ภาคประชาชนชี้ หน่วยงานรัฐยังไร้เอกภาพในการแก้ไขปัญหาสารปนเปื้อนในแม่น้ำกก

ภาคประชาชนชี้ หน่วยงานรัฐยังไร้เอกภาพในการแก้ไขปัญหาสารปนเปื้อนในแม่น้ำกก แนะเร่งประสานยกเลิกเหมืองว้า หากยังไร้มาตรการป้องกันสารพิษ

วันที่ 11 พ.ย. 68 ที่หอประชุมคชสาร ศูนย์บูรณาการการเรียนรู้และนันทนาการ สนามกีฬากลาง อ.เมืองเชียงราย นายประเสริฐ จิตต์พลีชีพ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เป็นประธานประธานพิธีเปิดการประชุมรับฟังความคิดเห็นของประชาชน เพื่อทบทวนและกำหนดแนวทางการแก้ไขปัญหาคุณภาพน้ำในพื้นที่แม่น้ำกกและแม่น้ำสาย โดยได้รับเกียรติจากนายโอภาส ถาวร รองอธิบดีกรมทรัพยากรน้ำ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และตัวแทนภาครัฐ ภาคประชาชน เข้าร่วมรับฟังและเสนอแนะความคิดเห็นเป็นจำนวนมาก

โดยก่อนที่จะเริ่มกิจกรรมรับฟังความคิดเห็น ได้มีนางเตือนใจ ดีเทศน์ กรรมการผู้ก่อตั้งและที่ปรึกษาของมูลนิธิพัฒนาชุมชนและเขตภูเขา (พชภ.) ได้พาชาวบ้านผู้ได้รับผลกระทบจากปัญหาสารปนเปื้อนในแม่น้ำกกและแม่น้ำสาย ได้มายื่นหนังสือร้องทุกข์และข้อเรียกร้องให้กับรองอธิบดีกรมทรัพยากรน้ำ เพื่อส่งผ่านไปยังคณะรัฐมนตรีและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อจะได้เร่งพิจารณาแก้ไขปัญหาให้กับชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาดังกล่าวอย่างเร่งด่วน

นายโอภาส ถาวร รองอธิบดีกรมทรัพยากรน้ำ กล่าวว่า กิจกรรมในวันนี้เป็นการเปิดเวทีเพื่อรับฟังความคิดเห็นของประชาชน เป็นการรับฟังเพื่อนำข้อคิดเห็นต่างๆ ที่ประชาชนเสนอแนะไปเป็นแนวทางที่จะดำเนินการในการแก้ไขปัญหาในพื้นที่ ซึ่งก่อนที่กรมทรัพยากรน้ำจะมีนโยบายหรือทำอะไรก็แล้วแต่ เราจะมีการรับฟังความคิดเห็นของประชาชน อะไรที่ทำแล้วจะกระทบกับประชาชน หน่วยงานเราก็จะไม่ดำเนินการอยู่แล้ว ซึ่งประเด็นหลักในวันนี้เรามารับฟังว่าประชาชนในพื้นที่เขามีความต้องการหลักคืออะไร หรือรับฟังปัญหาเขาว่าหากเราดำเนินการไปแล้วเขาเกิดผลกระทบเราก็อาจต้องไปพิจารณาหาวิธีอื่นเพื่อดำเนินการให้เหมาะสมต่อไป

รองอธิบดีกรมทรัพยากรน้ำ เผยอีกว่า ก่อนหน้านี้เราได้ไปรับฟังความคิดเห็นของประชาชนในพื้นที่ อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ ซึ่งจากการรับฟังพบว่าประชาชนไม่ต้องการให้ก่อสร้างฝายดักตะกอน ซึ่งเราก็รับมติของที่ประชุม และจะไม่ดำเนินการสร้างตามที่ประชาชนคัดค้านซึ่งถือเป็นมติของที่ประชุม สิ่งที่เราจะทำได้หลังจากนี้ก็คือการหาแหล่งน้ำสะอาดสำหรับอุปโภคบริโภค และน้ำเพื่อการเกษตร ซึ่งตอนนี้ทางกรมทรัพยากรน้ำก็ได้ทำการสำรวจพื้นที่ไปบ้างแล้ว เพื่อให้รู้ว่าจะมีแนวทางที่จะสามารถทำได้หรือไม่

ด้านนายประนอม เชิมชัยภูมิ คณะกรรมการสมัชชาเชียงรายล้านนาแห่งความสุข กล่าวว่า ตนคิดว่าการแก้ไขปัญหาสารพิษในแม่น้ำกกแม่น้ำสายในเวลานี้ หน่วยงานภาครัฐมีการแก้ไขปัญหาที่ไม่ค่อยเป็นระบบ ต่างคนต่างทำ ในความเห็นของตนคิดว่าการจะแก้ปัญหาเรื่องนี้มันจะต้องมาร่วมกันบริหารจัดการหลายหน่วยงาน มันไม่ใช่แค่เพียงงานที่เกี่ยวข้องแค่หน่วยงานเดียวมันมีหน่วยงานที่เกี่ยวขัองหลายหน่วยงาน ทั้งกรมชลประทาน กรมควบคุมมลพิษฯ ฯลฯ ทุกวันนี้เหมือนแต่ละหน่วยงานต่างคนต่างทำ สิ่งที่เป็นอุปสรรคก็คือการบริหาร การบูรณาการข้อมูลซึ่งกันและกัน ข้อเสนอของตนในเรื่องนี้เพื่อจะให้การแก้ปัญหาเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพก็คือ อันดับแรกต้องมีการจัดตั้งศูนย์บัญชาการขึ้นมาอย่างเป็นทางการ เพื่อมาทำหน้าที่ในการบริหารจัดการแก้ไขปัญหาสารพิษในแม่น้ำกกแม่น้ำสาย โดยศูนย์บัญชาการนี้ต้องมีส่วนประกอบจากหน่วยงานราชการ ภาคประชาชน ท้องที่ ท้องถิ่น เข้ามาร่วมเป็นคณะทำงานที่จะบริหารจัดการภายในศูนย์นี้ มีแต่แบบนี้เท่านั้นที่จะการแก้ไขปัญหาสารพิษในแม่น้ำกกแม่น้ำสายมันจะสามารถบรรเทาไปได้ แต่ถ้าหากเมื่อไหร่ที่ยังทำงานกับแบบเดิมเหมือนปัจจุบัน ต่างคนต่างทำอยู่แบบนี้ มันก็จะอยู่ในสภาพเดิมแบบนี้ไปเรื่อยๆ

ประการที่ 2 ตนคิดว่าจะต้องปรับวิธีคิด สมมุติว่ามีการจัดตั้งคณะทำงานในระดับจังหวัดตามความคิดเห็นของตนในข้างต้น คณะทำงานไม่ใช่ตั้งขึ้นมาเพื่อแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าที่มันเกิดขึ้นแล้วเท่านั้น แต่คณะทำงานชุดนี้จะต้องมีหน้าที่ในการพิจารณาในการแก้ไขต้นตอของปัญหา ซึ่งเราทราบกันดีอยู่แล้วว่าปัญหามันเกิดจากการทำเหมืองในฝั่งประเทศเมียนมา จะมีวิธีการไหนที่จะทำให้รัฐบาลไทยมีการเจรจากับรัฐบาลเมียนมา ซึ่งเรื่องนี้จากการที่ตนไปค้นคว้าในเรื่องของอนุสัญญาว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพและสิ่งแวดล้อมที่มีหลายประเทศมาทำข้อตกลงกัน ตนพบว่าทั้งประเทศไทยและประเทศเมียนมาต่างก็ไปลงนามบันทึกความร่วมมือ หรือไปเป็นภาคีร่วมกับเขาด้วย เพราะฉะนั้นหน้าที่ปัจจุบันของประเทศไทยก็คือไปร้องว่าประเทศเมียนมากำลังละเมิดอนุสัญญาว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพและสิ่งแวดล้อม โดยการปละปละละเลยให้มีการทำเหมืองในพื้นที่ประเทศเมียนมา และมีการปล่อยสารพิษลงสู่แหล่งน้ำจนเกิดผลกระทบกับประเทศไทย ตนคิดว่าคณะทำงานในระดับจังหวัดต้องไปแสวงหาแนวทางไปนำเสนอให้รัฐบาลไปเปิดการเจรจากับทางรัฐบาลเมียนมา ถ้ายังไม่มีการเจรจานั่นก็หมายความว่าต้นเหตุของปัญหาก็ยังจะไม่ได้รับการแก้ไข

นายประนอม กล่าวอีกว่า ปัจจุบันหน่วยงานแต่ละแห่งก็อาจจะออกมาให้ข้อมูลว่าคุณภาพน้ำอยู่ในระดับปลอดภัย ไม่เกินมาตรฐาน แต่ถ้าเป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆ ในอนาคตประชาชนจะต้องสะสมสารพิษในระดับค่ามาตรฐานนี้ไปอีกกี่ปี หากสะสมไปเรื่อยๆ ก็จะเหมือนคนที่สะสมสารพิษจากควันบุหรี่เข้าไปในปอด อนาคตก็จะต้องป่วยเป็นมะเร็งปอด เช่นเดียวกับการอุปโภคบริโภคน้ำที่ปนเปื้อนสารพิษซึ่งแต่ละหน่วยงานต่างบอกว่าอยู่ในระดับที่ปลอดภัย แล้วในอนาคตไม่รู้ว่ากี่ปีที่อาการของโรคมันจะปรากฏ หรือว่าหน่วยงานราชการจะต้องรอให้พี่น้องประชาชนมีการเจ็บป่วย เหมือนประชาชนชาวญี่ปุ่นที่เจ็บป่วยจากสารพิษมินามาตะแบบนั้นหรือ ถึงจะมีมาตรการไปยับยั้งการปล่อยสารพิษมาในประเทศไทย

สำหรับประเด็นการก่อสร้างฝายดักตะกอน นายประนอมให้ความเห็นว่า เท่าที่ตนทราบ ฝายดักตะกอนยังไม่มีการทำในประเทศไหน ยังไม่มีการพิสูจน์ว่าสามารถดักตะกอนได้จริง และสิ่งที่ตนรับรู้มาก็คือฝายดักตะกอนนี้จะทำหน้าที่เพียงในฤดูแล้ง แต่ในฤดูฝนฝายดักตะกอนนี้ก็จะต้องเปิดเพื่อระบายน้ำ ไม่สามารถทำหน้าที่เป็นฝายดักตะกอนได้ อีกปัญหาหนึ่งที่ตนรู้มาก็คือ ฝายดักตะกอนมันก็จะตัองมีตะกอนที่ปนเปื้อนสารพิษตรงบริเวณด้านหน้าฝาย คำถามของเราก็คือว่าจะมีการบริหารจัดการตะกอนตรงนั้นอย่างไร สิ่งที่เราเคยได้ยินมาก็คือจะนำเอาตะกอนที่ปนเปื้อนสารพิษนี้ไปทิ้งห่างจากจุดที่ตั้งฝายประมาณ 100 กม. ถ้าทำแบบนี้มันจะไม่เป็นการนำสารปนเปื้อนไปที่อื่นอีกหรือ ถ้าเอาไปที่อื่นก็แปลว่าที่อื่นก็ต้องเจอสารปนเปื้อนอีก แทนที่สารปนเปื้อนมันจะอยู่เพียงแค่ที่เชียงราย แต่จังหวัดเชียงรายหรือคนที่อาศัยอยู่ริมแม่น้ำกกกำลังจะเป็นจุดในการกระจายสารปนเปื้อนตัวนี้ไปมากกว่า 100 กม. อันนี้คือข้อกังวลของเรา

“ตอนนี้เรารู้อยู่แล้วว่าต้นเหตุของปัญหาอยู่ที่ประเทศเพื่อนบ้านที่ไม่ยอมหยุดทำเหมือง แล้วก็ปล่อยสารเคมีลงสู่แหล่งน้ำ ซึ่งการทำเหมืองแบบนี้ทางประเทศจีนได้ยกเลิกไปนานแล้ว แต่ก็ยังมีการดำเนินการอยู่ในประเทศเมียนมา สมควรเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องยกเลิกการทำเหมืองแบบนี้ ตราบไดที่ยังไม่สามารถตอบคำถามที่ว่าจะป้องกันการกระจายสารพิษลงมาในแม่น้ำได้อย่างไร ตราบไดที่ยังปล่อยสารพิษลงในแม่น้ำกกก็ต้องยกเลิก แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่มีแนวทางบริหารจัดการไม่ให้สารพิษไหลลงแม่น้ำกกแล้ว แบบนั้นจะทำต่อก็ไม่มีใครว่า เพราะคนริมแม่น้ำกกแม่น้ำสายก็ไม่มีใครเดือดรัอน แต่อย่าลืมว่าถึงแม้วันนี้คุณหยุดการปล่อยสารเคมีลงในแม่น้ำกก มันจะต้องใช้เวลามากแค่ไหนในการฟื้นฟูชีวิต วิถีชีวิต ในแม่น้ำกกให้กลับคืนมา ซึ่งตนไม่รู้ว่าตัองใช้เวลากี่ปี แต่ยืนยันว่าต้องใช้เวลาไม่น้อยกว่า 10 ปีอย่างแน่นอน ในการจะทำให้กุ้งหอยปูปลา และวิถีชีวิตของผู้คนกลับมาเหมือนเดิม” นายประนอม กล่าว

ข่าวที่น่าสนใจ

วิโรจน์ วงศ์ใหญ่ ผู้สื่อข่าว TopNewsทั่วไทย จ.เชียงราย

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

"ปลัดวธ." ลงพื้นที่ประชุม ติดตามคืบหน้าจัดมหกรรมศิลปะร่วมสมัยนานาชาติ Thailand Biennale, Phuket 2025 ณ จังหวัดภูเก็ต
รัฐบาลส่งสัญญาณบวก “สุชาติ” เปิดโรงงาน Unicq Technology ตอกย้ำการพัฒนา EEC คู่ขนาน “เศรษฐกิจสีเขียว”
เชิญชมคอนเสิร์ตการกุศล “Lions Charity Concert ครบรอบ 30 ปี สโมสรไลออนส์มิตรภาพ โคราช” พบกับ อา เอ็นโดรฟิน และ แจ๊ส สปุ๊กนิค ปาปิยอง กุ๊กกุ๊ก วันอาทิตย์ที่ 14 ธันวาคมนี้ ที่ศูนย์การค้าเทอร์มินอล 21 โคราช
ดร.ฉลาด ขามช่วง นำคณะเข้าเยี่ยมคารวะรองประธานสภาญี่ปุ่น สานสัมพันธ์ไทย–ญี่ปุ่นครบ 170 ปี พร้อมศึกษาระบบรัฐสภาโตเกียว
สลด! พนักงานหนุ่ม ขับ BMW เสียหลักชนเสาไฟฟ้า ดับคาซาก
"มูลนิธิหัวใจบริสุทธิ์" ส่งต่อความห่วงใย ผ่านโครงการ 'สถานีประชาชนสัญจร เพื่อน้องที่ห่างไกล' จ.น่าน

ดู LIVE รายการ

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น​