กลุ่มบริษัทกัลฟ์ (GULF) และ บริษัท กัลฟ์ เอ็มทีพี แอลเอ็นจี เทอร์มินอล จำกัด (GULF MTP เดินหน้าจัดกิจกรรมต่อเนื่องในโครงการ “ฟื้นฟูป่าชายเลนด้วยนวัตกรรม ปี 4” ร่วมกับ วิสาหกิจชุมชนกลุ่มประมงเรือเล็กหาดสุชาดา และ เทศบาลเมืองเนินพระ จ.ระยอง ดำเนินการ บนพื้นที่ป่าชายเลน กว่า 100 ไร่ ได้ดำเนินการมาแล้ว กว่า 3 ปี และเตรียมพร้อมจัดกิจกรรมต่อเนื่อง ในวันพุธ ที่ 22 ตุลาคม 2568 ณ ป่าชายเลน เทศบาลเมืองเนินพระ อ.เมืองระยอง จ.ระยอง นำโดย ดร.กฤษณ์ พงษ์เทพิน ผช.ผอ.ฝ่ายชุมชนสัมพันธ์ กลุ่มบริษัท GULF ( วิทยากรส่งเสริมฯ) และ นายศุภฤกษ์ โสภณราพงษ์ ผช.ผู้จัดการฝ่ายชุมชนสัมพันธ์ GMTP ผู้รับผิดชอบโครงการฯ ร่วมกับ นายลำเพย แว่วเสียง ประธานวิสาหกิจชุมชนกลุ่มประมงเรือเล็กหาดสุชาดา เทศบาลเมืองเนินพระ จ.ระยอง โดย นายศุภชัย จิตรดล นายกเทศบาลเมืองเนินพระ อ.เมืองระยอง จ.ระยอง เป็นประธานในกิจกรรมครั้งนี้ ซึ่งจะมีผู้เข้าร่วมกิจกรรมจากชุมชน หน่วยงานหลายภาคส่วน และสื่อมวลชน จ.ระยอง
ดร.กฤษณ์ พงษ์เทพิน (GULF) กล่าวว่า ย้อนกลับไปตั้งแต่ริเริ่มโครงการฯ GULF มีนโยบายด้านCSR ที่ให้ความสำคัญอย่างยิ่งและมอบหมายให้ดำเนินงานมีส่วนร่วมกับชุมชน หน่วยงานท้องถิ่น เพื่อการอนุรักษ์ฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมชุมชน จึงได้ลงพื้นที่ศึกษาและจัดโครงการนี้ ตั้งแต่ปี 2564 ถึงปัจจุบัน ได้พัฒนาความร่วมมือกับ วิสาหกิจชุมชนกลุ่มประมงเรือเล็กหาดสุชาดา ฯ สำนักงานท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด (สทร.) เทศบาลเมืองเนินพระ ฯ และ หน่วยงานภาครัฐหลายหน่วยงาน ซึ่งได้ดำเนินการมากว่า 3 ปี สามารถพัฒนาพื้นที่เสื่อมโทรมและไม่มีต้นไม้ป่าชายเลนขึ้นเลยในช่วงแรก เราได้ใช้ “จุลินทรีย์ “ Effective Microorganism และ Photosynthetic bacteria และอื่นๆ เข้ามาช่วยในโครงการฯ เพื่อปรับปรุงสภาพดินน้ำด้วย ช่วยปรับสภาพน้ำ ดิน ย่อยสลายอินทรีย์วัตถุ เสริมสร้างธาตุอาหาร และ ปลูกต้นกล้าป่าชายเลน รวมกว่า 2,000 ต้น และได้นำจุลินทรีย์ก้อนนำ (ซึ่งปัจจุบันอบรมให้ชุมชนสามารถผลิตได้เองแล้ว) นำไปโยนและฝังลงบริเวณโคนต้นรากต้นกล้าไม้ที่ปลูกเพิ่มในป่าชายเลน เพื่อเสริมศักยภาพในกระบวนการย่อยสลายอินทรีย์วัตถุ สร้าง อะมิโนและแร่ธาตุที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตของพืชกล้าไม้ และ เพิ่มจุลินทรีย์ในดินโคลน เพิ่มความแข็งแรงของรากต้นไม้ ฯลฯ ถึงปัจจุบัน ต้นกล้าไม้ที่ปลูกจากความสูงประมาณ 50 เศนติเมตร เติบโตและสูงขึ้นเฉลี่ย กว่า 2 เมตร เติบโตแตกกิ่งก้าน ลำต้นขยาย แทงรากแข็งแรงค้ำลำต้น และ มีอัตตราการรอดสูงมาก (กว่า 80-90 %) และ เป็นผลงานที่น่าพอใจในระดับหนึ่ง
ทั้งนี้เพราะจากปกติทั่วไปการปลูกป่าชายเลนส่วนใหญ่มักจะมีอัตราการตายสูงและเหลือรอดน้อยมาก อัตราการเจริญเติบโตไม่ดีเท่าที่ควร อาจเป็นเพราะสภาพแวดล้อมป่าชายเลนมีข้อจำกัดค่อนข้างมาก เช่น สภาพน้ำเค็มน้ำกร่อย การขึ้นลงของน้ำที่ไม่สม่ำเสมอ ปริมาณธาตุอาหารในดินน้อย และอาจมีสารปนเปื้อนในน้ำ สภาพดินโคลนแน่นขาดออกซิเจนมีสภาพเป็นกรด ฯลฯ อีกประการคือ การปลูกแล้วขาดการติดตามดูแลอย่างต่อเนื่อง เมื่อต้นหญ้าและเถาวัลย์เปรียงในป่าชายเลน (วัชพืช) ปกคลุมต้นกล้าไม่สามารถสังเคราะห์แสง ดูดซับธาตุอาหารได้เพียงพอและเถาวัลย์เปรียงเลื้อยมาผูกรัดแย่งอาหารจนต้นกล้าที่ปลูกตายในที่สุด แต่การส่งเสริมในครั้งนี้ เรามีคณะกรรมการวิสาหกิจชุมชนกลุ่มประมงเรือเล็กหาดสุชาดาได้มีบทบาทสำคัญในการติดตามดูแล เติมจุลินทรีย์ ธาตุอาหาร ตัดหญ้า รือถอนตัดเถาวัลย์เปรียง อื่นๆ เป็นการเสริมประสิทธิภาพได้มากยิ่งขึ้นส่งผลต่อแปลงปลูกกล้าไม้เติบโตได้พอสมควร นอกจากนี้ ผลการดำเนินงานที่สำคัญอีกประการหนึ่ง คือ การที่เราส่งเสริมความรู้มีการอบรมองค์ความรู้ด้านชีวภาพ และ ความรู้เกี่ยวกับจุลินทรีย์ และวัสดุอุปกรณ์ต่างๆแก่วิสาหกิจชุมชนฯ ส่งเสริมจัดตั้งศูนย์เรียนรู้และธนาคารจุลินทรีย์ชุมชน ที่วิสาหกิจชุมชนกลุ่มประมงเรือเล็กหาดสุชาดา เป็นการเสริมสร้างกลไกการจัดการและการติดตามการฟื้นฟูป่าชายเลนให้มีประสิทธิภาพและอย่างต่อเนื่อง นอกจากนั้นชุมชนยังสามารถนำความรู้ไปใช้ผลิตภัณฑ์จากจุลินทรีย์ชีวภาพ เช่น ปุ๋ยหมัก ปุ๋ยน้ำชีวภาพ ฮอล์โมนปลาทะเลหมัก จุลินทรีย์ก้อน ฯลฯ เกิดช่องทางสร้างรายได้แก่ชุมชนด้วย ซึ่งเป็นการหนุนเสริมศักภาพของชุมชนในการดูแลสิ่งแวดล้อมด้วย
ดร.กฤษณ์ พงษ์เทพิน กล่าวโดยสรุปว่า แนวคิดในการพัฒนาโครงการนี้ นั้น เรามิได้เพียงจัดกิจกรรมเป็นครั้งๆแล้วจบไปเท่านั้น เรามีนโยบายจากบริษัทฯ เน้นการพัฒนาที่เป็นรูปธรรมและต่อเนื่อง ซึ่งเริ่มด้วยการส่งเสริมการมีส่วนร่วมจากผู้นำชุมชนกลุ่มประมง ฯ การสร้างองค์ความรู้แก่ชุมชน และ พัฒนาการรวมกลุ่มหรือองค์กรชุมชนเพื่อเป็นกลไกการทำงานที่มีประสิทธิภาพ ในการฟื้นฟูสิ่งแวดล้อมระยะยาว เป็นกล่าวโดยสรุป แนวคิดหลักๆของกระบวนการ ได้แก่ 1) เริ่มต้นที่การศึกษาวิเคราะห์สภาพปัญหาและสร้างความร่วมมือด้วยความ พร้อมใจทำงานร่วมกัน 2) วางรากฐานการขับเคลื่อนด้วยเสริมสร้างความรู้ที่เกี่ยวข้องในโครงการฯ (Learning Process ) เช่น ความรู้ฐานชีวภาพและ จุลินทรีย์ 3) การรวมกลุ่ม/สร้างองค์กรชุมชนในการจัดการ(Group Process & Management ) และ4) กำหนดยทธศษสตร์และบทบาทหน้าที่(โดยชุมชนเป็นศูนย์กลาง และ รู้สึกเป็นเจ้าของในโครงการฯ) (Community Based & Sense of belonging ) 5) การจัดการนวัตกรรมและเทคโนโลยีเพื่อฟื้นฟูป่าฯและสร้างผลิตภัณฑ์ /รายได้ชุมชน (Management & Innovation ) การเพิ่มโอกาสช่องทางพัฒนาสินค้าผลิตภัณฑ์การตลาดสร้างรายได้ชุมชน ควบคู่กับ การพัฒนาสิ่งแวดล้อม และ เสริมสร้างเครือข่ายความร่วมมือในการพัฒนาร่วมกัน ( Partnership & Networking ) ทั้งนี้เป้าหมายคือ สร้างความเข้มแข็งของชุมชนพร้อมกับการพัฒนาสิ่งแวดล้อม เพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืน ต่อไป ครับ