วันที่ 15 ตุลาคม 2568 มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (มช.) ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ “การส่งเสริมการนำ องค์ความรู้งานวิจัยไปใช้ประโยชน์ ในเชิงพาณิชย์และการสร้างธุรกิจเพื่อพัฒนาสังคมแห่งความยั่งยืน” มุ่งส่งเสริมการนำผลงานวิจัยและองค์ความรู้ของ มช. ไปใช้ประโยชน์ในเชิงพาณิชย์ เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจ ควบคู่กับการพัฒนาอย่างยั่งยืนของสังคมและสิ่งแวดล้อม ผ่านการบูรณาการความร่วมมือระหว่างภาคการศึกษา ภาคธุรกิจ และภาคประชาชน ภายใต้แนวคิด“Sustainovation” หรือ “นวัตกรรมเพื่อความยั่งยืน” ซึ่งมุ่งเชื่อมโยงองค์ความรู้ทางวิชาการกับการประยุกต์ใช้จริงในระดับพื้นที่ สร้างระบบนิเวศนวัตกรรม (Sustainable Ecosystem) ที่สามารถขยายผลไปสู่ระดับประเทศ
โดยมี ผศ.ดร.ธัญญานุภาพ อานันทนะ รองอธิการบดี มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ร่วมด้วย นายวุฒิเกียรติ เตชะมงคลาภิวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) ร่วมลงนามเป็นผู้แทนของทั้งสองฝ่าย พร้อมด้วยผู้บริหาร หน่วยงานพันธมิตร และสื่อมวลชนเข้าร่วม เป็นสักขีพยานในพิธีอย่างคับคั่ง ณ Exhibition Hall อาคารอำนวยการอุทยานวิทยาศาสตร์ภูมิภาค ภาคเหนือ (จังหวัดเชียงใหม่)
ภายใต้บันทึกข้อตกลงความร่วมมือดังกล่าว มช. โดยอุทยานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (STeP) ได้ทำหน้าที่เป็นหน่วยงานหลักในการสนับสนุนและเชื่อมโยงการพัฒนาด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมกับภาคเอกชน ด้วยการบูรณาการการทำงานร่วมกับสถาบันวิจัยและพัฒนาพลังงานนครพิงค์ (ERDI–CMU) และสถาบันวิจัยพหุศาสตร์ (MRDI–CMU) เพื่อขับเคลื่อนโครงการนำร่องใน 3 ด้านสำคัญ ได้แก่ 1) การคัดแยกและจัดการเศษอาหารด้วย BCG Model (Circular Economy Waste Management Model) 2) การสร้างถนนรักษ์โลกจากพลาสติกรีไซเคิล (Green Road) และ 3) การเสริมศักยภาพผู้ประกอบการนวัตกรรมเพื่อสังคม (Start-up & SME Empowerment) ซึ่งถือเป็นการบูรณาการองค์ความรู้ทางวิชาการของมหาวิทยาลัยสู่การใช้ประโยชน์จริงในเชิงเศรษฐกิจและสังคมอย่างสมบูรณ์
ด้าน ผศ.ดร.ธัญญานุภาพ อานันทนะ รองอธิการบดี มช. ระบุว่า ความร่วมมือครั้งนี้นั้น ได้สะท้อนบทบาทของ มช. ในฐานะสถาบันการศึกษาที่มุ่งสร้างองค์ความรู้และนวัตกรรมเพื่อรับใช้สังคม ผ่านการมุ่งเน้นการพัฒนานวัตกรรมที่สามารถนำไปใช้ได้จริงในภาคเศรษฐกิจและสังคม ซึ่งความร่วมมือกับภาคเอกชนอย่างเซ็นทรัลพัฒนาฯ ถือเป็นอีกก้าวสำคัญในการนำงานวิจัย ออกจากห้องทดลอง สู่การสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อชุมชนและขับเคลื่อนประเทศสู่เป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืนตามแนวทาง BCG และ Net Zero ดังนั้น ความร่วมมือระหว่างมหาวิทยาลัยเชียงใหม่และบริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) จึงเป็นต้นแบบของการบูรณาการองค์ความรู้ เทคโนโลยี และความร่วมมือจากทุกภาคส่วน เพื่อสร้างนวัตกรรมที่ตอบโจทย์ทั้งเศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม และสังคมอย่างยั่งยืน ซึ่งจะเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญให้ มช. เดินหน้าตามพันธกิจการเป็น “มหาวิทยาลัยแห่งนวัตกรรมเพื่อสังคม” ที่พร้อมผลักดันผลงานวิจัยไทยสู่การใช้ประโยชนอย่างแท้จริง
นายวุฒิเกียรติ เตชะมงคลาภิวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า เซ็นทรัลพัฒนาให้ความสำคัญกับการขับเคลื่อนธุรกิจอย่างยั่งยืนผ่านความร่วมมือกับพันธมิตรจากหลายภาคส่วน โดยเฉพาะสถาบันการศึกษาอย่าง มช. ซึ่งมีศักยภาพด้านวิจัยและเทคโนโลยีที่สามารถต่อยอดสู่การใช้งานจริง โดยการลงนามในครั้งนี้นั้นนับเป็นจุดเริ่มต้นของการสร้างระบบนิเวศที่เชื่อมโยงระหว่างธุรกิจ ชุมชน และงานวิจัย เพื่อผลักดันโมเดล Sustainovation ให้เกิดขึ้นในทุกภูมิภาคของประเทศ ด้วยการบูรณาการความรู้และนวัตกรรมเข้ากับการดำเนินธุรกิจอย่างรับผิดชอบ สู่กลไกสำคัญในการขับเคลื่อนสังคมไทยให้ก้าวสู่ความยั่งยืนต่อไปในอนาคต
โดย มช. ได้มีการริเริ่มนำร่องโครงการต่างๆ อย่างเช่น Circular EconomyWaste Management Model ซึ่งได้รับความร่วมมือระหว่าง สถาบันวิจัยและพัฒนาพลังงานนครพิงค์ มช. (ERDI–CMU) และเครือข่ายธุรกิจเพื่อการจัดการสภาพภูมิอากาศประเทศไทย (ThaiCBN) โดยมุ่งปิดวงจรขยะเศษอาหารจากศูนย์การค้าเซ็นทรัล เชียงใหม่ แอร์พอร์ต เข้าสู่กระบวนการผลิตก๊าซชีวภาพ (CBG) เพื่อนำไปใช้ผลิตไฟฟ้าและเชื้อเพลิงทดแทน พร้อมนำกากตะกอนจากการผลิตกลับมาใช้เป็นปุ๋ยอินทรีย์เพื่อเพาะปลูกข้าวคาร์บอนต่ำ ผลผลิตที่ได้จะถูกนำกลับมาจำหน่ายใน “กาดหลวง” ศูนย์การค้าเซ็นทรัล เชียงใหม่ แอร์พอร์ต ซึ่งถือเป็นการสร้างคุณค่าร่วมในทุกขั้นตอน และเป็นต้นแบบของการจัดการขยะอย่างยั่งยืนที่เกิดขึ้นจริงในระดับชุมชน