การแข่งขันครั้งนี้จัดขึ้นภายใต้โจทย์ “ยกระดับเชียงใหม่ด้วยการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัลและระบบอัตโนมัติ” โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างสรรค์เทคโนโลยีและโซลูชันที่ตอบโจทย์การพัฒนาในอุตสาหกรรมหลักของเชียงใหม่ ผ่านพลังของคนรุ่นใหม่จากหลากหลายสายอาชีพ ไม่ว่าจะเป็นนักพัฒนาซอฟต์แวร์ โปรแกรมเมอร์ นักออกแบบ UX/UI นักศึกษาสาขาเทคโนโลยี และผู้ประกอบการสตาร์ทอัพ ที่ต่างมารวมตัวกันเพื่อจุดประกายแนวคิดใหม่ในการยกระดับเมือง โดยได้รับการร่วมมือจากพันธมิตรหลากหลายองค์กร ได้แก่ สํานักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (Depa), สมาคมโปรแกรมเมอร์ไทย (Thai Programmer Association), อุทยานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (CMU STeP), และ บริษัท มะนาวซอฟต์แวร์ จำกัด (Manao Software Co., Ltd.)
บรรยากาศวันแรกของงาน (7 พฤศจิกายน) เต็มไปด้วยพลังของผู้เข้าแข่งขันที่พร้อมเรียนรู้และลงมือทำจริงตลอดทั้งวัน ในช่วงเช้า ผู้เข้าร่วมได้เปิดมุมมองใหม่ผ่านเวิร์ปช็อปด้านการตลาด การเขียนโค้ด และเทคนิคการนำเสนอ จากผู้เชี่ยวชาญและผู้บริหารจากองค์กรชั้นนำอาทิ Martech Expo, Seekster, 10Ants Consulting, และ Manao Software หลังจากนั้น ทีมผู้เข้าแข่งขันได้ลงสนามแข่งขันพัฒนาแพลตฟอร์มต้นแบบ (Prototype) โดยมีคณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญจาก สมาคมโปรแกรมเมอร์ไทย (Thai Programmer Association) และ Manao Software ทำหน้าที่ประเมินความคิดสร้างสรรค์ การออกแบบระบบ และความเป็นไปได้เชิงเทคนิคอย่างจริงจัง
เข้าสู่วันที่สองของงาน (8 พฤศจิกายน) บรรยากาศยิ่งเข้มข้นยิ่งขึ้น ภายในงานได้รับเกียรติจากนาย ธนุช อาร์. นาเออร์ (Mr. Dhanush R. Nair) Co-Group CEO และกรรมการบริหาร กลุ่มบริษัทไฮไลฟ์ กล่าวเปิดงานพร้อมแสดงวิสัยทัศน์ของการจัดงาน Hylife Hackathon ในปีนี้ พร้อมด้วยคณะผู้บริหารกลุ่มบริษัทไฮไลฟ์ ได้แก่ นาง วัชราภรณ์ ลิน กรรมการบริหาร, นาง โพลา มาซูมดาร์ นาเออร์ (Mrs. Pola Mazumdar Nair) กรรมการอิสระ, นาย แมทธิว ลิน (Mr. Matthew Lin) กรรมการอิสระ, นาย ไบรอัน ทัง (Mr. Bryan Tang) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ดร.ไฮจีน เมดิคอล โปรดักส์ จำกัด, และ นาย ริชาร์ด เตียว (Mr. Richard Teo) ผู้อำนวยการกลุ่มปฏิบัติการและการยกระดับองค์กร ตามด้วยการเปิดเวทีเสวนาในหัวข้อ “Hack the System: แก้ Pain Point เมืองให้เป็นโอกาสทางธุรกิจ” โดยเหล่าผู้บริหารและผู้ก่อตั้งจากองค์กรชั้นนำในวงการเทคโนโลยี ได้แก่ Opsta Thailand, Techsauce, Recycoex และ สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (Depa)ที่ร่วมแบ่งปันมุมมองการต่อยอดเทคโนโลยีเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจเมืองเชียงใหม่ให้เติบโตอย่างยั่งยืน และต่อด้วย Inspiration Talk พิเศษโดย CEO จาก Pay Solutions ภายใต้หัวข้อ “Disrupt or Be Disrupted: สร้างธุรกิจในแบบที่โลกต้องจำ” ถ่ายทอดแนวคิดการสร้างธุรกิจให้เติบโตท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของโลกดิจิทัล และตามด้วยการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศในการนำเสนอแผนธุรกิจต่อคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิจากภาคธุรกิจและการลงทุนระดับนานาชาติ
สำหรับผู้ชนะจะได้รับเงินรางวัลรวมมูลค่ากว่า 180,000 บาท นอกจากนี้ ทีมผู้ชนะและทีมที่ผ่านกระบวนการตรวจสอบสถานะ (Due Diligence) จะได้รับโอกาสในการร่วมลงทุน รวมมูลค่ากว่า 4,000,000 บาท เพื่อผลักดันให้ไอเดียกลายเป็นนวัตกรรมที่ใช้ได้จริงในสังคม
รางวัลชนะเลิศของแต่ละสาขา ได้แก่
1. สาขาพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อการใช้ชีวิตอัจฉริยะและการจัดการอสังหาริมทรัพย์ ได้แก่ทีม PINUP
2. สาขานวัตกรรมด้านเกษตรอัจฉริยะและการจัดการห่วงโซ่อุปทาน ได้แก่ทีม PanKaset
3. สาขาเทคโนโลยีด้านการแพทย์และสุขภาพดิจิทัล ได้แก่ทีม StrokeSight
4. สาขาการเงินอัจฉริยะและการจัดการสินทรัพย์และหนี้สิน ได้แก่ทีม finfy
รางวัลขวัญใจมหาชนและรางวัลประกายไอเดียดิจิทัลเพื่อเชียงใหม่ ได้แก่ทีม StrokeSight
นาย ธนุช อาร์. นาเออร์ (Mr. Dhanush R. Nair) Co-Group CEO และกรรมการบริหาร กลุ่มบริษัทไฮไลฟ์ ได้กล่าวถึงวิสัยทัศน์ของการจัดงาน Hylife Hackathon 2025 ว่า “เทคโนโลยีและนวัตกรรมคือพลังสำคัญในการขับเคลื่อนอนาคตของเมืองเชียงใหม่และประเทศไทย กลุ่มบริษัทไฮไลฟ์เชื่อมั่นว่า ไอเดียใหม่ๆ คือหัวใจของการเปลี่ยนแปลง การจัดงาน Hylife Hackathon ในครั้งนี้จึงไม่ใช่เพียงเวทีการแข่งขัน แต่คือพื้นที่ในการจุดประกายความคิด เปิดโอกาสให้เยาวชนและผู้ประกอบการรุ่นใหม่ได้แสดงศักยภาพและร่วมกันสร้างแนวทางแก้ปัญหาที่ตอบโจทย์เมืองอย่างแท้จริง”
การแข่งขัน Hylife Hackathon 2025 นับเป็นอีกหนึ่งบทพิสูจน์ของวิสัยทัศน์จากกลุ่มบริษัทไฮไลฟ์ ในการส่งเสริมระบบนิเวศธุรกิจดิจิทัลที่ยั่งยืน โดยเริ่มต้นจากเชียงใหม่ เมืองแห่งศักยภาพที่พร้อมก้าวสู่การเป็นเมืองอัจฉริยะด้วยพลังของคนรุ่นใหม่และเทคโนโลยีที่ขับเคลื่อนอนาคต
