โดยวันนี้ทีมสามารถ “กู้ชีพ” เอกสารสำคัญอีกหนึ่งเล่ม คือ คัมภีร์ “พับสา” อายุ 217 ปี เขียนด้วยหมึกดำ ตัวอักษรคมชัดไม่เลอะเลือน เนื้อหาเป็นเรื่อง “พุทธาภิเศก” โดยผู้จารคือ พระอภิลชยฺยภิกขุ (บุญยืน) ซึ่งได้ “สืบแต้มเอามาจากฮบับ เมิงช้างแสน (เชียงแสน)” ตามที่บันทึกไว้ในตอนท้ายคัมภีร์ว่า “…ศักก 1171 ตัวปีเบิกสีเดิน 9 ทุติย้ชียงไหม่ พุทธาภิเศก ลูกนี้ อภิลชยฺยวงฺสภิกขุบุญวจงฺกรร (บุญยืน) มหาอารามมา ได้สืบแต้มเอาตามจบับเมิงช้างแสน เมื่อสฐิศยฺไนอานาเขตเมิงชยฺยนน์ทบุรีวันนั้นแล นับแต้มตามบ่ช่าง บ่งามเอาแลเจ้าเริย”
ความสำคัญของคัมภีร์
คัมภีร์ “พุทธาภิเศก” ฉบับนี้มีคุณค่าทางวิชาการอย่างลึกซึ้งในหลายมิติ
ด้านเคมีหมึกโบราณ – ควรศึกษาว่าน้ำหมึกที่ใช้มีส่วนผสมใดบ้าง จึงคงสภาพคมชัดไม่เลอะเลือนแม้เวลาผ่านมากว่าสองศตวรรษ
ด้านประวัติศาสตร์ – คัมภีร์นี้จารขึ้นใน พุทธศักราช 2349 (ศักราช 1171) ซึ่งตรงกับรัชกาลที่ 1 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ และเป็นช่วงที่ เจ้าฟ้าอัทธวรปัญโญ ปกครองเมืองน่าน ภายใต้อำนาจของสยาม เป็นช่วงการฟื้นฟูบ้านเมืองหลังสงคราม วัดและสถาบันสงฆ์เป็นศูนย์กลางการศึกษา วัดบุญยืนมีบทบาทสำคัญทางศาสนาและการเรียนรู้ของเมืองเวียงสา ก่อนย้ายราชธานีเข้าสู่เมืองน่านปัจจุบัน
ด้านอักขรวิทยา – ตัวอักษรที่ใช้เป็นหลักฐานศึกษาพัฒนาการของอักษรล้านนาในช่วงต้นรัตนโกสินทร์ได้อย่างดี
ด้านพุทธศาสนพิธี – เนื้อหาเรื่อง “พุทธาภิเศก” เปิดโอกาสให้ศึกษาการใช้บทสวดในพิธีกรรม การเปรียบเทียบภาษาบาลี การสร้างพระพุทธรูป และคติความเชื่อของชนชั้นปกครองและราษฎรในสมัยนั้น