CNN และ AP รายงานว่าดิ๊ก เชนีย์ อดีตรองประธานาธิบดีสหรัฐผู้ทรงอิทธิพลมากที่สุดในอเมริกายุคใหม่ได้เสียชีวิตเมื่อคืนที่ผานมา (จันทร์ที่ 3 พย.) ตามเวลาท้องถิ่นซึ่งโฆษกของครอบครัวได้ออกแถลงการณ์ว่าดิ๊ก เชนีย์เสียชีวิตจากภาวะแทรกซ้อนจากโรคปอดบวม โรคหัวใจและหลอดเลือด
ดิ๊ก เชนี่ย์เป็นรองประธานาธิบดีคนที่ 46 ภายใต้ประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู บุช จากพรรครีพับลิกัน เป็นระยะเวลาสองสมัย ระหว่างปี 2544- 2552 ถือเป็นรองประธานาธิบดีผู้ทรงอิทธิพลและสร้างความแตกแยกในหมู่นักการเมืองสหรัฐมานานหลายทศวรรษ อย่างไรก็ตาม ในช่วงบั้นปลายชีวิต เชนีย์กลับถูกขับออกจากพรรค หลังไปวิพากษ์วิจารณ์ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์อย่างรุนแรงว่า “ขี้ขลาด” และเป็นภัยคุกคามที่ร้ายแรง
นอกจากนี้ในการเลือกตั้งประธานาธิบดีครั้งล่าสุดเมื่อปีที่แล้ว (2567) เชนีย์ซึ่งมีแนวคิดอนุรักษ์นิยมสุดโต่ง ยังได้ลงคะแนนให้กับกมลา แฮร์ริส ผู้สมัครจากพรรคเดโมแครตซึ่งมีแนวคิดเสรีนิยม ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าเชนี่ย์ได้หันหลังให้กับแนวคิดอนุรักษ์นิยมดั้งเดิมของเขา
เชนีย์ต้องทนทรมานกับโรคหลอดเลือดหัวใจมาเกือบตลอดชีวิต และรอดชีวิตจากอาการหัวใจวายหลายครั้ง นอกจากนี้ก็เคยผ่าตัดปลูกถ่ายหัวใจในปี 2555 ก่อนใช้ชีวิตในวัยเกษียณมาได้หลายปี
เชนีย์ เริ่มอาชีพการเมืองจากการเป็นสมาชิกสภาผุ้แทนจากรัฐไวโอมิง, หัวหน้าคณะทำงานทำเนียบขาว และรัฐมนตรีกลาโหมในยุคประธานาธิบดีจอร์จ บุชผู้พ่อก่อนที่กลับมารับตำแหน่งรองประธานาธิบดีในสมัยประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู บุช ผู้เป็นลูก ก่อนที่จะเกิดเหตุวินาศกรรม 11 กันยายน 2544 ซึ่งสมาชิกกลุ่มก่อการร้ายได้ทำการจี้เครื่องบินพุ่งชนตึกเวิลด์เทรดเซ็นเตอร์ ในนครนิวยอร์ก ซึ่งวันนั้นเชนี่ย์ทำงานอยู่ในทำเนียบขาว ในขณะที่บุชเดินทางออกนอกเมือง ซึ่งเหตุการณ์ครั้งนี้ได้นำไปสู่สงครามต่อต้านการก่อการร้ายครั้งใหญ่ โดยสหรัฐได้ส่งกองทัพเข้าโจมตีอิรัก โค่นบัลลังก์และสังหารซัดดัม ฮุสเซน และอีกหลายประเทศในตะวันออกกลางรวมทั้งอัฟกานิสถานเพื่อแก้แค้นกลุ่มอัลกออิดะ

