“นายกฯอนุทิน” คุยตรง “ฮุน มาเนต” ยังไม่มีเปิดด่าน ขีดเส้น 29 ต.ค. กัมพูชาต้องทำตาม 4 ข้อตกลง อย่าให้เป็นเพียงสัญลักษณ์

“อนุทิน” หารือทวิภาคี “ฮุน มาแนด” เผย ไทย-กัมพูชา เดินหน้าตามถ้อยแถลงผลการหารือ ย้ำ 4 ประเด็นสำคัญเพื่อสันติภาพและความปลอดภัยของประชาชน

“นายกฯอนุทิน” คุยตรง “ฮุน มาเนต” ยังไม่มีเปิดด่าน ขีดเส้น 29 ต.ค. กัมพูชาต้องทำตาม 4 ข้อตกลง อย่าให้เป็นเพียงสัญลักษณ์ – Top News รายงาน

นายกฯอนุทิน

 

เมื่อวันที่ 28 ตุลาคม 2568 เวลา 10.30 น. (ตามเวลาท้องถิ่นกรุงกัวลาลัมเปอร์ ซึ่งเร็วกว่ากรุงเทพฯ 1 ชม.) ณ ห้อง 7M ชั้น 3 ศูนย์ประชุม KLCC นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย หารือทวิภาคีกับนาย ฮุน มาเนต (H.E. Hun Manet) นายกรัฐมนตรีแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา ในช่วงการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 47 และการประชุมสุดยอดที่เกี่ยวข้อง โดยมีนายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ นางศุภจี สุธรรมพันธ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ พร้อมด้วยปลัดกระทรวงมหาดไทย ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ และข้าราชการจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม

 

 

โดยภายหลังเสร็จสิ้น นายอนุทิน ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนไทยว่า กัมพูชาและไทยได้หารือกัน เพื่อเร่งให้การดำเนินการตามปฏิญญาที่ได้ลงนาม 4 ข้อให้ดำเนินการโดยเร็ว ซึ่งตอนนี้การเริ่มถอนอาวุธหนักของทั้งสองฝ่ายได้เริ่มดำเนินการแล้ว ตั้งแต่วันแรกที่มีการลงนาม ซึ่งตนได้เรียนกับนายกรัฐมนตรีกัมพูชา ว่าอย่าให้เป็นเพียงสัญลักษณ์ต้องเร่งดำเนินการถอนอาวุธอย่างเป็นรูปธรรม และจริงจังด้วยความรวดเร็ว เพื่อไทยจะได้ดำเนินการในสิ่งที่ไทยต้องทำ คือการคืนตัวทหารกัมพูชา 18 นาย ที่อยู่ในการควบคุมของไทยให้กับกัมพูขา และการเก็บกู้วัตถุระเบิด การถอนทุ่นระเบิด ส่วนใหญ่ไทยเป็นคนเก็บกู้เพราะอยู่ในเขตของไทย และมีผู้ร่วมสังเกตการณ์เป็นตัวแทนประเทศของกลุ่มอาเซียนรวมอยู่ด้วย ตนเองได้แจ้งนายกรัฐมนตรี กัมพูชาอีกว่าขอให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่ในการเก็บกู้วัตถุระเบิด และจะได้ดำเนินการด้วยความรวดเร็วเช่นกัน

ข่าวที่น่าสนใจ

ส่วนเรื่องสแกมเมอร์มีการดำเนินการร่วมกันทั้งตำรวจไทยและตำรวจกัมพูชา มีการประชุมร่วมกัน เพื่อหาวิธีการปราบปรามป้องกันอยู่ตลอด เพิ่งมีการทิ้งช่วงในตอนที่ไทยและกัมพูชามีปัญหาระหว่างกันใน 2-3 เดือนหลัง ก็จะให้ร่วมมือกันในการดำเนินการปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีทุกอย่าง ไม่เพียงแค่สแกมเมอร์อย่างเดียว ยังรวมไปถึงออนไลน์​ และการหลอกลวงคนไปกักกันหรือทำร้ายด้วย

สำหรับการกำหนดเส้นตายให้กัมพูชาดำเนินการถอนอาวุธนั้น นายอนุทิน กล่าวว่า กำหนดแล้ว ถ้าทำได้วันนี้ วันที่ 29 ตุลาคม เราก็จะถอนอาวุธออกไปให้มากและเร็วที่สุด ซึ่งผู้ที่กำหนดเส้นตายของไทยน่าจะเป็นแม่ทัพภาคที่ 2 ส่วนของกัมพูชา น่าจะเป็นแม่ทัพภาคที่ 4 ซึ่งได้พูดคุยกันอยู่แล้ว และวันนี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของไทย จะตั้งคณะอนุกรรมการขึ้นมาติดตามการดำเนินการตามข้อตกลง 4 ข้อ โดยมีผู้บัญชาการทหารสูงสุดเป็นประธาน ซึ่งเมื่อเช้านี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมได้โทรมารายงานแล้ว ดังนั้นทุกอย่างได้ดำเนินการไปตามขั้นตอนและเวลาที่ควรจะเป็น และขณะนี้เป็นไปด้วยความเรียบร้อยจากการที่มีการพูดคุยกัน ได้ทำความเข้าใจทั้ง 2 ฝ่าย ว่าตรงไหนที่ยังเป็นข้อสงสัยขอให้กลับไปแจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการโดยเร็วที่สุด

 

ส่วนที่มีข้อมูลการให้สัมภาษณ์ในลักษณะให้เข้าใจว่า นายกรัฐมนตรียอมรับไทยมีการรุกล้ำในบางจุดพื้นที่กัมพูชา นายอนุทิน ชี้แจงว่า ตนเองไม่ได้บอกว่าไทยรุกล้ำกัมพูชา ตนบอกว่า พื้นที่อ้างสิทธิ์ ซึ่งก็คือคำที่เป็นคำอย่างเป็นทางการ เมื่อวานนึกไม่ออกคำนี้ เลยบอกว่า ในพื้นที่ตรงนั้นมีคนไทยอยู่และมีคนกัมพูชาอยู่ ถ้าเราตกลงกันได้แล้ว ถ้าเขาอ้างสิทธิของเขาได้ และเรายอมรับได้ เราก็ต้องกลับมาในดินแดนของเรา และเขาก็ต้องกลับไปในดินแดนของเขา ตนคิดว่าการดำเนินการในเรื่องนี้ ต้องมีหลักความยุติธรรม ถ้าเราอยู่ในที่ดินของเขาก็ต้องกลับมา แต่ถ้าไม่มีก็ไม่เป็นไร บางคนก็บอกว่าไม่มีคนอยู่ เป็นที่เกษตรที่ทำนา ถ้าเราไปทำตรงนั้นเป็นพื้นที่อ้างสิทธิอยู่ก็ทำให้ชัดเจนแค่นั้นเอง จริงๆ แล้วเรื่องนี้เป็นเรื่องท้าย ๆ ถ้าไม่มีเรื่องแรกเรื่องของข้อพิพาทกัน หรือรบกัน เรื่องนี้แทบจะไม่มีใครเคยยกขึ้นมาเลย แต่เมื่อเป็นส่วนหนึ่งแล้วก็ต้องดำเนินการตามข้อตกลงที่เรามีต่อกัน

“เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องใหญ่ ต้องขอความกรุณาว่า การทำงานต้องมีหลายๆ เรื่อง และเป็นเรื่องที่ต่อเนื่องกัน ผู้สื่อข่าวถามอะไรที่ผมตอบได้ก็ตอบ ไม่มีอะไรที่ปิดบัง และอยากให้ทุกคนได้รับทราบข้อมูลที่เป็นความจริงจะได้ไม่มีใครมาคาดเดา และพูดออกมาโดยใข้โซเซียลมีเดีย พยายามเปิดเผยกับประชาชนให้ได้มากที่สุด” นายอนุทิน กล่าว

 

ส่วนนายกรัฐมนตรีกัมพูชา ได้มีการพูดถึงการเปิดด่านหรือไม่นั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ยังไม่พูดถึงเรื่องที่ซีเรียส เขาก็รู้ว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เวลาที่จะพูด เราก็ไม่ได้เสนอในส่วนนี้ จนกว่าการดำเนินการทั้งหมด จะสิ้นสุดลงและดำเนินการไปด้วยความเรียบร้อย เรายังต้องมีอีกด่านหนึ่งคือการหาวิธีฟื้นฟูความสัมพันธ์​ ตอนนี้ไทยเหลือแค่เลขานุการโทประจำกรุงพนมเปญ อยู่ในสถานทูตไทยเท่านั้นเอง หาก 4 ข้อนั้นได้รับการปฏิบัติ ก็จะมาพูดคุยเรื่องความสัมพันธ์อย่างไร เริ่มจากอะไร และเมื่อความสัมพันธ์กลับมาสู่ภาวะปกติ จึงจะไปดำเนินการในเรื่องการเปิดด่าน ดังนั้นทุกคนก็รู้สิ่งที่สำคัญที่สุดคือเรื่องการเปิดด่าน ไทยก็ยังเก็บไว้อยู่กับไทย

 

    

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

"เครือซีพี – ทรู – ทรู ไอดีซี" ผนึกกำลัง "ไมโครซอฟท์" ประกาศความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ครั้งสำคัญ ขับเคลื่อนประเทศไทยสู่อนาคตแห่ง AI และคลาวด์ เสริมแกร่งโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลของไทยด้วย ทรู ไอดีซี รองรับคลาวด์ดาต้าเซ็นเตอร์ของไมโครซอฟท์
50 ปีสัมพันธ์ไทย-จีน สีสันแดงทอง 'ต้นสนเมตาซีคัวญา' ในยูนนาน
ชาวระนองร่วมพิธีบำเพ็ญกุศล สมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง
(50 ปีสัมพันธ์ไทย-จีน) แม่นเกิ๊น!หน่วย SWAT จีนโชว์สกิล 'ยิงปืน' ระยะ 350 เมตร
(50 ปีสัมพันธ์ไทย-จีน) ซิโนเปกพบแหล่ง 'น้ำมันชั้นหินดินดาน' แห่งใหม่
ผู้ต้องหาคดีเงินกู้โหดสารภาพ อ้างเข้าใจผิดเป็นเรื่องยืมเงิน ไม่ได้ทำธุรกิจปล่อยกู้ ขอโทษและพร้อมชดใช้ค่าเสียหายทุกกรณี

ดู LIVE รายการ

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น​