เมื่อเวลา 22.30 น. วันที่ 10 ต.ค. 68 ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ต.มานพ เสนากูล ผบก.ภ.จว.เชียงราย พ.ต.อ.อนุพันธ์ กันถารัตน์ ผกก.สภ.เชียงแสน, พ.ต.ท.กิตติภูมิ กันจินะ รอง ผกก.สส.สภ.เชียงแสน ได้สั่งการให้ชุดจับกุมนำโดย ร.ต.อ.สุภโชค บัวสังข์ รอง สว.สส. และพวก ร่วมจับกุมผู้ต้องหาลักลอบนำพาคนต่างด้าว 2 คน เข้าราชอาณาจักรโดยผิดกฏหมาย และยังตรวจพบสารเสพติดในร่างกาย พร้อมทั้งอาวุธปืนอีก 2 กระบอก จึงนำส่งดำเนินคดีตามกฏหมาย โดยติดตามจับกุมจากบริเวณริมถนนสายเชียงแสน-แม่สาย พื้นที่บ้านห้วยเกี๋ยง ม.8 ต.เวียง อ.เชียงแสน ต่อเนื่องถึงด่านตรวจท่าข้าวเปลือก ต.ท่าข้าวเปลือก อ.แม่จัน
สืบเนื่องมาจาก เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนได้รับแจ้งจากสายลับว่า เมื่อวันที่ 10 ต.ค. 68 ประมาณ 00.10 น. ที่ผ่านมา มีรถยนต์เก๋งสีบรอนซ์ ไม่ทราบยี่ห้อ ขับมาจอดยังบริเวณลานดินริมถนนสายเชียงแสน-แม่สาย บ้านห้วยเกี่ยง ม.8 ต.เวียง อ.เชียงแสน จ.เชียงราย และมีชายไม่ทราบชื่อเดินลงมาจากรถและเดินหายไป ซึ่งมีลักษณะต้องสงสัย จึงได้แจ้งให้เจ้าหน้าที่ให้มาตรวจสอบ เมื่อเจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งแล้วจึงได้รายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบและได้นำกำลังไปตรวจจสอบยังบริเวณดังกล่าว เมื่อเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนไปถึงไม่พบผู้ใดอยู่ในบริเวณดังกล่าว แต่พบรถยนต์เก๋งยี่ห้อฮอนด้า ซิตี้ สีบรอนซ์ทอง ทะเบียน เชียงราย เจ้าหน้าที่จึงได้เข้าไปตรวจสอบแต่ไม่พบผู้โดมาแสดงตัวเป็นเจ้าของ จากนั้นเจ้าหน้าที่จึงได้วางกำลังอยู่ในบริเวณใกล้เคียง
ต่อมาเวลาประมาณ 21.30 น. เจ้าหน้าที่ได้สังเกตเห็นเรือกาบที่เล่นมาจากประเทศลาวได้จอดเทียบยังริมแม่น้ำโขงฝั่งประเทศไทย มีกลุ่มชาย 3 คน เดินขึ้นมาและเดินขึ้นรถยนต์คันดังกล่าว จากนั้นเจ้าหน้าที่จึงได้รีบติดตามไปอย่างกระชั้นชิด แต่เนื่องด้วยรถยนต์คันดังกล่าวใช้ความเร็วเจ้าหน้าที่จึงไม่สามารถตั้งจุดสกัดหรือหยุดรถได้ทันในเขตพื้นที่ สภ.เชียงแสน จึงได้ประสานไปยังสภ.แม่จัน ซึ่งอยู่ใกล้เคียงให้ตั้งจุดสกัด และเจ้าหน้าที่ได้ขับขี่ติดตามรถคันดังกล่าวไปถึงยังบริเวณด่านตรวจท่าข้าวเปลือก ต.ท่าข้าวเปลือก อ.แม่จัน จ.เชียงราย เมื่อรถคันดังกล่าวขับขี่ถึงยังด่านตรวจท่าข้าวเปลือก สภ.แม่จัน เจ้าหน้าที่จึงได้ให้สัญญาณหยุดรถ และแสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อทำการตรวจสอบและเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.เชียงแสน ที่ขับขี่ตามมาอย่างกระชันชิด จึงได้เข้าร่วมตรวจสอบ ผลการตรวจสอบพบชาย 3 คน ได้แก่ 1.นายรัชพล (สงวนนามสกุล) อายุ 38 ปี ที่อยู่ ต.เกาะช้าง อ.แม่สาย จ.เชียงราย เป็นผู้ขับขี่, 2.นายกุน (สงวนนามสกุล) สัญชาติลาว อายุ 34 ปี ที่อยู่ บ้านอุดม เมืองห้วยทราย แขวงบ่อแก้ว ประเทศลาว และ 3.นายคำปุ่น (สงวนนามสกุล) สัญชาติลาว อายุ 33 ปี ที่อยู่ บ้านดงพลเหล่า เมืองหาดทรายทอง นครหลวงเวียงจันทร์ ประเทศลาวเจ้าหน้าที่จึงได้ขอตรวจสอบเอกสารการเดินเข้าออกประเทศของชายสัญชาติลาวทั้ง 2 คน ปรากฏว่าไม่พบเอกสารประกอบการเดินเข้าออกประเทศไทยแต่อย่างใด
จากนั้นได้สอบถามนายรัชพลโดยให้การยอมรับว่าได้ลักลอบพาชายสัญชาติลาวทั้ง 2 คนมาจริง ซึ่งไม่ได้เดินทางผ่านช่องทางด่านตรวจคนเข้าเมืองแต่อย่างใด และจะเดินทางไปเที่ยวใน อ.เมืองเชียงราย จนกระทั่งถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมตัวได้ แต่ในขณะที่เจ้าหน้าที่กำลังสอบถามนายธัชพล ได้สังเกตุลักษณะกิริยาท่าทางมีพิรุธ เจ้าหน้าที่จึงได้ขอตรวจปัสสาวะ ผลการตรวจเบื้องต้นพบสารเสพติดประเภทเมทแอมเฟตามีนในปัสสาวะ โดยนายธัชพลยอมรับว่าได้ดื่มเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของเมทแอมเฟตามีนหรือคอลลาเจน โดยการใช้ผงดังกล่าวผสมกับน้ำและดื่ม ที่ประเทศลาว เมื่อเวลาประมาณ 02.00 น. ของวันที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่จึงได้นำตัวมายัง สภ.เชียงแสน เพื่อตรวจอีกครั้ง ผลการตรวจพบสารเสพติดประเภทเมทแอมเฟตามีนในปัสสาวะ ต่อมาจึงได้นำปัสสาวะส่งตรวจยืนยันผลไปยัง รพ.เชียงแสน ผลปรากฏว่าพบสารเสพติดในปัสสาวะ
เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม จึงได้แจ้งข้อกล่าวหา 1.ช่วยซ่อนเร้น หรือช่วยด้วยประการใดๆ เพื่อให้คนต่างด้าวซึ่งรู้ว่าเข้ามาในราชอาณาจักร โดยฝ่าฝืน พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ.2522 เพื่อให้พ้นจากการจับกุม, 2.เสพยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 (เมทแอมเฟตามีน) ฝ่าฝืนต่อกฎหมาย, 3.เป็นผู้ขับขี่เสพยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 เมทแอมเฟตามีนโดยฝ่าฝืนต่อกฎหมาย แต่ในขณะที่เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนกำลังทำตรวจจสอบข้อมูลต่างๆอยู่นั้น เจ้าหน้าที่ได้ขอตรวจสอบข้อมูลโทรศัพท์มือถือของนายธัชพล และพบว่านายธัชพลมีส่วนเกี่ยวข้องกับเครื่อข่ายการขายบัญชีม้า เจ้าหน้าที่จึงได้ทำการตรวจยึดโทรศัพท์มือถือไว้เพื่อจะขยายผลการจับกุมต่อไป และควบคุมตัวพร้อมของกลาง นำส่งพงส.สภ.เชียงแสน เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
ส่วนนายคำปุ่น สัญชาติลาว อายุ 33 ปี เจ้าหน้าที่ตรวจพบอาวุธปืนดัดแปลง ขนาด 380 มม. กระสุนปืนขนาด 380 มม. จำนวน 6 นัด ซุกซ่อนอยู่ใต้เบาะผู้โดยสารด้านหลังในรถยนต์ที่นั่งโดยสารมา เช่นเดียวกับนายกุน สัญชาติลาว อายุ 34 ปี ซึ่งเจ้าหน้าที่ตรวจพบอาวุธปืนดัดแปลง ขนาด 380 มม. กระสุนปืนขนาด 380 มม. จำนวน 12 นัด ซุกซ่อนอยู่ใต้เบาะผู้โดยสารด้านหน้า โดยทั้งคู่ยอมรับว่าอาวุธปืนดังกล่าวเป็นของตนเองจริง และพกพาไว้เพื่อป้องกันตัว และทั้งคู่ยอมรับว่าได้ดื่มเครื่องดื่มผสมยาเสพติดมาตั้งแต่อยู่ สปป.ลาว ก่อนจะข้ามมาฝั่งไทย และจากการตรวจปัสสาวะพบสารเสพติดประเภทเมทแอมเฟตามีนในร่างกาย แต่สำหรับนายกุนเจ้าหน้าที่ยังตรวจเจอยาเสพติดประเภทที่ 2 (เคตามีน) น้ำหนักรวมสิ่งห่อหุ้มประมาณ 1.16 กรัม ซุกซ่อนอยู่หลังเคสโทรศัพท์มือถือ จึงแจ้งข้อหาทั้งคู่ว่า 1.พกพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต 2.มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต 3.เสพยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 (เมทแอมเฟตามีน) ฝ่าฝืนต่อกฏหมาย 4.เป็นบุคคลต่างด้าวเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต ส่วนนายกุนเพิ่มข้อหา มียาเสพติดให้โทษประเภทที่ 2 (เคตามีน) ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต อีกด้วย