ผมได้ยืนยันว่า รัฐบาลไทยพร้อมที่จะให้ความร่วมมือกับทุกชาติ เพื่อเสริมสร้างสันติภาพในภูมิภาคอาเซียน แต่ในขณะเดียวกัน รัฐบาลไทยก็ไม่ต้องการที่จะมีความสัมพันธ์ใดๆต่อไปกับเพื่อนบ้านที่ไม่มีความจริงใจและคอยคุกคามอธิปไตยของไทยอยู่ตลอดเวลา
…ผมได้เน้นย้ำว่า รัฐบาลไทยไม่เคยมีเจตนารุกรานกัมพูชา แต่มีความพร้อมที่จะดำเนินการตอบโต้เพื่อปกป้องอธิปไตยและเกียรติภูมิของชาติ และเพื่อสร้างความปลอดภัยต่อชีวิตและทรัพย์สินของคนไทยในทุกวิถีทาง…” – นายกฯ อนุทินเผย
ประเทศไทย มีเอกราช มีศักดิ์ศรี มีผลประโยชน์ของเราที่เราต้องปกป้องรักษาด้วยตนเอง
ล่าสุด สหรัฐยืนยัน จะไม่นำประเด็นการระงับปฏิญญาของไทยมาเกี่ยวข้องกับการเจรจาภาษีการค้าระหว่างไทยและสหรัฐที่กำลังดำเนินการอยู่ในขณะนี้
ท่าทีและแนวทางของนายกฯ อนุทิน ในยามหน้าสิ่วหน้าขวานครั้งนี้ พิสูจน์ให้เห็นความหนักแน่น กล้าหาญ และแม่นยำในการประเมินอำนาจต่อรองในการเจรจา ประเทศไทยยังไม่ชนะ แต่พวกขี้ข้าสหรัฐถูกกระชากหน้ากากไปแล้ว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง

