สำนักข่าวใหญ่ๆทั่วโลกเกาะติดการรายงานข่าวทรัมป์เยือนมาเลเซียเพื่อช่วยประสานรอยร้าวไทย-กัมพูชา ล่าสุดรายงานว่าเครื่องบินแอร์ฟอร์ซวัน ของผู้นำสหรัฐเดินทางถึงสนามบินนานาชาติที่กรุงกัวลาลัมเปอร์แล้วในเวลาประมาณ 10 นาฬิกาตามเวลาท้องถิ่นหรือ 9 นาฬิกาตามเวลาไทยเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา (อาทิตย์ที่ 26 ตค.) นับเป็นการเยือนเอเชียครั้งแรกนับตั้งแต่ทรัมป์เข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐสมัยที่สอง รายงานเผยว่าทรัมป์ใช้เวลาในการเดินทางยาวนานถึง 24 ชั่วโมง เครื่องบินแวะจอดเติมน้ำมันถึง 2 ครั้ง
ระหว่างเดินทาง ทรัมป์ได้ให้สัมภาษณ์บนเครื่องว่าเขาเดินทางมายังมาเลเซียด้วยเหตุผลเดียวเท่านั้นคือการเข้าร่วมเป็นสักขีพยานพิธีงนามสันติภาพระหว่างไทยและกัมพูชา และสาเหตุที่เข้าร่วมเพื่อต้องการขอบคุณนายกรัฐมนตรีอันวาร์ อิบราฮิม ผู้นำมาเลเซียที่มีส่วนร่วมสำคัญทำให้เกิดการบรรลุข้อตกลงในวันนี้
ทันทีที่ลงจากเครื่อง ทรัมป์ก็ได้รับการต้อนรับอย่างยิ่งใหญ่สมเกียรติ โดยอันวาร์เดินทางมาต้อนรับถึงบันได ท่ามกลางการปูพรมแดง ธงชาติอเมริกันที่โบกไสวต้อนรับ รวมทั้งการแสดงเต้นรำแบบพื้นเมือง ซึ่งทรัมป์ได้เดินเข้ามาร่วมเต้นรำกับกลุ่มนักแสดงด้วย ก่อนนั่งรถมุ่งไปยังศูนย์ประชุมแห่งชาติทันที
ขณะที่มาตรการรักษาความปลอดภัยโดยรอบศูนย์ประชุมเป็นไปอย่างเข้มงวด โดยมาเลเซียได้สั่งปิดพื้นที่โดยรอบ พร้อมระดมกำลังตำรวจหลายพันนายเพื่อป้องกันกลุ่มผู้ประท้วงที่เตรียมเดินทางมาร่วมชุมนุมใกล้กับศูนย์ประชุมเพื่อขับไล่ทรัมป์และแสดงพลังสนับสนุนปาเลสไตน์ ซึ่งอันวาร์ได้ประกาศก่อนหน้านี้ว่าจะไม่ยอมให้กลุ่มผู้ประท้วงขัดขวางการประชุมในวันนี้อย่างเด็ดขาด
ทรัมป์ได้แสดงจุดยืนอย่างชัดเจนว่าเขาสนใจที่จะเข้าร่วมในพิธีลงนามสันติภาพไทย-กัมพูชา โดยเรียกข้อตกลงนี้ว่า “ข้อตกลงสันติภาพที่ยิ่งใหญ่ ซึ่งผมภูมิใจที่จะมีส่วนร่วมในการเกลี่ยไกล๋”
อย่างไรก็ตาม ทั้งสองประเทศยังคงไม่สามารถตกลงกันได้ในเรื่องเส้นพรมแดน แต่อย่างน้อยได้ตกลงกันว่าจะเริ่มดำเนินการปลดอาวุธตามแนวชายแดน รวมทั้งได้เร่งรีบเจรจาตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา เพื่อสามารถผลักดันข้อตกลงนี้ให้สำเร็จก่อนพิธีลงนามในวันนี้
ทั้งนี้การที่ผู้นำสหรัฐเข้าร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียนครั้งนี้มีความสำคัญต่อทั้ง 11 ชาติอาเซียน เนื่องจากเศรษฐกิจของหลายประเทศต้องพึ่งพาการส่งออก และได้รับผลกระทบอย่างหนักจากสงครามภาษีของทรัมป์ ซึ่งการนำทรัมป์มาร่วมประชุมอาเซียน แม้ว่าจะเป็นเวลาแค่ 24 ชั่วโมง ก็สร้างความหวังว่าจะช่วยให้ความสัมพันธ์อาเซียนกับสหรัฐมีความมั่นคงขึ้นบ้าง

