วันนี้ (20ต.ค.68) นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงข่าววาระที่จะมีการประชุม JBC และ GBC ที่จะเกิดขึ้นในสัปดาห์นี้ โดยระบุว่า นายกรัฐมนตรีได้รับทราบถึงความห่วงใย และข้อกังวลของประชาชนชาวไทยที่ว่าการประชุม JBCและ GBC ที่จะเกิดขึ้นในสัปดาห์นี้จะมีความสุ่มเสี่ยงเสียผลประโยชน์หรือไม่ ซึ่งทางรัฐบาลคิดว่าการสื่อสารกับประชาชนจึงควรไปในทิศทางเดียวกัน และขอยืนยันว่า ในทุกการประชุมไม่ว่าจะเป็นระดับใด ถือเป็นเรื่องที่รัฐบาล ฝ่ายความมั่นคง หรือฝ่ายต่างประเทศดำเนินการด้วยการพูดคุยกันวางแผนอย่างมีกลยุทธ์เพื่อนำมาซึ่งประโยชน์สูงสุดของประเทศ และประชาชน
นายสิริพงศ์ กล่าวต่อว่า ในสัปดาห์นี้จะมีการประชุมสำคัญก่อนที่จะมีการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย 2 รายการ ได้แก่ วันที่ 20-22 ตุลาคมนี้ จะเป็นการประชุมในระดับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมที่ประเทศมาเลเซีย และวันที่ 21-23 ตุลาคมนี้ การประชุม JBC ที่จังหวัดจันทบุรี ประเทศไทย รัฐบาลรับทราบข้อห่วงใยถึงการสละสิทธิ์จะมีการยกเลิก MOU หรือไม่ และมีส่วนสำคัญต่อสถานการณ์บ้านหนองจาน บ้านหนองหญ้าแก้ว เนื่องจากมีสื่อมวลชนถามมาว่าการดำเนินการในพื้นที่ดังกล่าวเป็นอย่างไร และการประชุมมีความจำเป็นหรือไม่
ด้านนายเบญจมินทร์ สุกาญจนัจที อธิบดีกรมสนธิสัญญาและกฎหมาย กระทรวงการต่างประเทศ ได้กล่าวถึงการประชุม JBC วันที่ 21-22 ตุลาคม ที่จังหวัดจันทบุรี ว่า ฝ่ายไทยมี นายประศาสน์ ประศาสน์วินิจฉัย ที่ปรึกษากระทรวงการต่างประเทศด้านเขตแดน เป็นประธาน ส่วนฝ่ายกัมพูชามี นายลำเจีย รัฐมนตรีรับผิดชอบสำนักงานเลขาธิการ กิจการชายแดนแห่งชาติกัมพูชา เป็นการประชุมเน้นเฉพาะเรื่องเขตแดนต่อเนื่องจากครั้งที่แล้ว
ดังนั้นการทำงานและการกำหนดประเด็นหารือ ต้องการให้มีความสอดคล้องกัน JBC RBC ทำให้ไทยสามารถผลักดันผลประโยชน์ของชาติได้อย่างเป็นเอกภาพ ระหว่างฝ่ายความมั่นคงและฝ่ายต่างประเทศ รวมถึงการหารือกรณีบ้านหนองจาน บ้านหนองหญ้าแก้ว จ.สระแก้ว รวมทั้งมาตรการรักษาความปลอดภัยการสร้างรั้วให้มีความชัดเจนมากขึ้น
ส่วนหน้าที่ของ JBC ต้องสะท้อนความตั้งใจของไทยในการตั้งใจแก้ไขปัญหาเขตแดน ผ่านกลไกที่ประชุม และประเด็นเร่งรัดแก้ไข TOR 2003 เพื่อนำ LiDAR ทำแผนที่ภาพถ่ายทางอากาศ และการเสนอพื้นที่เร่งด่วนในการกำหนดเขตแดนโดยเฉพาะพื้นที่ ทั้งสองฝ่ายเห็นตรงกัน
อย่างไรก็ตาม การประชุมครั้งนี้เป็นหนึ่งในทวิภาคี ที่ไทยใช้กับกัมพูชาเข้ามาสู่โต๊ะเจรจาแบบสันติวิธี ตามที่ได้รับมอบหมายจากรัฐบาล จะตอกย้ำประชาคมระหว่างประเทศว่า การดำเนินการแก้ไขปัญหาเขตแดนระหว่างไทย-กัมพูชา จะเป็นไปด้วยความชอบธรรม ผ่านกลไกทวิภาคีที่มีอยู่
ด้าน พล.ร.ต.สุรสันต์ คงสิริ โฆษกกระทรวงกลาโหม กล่าวว่า การประชุม GBC ที่ผ่านมา ภายหลังจากที่มีการเจรจาหยุดยิงตั้งแต่วันที่ 28 กรกฎาคมที่ผ่านมา มีการจัดการประชุม JBC สมัยสามัญครั้งแรก ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ในวันที่ 7 สิงหาคม ซึ่งได้มีการเจรจายุติการเป็นปรปักษ์ต่อกัน เป็นการนำทั้งสองฝ่ายขึ้นโต๊ะเจรจาเพื่อให้มีการหยุดยิงถาวร และหลังจากนั้น การประชุม JBC ต่อเนื่องในวันที่ 10 กันยายน มีการลงนามกันทั้ง 2 ฝ่าย 4 เรื่อง ได้แก่ 1.การถอนอาวุธหนักตามแนวชายแดน 2.การเก็บกู้ทุ่นระเบิด 3.การปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ หรือสแกมเมอร์ 4.การจัดระเบียบฟื้นฟูสู่สภาพความสงบ ในบริเวณบ้านหนองจานและบ้านหนองหญ้าแก้ว ให้สู่สภาวะปกติโดยเร็ว ซึ่งได้มีการระบุวาระใน JBC ว่าให้ผู้ว่าราชการจังหวัดของทั้ง 2 ประเทศ ได้หารือเจรจากันเพื่อนำไปสู่ภาวะปกติและสันติโดยเร็ว โดยใช้กลไก JBC กำกับดูแล