ย้อนปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา “ภูมิธรรม-ทรัมป์” พาไทยหลงเหลี่ยมศึกเขมร

ย้อนปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา เหตุใดไม่จบสิ้นทั้งที่ไทยกุมความได้เปรียบ เหตุอดีตรักษาการนายกฯ “ภูมิธรรม” หลงเหลี่ยมเขมรทำข้อตกหยุดหยิงจนกองทัพเพลี่ยงพล้ำ ตามด้วยแรงบีบภาษี “ทรัมป์” จากชาติสหรัฐที่มุ่งหวังกอบโกยผลประโยชน์จากการเข้าไปแทรกแซงทุมมุมโลก

ย้อนปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา เหตุใดไม่จบสิ้นทั้งที่ไทยกุมความได้เปรียบ เหตุอดีตรักษาการนายกฯ “ภูมิธรรม” หลงเหลี่ยมเขมรทำข้อตกหยุดหยิงจนกองทัพเพลี่ยงพล้ำ ตามด้วยแรงบีบภาษี “ทรัมป์” จากชาติสหรัฐที่มุ่งหวังกอบโกยผลประโยชน์จากการเข้าไปแทรกแซงทุมมุมโลก

ปัญหาความขัดแย้งข้อพิพาทชายแดนไทย-กัมพูชายังคงครุกรุ่นต่อเนื่องมาถึงทุกวันนี้ ซึ่งประเด็นความรุนแรงดังกล่าวทำให้หลายฝ่ายตั้งคำถามว่า ความขัดแย้งของทั้ง 2 ชาติจะจบสิ้นในวันใด ทั้งนี้สถานการณ์ชายแดนไทย-เขมรถูกยกระดับขึ้นในวันที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2568 เมื่อเกิดการปะทะบริเวณชายแดนใกล้จังหวัดศรีสะเกษ โดยฝ่ายกัมพูชาใช้อาวุธหนักยิงเข้ามาในฝั่งไทยส่งผลให้ประชาชนชาวไทยบาดเจ็บล้มตายจำนวนมาก ขณะเดียวกันกองทัพบกไทย และกองทัพอากาศได้เสริมกำลังโจมตีทั้งบก และทางอากาศ ส่งผลให้สิ่งปลูกสร้างทางทหาร และยุทโธปกรณ์กัมพูชาเสียหายอย่างหนัก และที่สำคัญกองทัพไทยสามารถควบคุมพื้นที่เชิงยุทธศาสตร์สำคัญตามแนวชายแดนไทยได้อย่างเบ็ดเสร็จ

การเปิดฉากปะทะเดือดของกองทัพไทย และกัมพูชากินเวลา 5 วัน 5 คืน ก่อนที่ทั้ง 2 ฝ่ายจะบรรลุข้อตกลงหยุดยิงเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 หลังจากนายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรีในขณะนั้นนำคณะผู้แทนรัฐบาลไทยหารือนายฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ที่ประเทศมาเลเซีย โดยทั้งสองฝ่ายตกลงทำสัญญาหยุดหยิงอย่างไม่มีเงื่อนไขโดยกำหนดเส้นตาย ณ เวลา 24.00 น.ของคืนวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 แต่ปรากฏว่าก่อนถึง 24.00 น. ทหารกัมพูชาได้เสริมกำลังโจมตีไทยเพื่อหวังจะยึดคืนพื้นที่ยุทธศาสตร์ที่ไทยควบคุมไว้ได้ 11 จุด อาทิ ปราสาทตาเมือนธม, ปราสาทโดนตวล, เขาสัตตะโสม, ช่องบก, ช่องสายตะกู โดยเฉพาะบริเวณช่องอานม้า และภูมะเขือ,ทหารทั้งสองฝ่ายเปิดฉากยิงถล่มอย่างดุเดือด ซึ่งผลการปะทะทำให้กองทัพไทยสูญเสียการควบคุมพื้นที่บางแห่ง เช่น ปราสาทตาควาย

 

 

ข่าวที่น่าสนใจ

ทั้งนี้อาจกล่าวได้ว่าการสูญเสียพื้นที่สำคัญอย่างปราสาทตาควาย รวมถึงการสูญเสียชีวิตพี่น้องทหารของกองทัพไทยเป็นเพราะความด้อยประสบการณ์ของนายภูมิธรรม ที่ไปหลงเหลี่ยมผู้นำกัมพูชาด้วยการตกลงทำสัญญาหยุดหยิงในเวลา 24.00 น. ทำให้กองทัพเขมรฉวยโอกาสระดมกำลังโจมตีไทย จนสามารถยึดคืนพื้นที่สำคัญได้บางแห่ง ซึ่งศึกครั้งนี้ทำให้กองทัพตั้งคำถามไปยังนายภูมิธรรมว่า เหตุใดจึงไปทำข้อตกลงแบบนั้น นายภูมิธรรมควรทำสัญญาหยุดยิงตั้งแต่เวลา 18.00 น.หลังบรรลุข้อตกลงกันทั้งสองฝ่าย ไม่ใช่ยืดเส้นตายไปอีก 6 ชั่วโมง หรือไม่ก็ไม่ต้องไปตกลงอะไรกับกัมพูชา เนื่องจากกองทัพไทยกุมความได้เปรียบในทุกมิติ ซึ่งการกระทำของนายภูมิธรรมเปรียบเสมือนการยื่นดาบให้เขมรจนทำให้ประเทศชาติเสียหาย

อย่างไรก็ตามความเพลี่ยงพล้ำของไทยอาจไม่ได้เกิดขึ้นจากความล้มเหลวของผู้นำรัฐบาลจากเพื่อไทยเท่านั้น แต่การเข้ามาแทรกแซงของสหรัฐโดยประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ด้วยการบีบให้ไทย-เขมรสงบศึกจากมาตรการภาษีถือเป็นอีกปัจจัยนึงที่ทำให้ไทยต้องจำใจยอม และแม้ว่าไทยจะพ้นจากวิกฤติภาษีทรัมป์ที่ถูกเรียกเก็บเพียง 19 เปอร์เซ็นต์ก็ตาม แต่การเข้ามาแทรกแซงไทยของสหรัฐยังถือเป็นปัจจัยที่ทำให้ไทยไม่สามารถปิดจ็อบวิกฤติชายแดน-เขมรลงได้

ล่าสุดประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ เสนอตัวเป็นประธานลงนามข้อตกลงสันติภาพไทย-กัมพูชาในการประชุมสุดยอดอาเซียนปี 2025 ในวันที่ 26-28 ตุลาคม ที่ประเทศมาเลเซีย ซึ่งกล่าวกันว่า การเสนอตัวเป็นประธานของทรัมป์เพื่อหนุนภาพลักษณ์ผู้ผดุงสันติภาพโดยหวังจะคว้ารางวัลโนเบลสาขาสันติภาพให้ได้ ทั้งที่ความเป็นจริงสหรัฐเปรียบเสมือนตัวการใหญ่ที่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับประเทศต่าง ๆ เพื่อกอบโกยผลประโยชน์เข้าบ้านตนเองเท่านั้น

ทั้งนี้นับแต่สหรัฐประกาศเอกราชเกือบ 250 ปีที่ผ่านมา เราจะได้เห็นการแทรกแซงของสหรัฐต่อนานาประเทศทั่วโลก โดยเฉพาะภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ สหรัฐเข้ามาแทรกแซงตั้งแต่ยุคสงครามอินโดจีนในช่วงปี ค.ศ. 1946 ถึง ค.ศ. 1989 โดยเข้าไปแทรกแซง เวียดนาม ลาว และกัมพูชาในสงครามกลางเมืองของ 3 ประเทศ เพื่อต่อต้านระบบคอมมิวนิสต์ที่ได้การสนับสนุนจากสหภาพโซเวียต และจีน แม้กระทั่งประเทศไทย สหรัฐอเมริกายังเข้ามาใช้สนามบินอุดรธานี และยังสร้างสนามบินอู่ตะเภา เพื่อเป็นฐานทัพในการสนับสนุนปฏิบัติการทางอากาศในภูมิภาคเพื่อป้องกันการรุกคืบของคอมมิวนิสต์ กระทั่งสงครามจบสิ้นสหรัฐถอนกำลังออกไป ขณะที่ประเทศจีนที่สหรัฐหวาดระแวงยังมีความสัมพันธ์กับไทยอย่างแนบแน่น รวมถึงประเทศเพื่อนบ้านทั้งกัมพูชา ลาว เวียดนามมาโดยตลอด

การแทรกแซงของสหรัฐทำให้โลกต้องหดหู่ เมื่อเห็นภาพชาวแอฟริกานับพันแตกตื่นวิ่งไปขึ้นเครื่องบินขนส่งของสหรัฐที่ท่าอากาศยานนานาชาติกรุง”คาบูล” เพื่อหนีการเข่นฆ่าของนักรบตาลีบันหลังจากองทัพสหรัฐฯถอนกำลังออกจากอัฟกานิสถานเมื่อวันที่ 30 สิงหาคม 2021, รวมถึงการเข้าไปสนับสนุนอิสราเอลในการทำสงครามกับกลุ่มฮามาส ก่อนทำตัวในฐานะผู้นำโลกเข้าไปไกล่เกลี่ยเพื่อให้ทั้งสองฝ่ายยุติสงครามแต่จนถึงวันนี้ผ่านไป 2 ปีสงครามฮามาส-อิสราเอลไม่มีทีท่าจะยุติลงได้, เช่นเดียวกับการโจมตีฐานนิวเคลียร์ 3 แห่งของอิหร่านที่สหรัฐอ้างว่า ต้องการหยุดภัยคุกคามจากนิวเคลียร์ที่เกิดจากรัฐที่สนับสนุนการก่อการร้ายอันดับหนึ่งของโลกเมือวันที่ 22 มิถุนายน 2568, นอกจากนี้สหรัฐยังเข้าไปปกป้องยูเครนด้วยการส่งกำลังทหารในการทำสงครามกับรัสเซีย เพราะต้องแร่ธาตุอันมีค่าที่เชื่อกันว่ายูเครนมีสำรองแร่ธาตุหายากอยู่ประมาณ 5% ของโลก ฯลฯ

 

ดังนั้นด้วยปัจจัยที่กล่าวมาทั้งหมดชี้ให้เห็นถึงความไม่ทันกลเกม ความอ่อนด้อยของผู้นำประเทศในภาวะวิกฤตเสี่ยงสงคราม ปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชาจึงยังไม่มีท่าทีจะจบลงได้ง่าย บวกกับผู้นำสหรัฐอยากเข้ามามีบทบาทสำคัญในภูมิภาคอินโดแปซิฟิก เพื่อคานอำนาจจีน กดดันประเทสไทยในทุกทาง ปลายเดือนตุลาคมนี้จึงถือเป็นโจทย์ใหญ่ของรัฐบาลอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ที่ได้เข้ามาแก้ปัญหาประเทศแล้ว ปัญหาชายแดนจะตัดสินใจอย่างไร จะเด็ดเดี่ยวโดยยึดประโยชน์ของประเทศเป็นหลักภายใต้การทำงานในระยะเวลาสั้น ๆ 4 เดือนท่ามกลางความกดดันต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นได้มากน้อยขนาดไหน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

“รมว.สุชาติ” ร่วมหารือภาคธุรกิจท่องเที่ยวและเครือข่ายอนุรักษ์เขาใหญ่ เร่งสร้างความร่วมมือแก้ปัญหาสัตว์ป่าออกนอกพื้นที่อย่างเป็นระบบ
ภูเก็ตเดินหน้าศึกษาแผนป้องกันน้ำท่วมอย่างเป็นระบบ
"อธิบดีกรมอุทยานฯ" สั่งการ​ หน.ห้วยขาแข้ง​ เคาะประตูบ้านรอบพื้นที่ห้ามวางกับดัก​ พร้อมขยายแนวลาดตระเวน​ Smart Patrol​ นอกพื้นที่ป่าอนุรักษ์ในเขต​ Buffer zone
(50 ปีสัมพันธ์ไทย-จีน) แพนด้ายักษ์ 'เม่ยจู' หม่ำมูนเค้กฉลองไหว้พระจันทร์
(50 ปีสัมพันธ์ไทย-จีน) 'ข้าวยักษ์' สูง 2 เมตร ใกล้เก็บเกี่ยวในยูนนาน
(50 ปีสัมพันธ์ไทย-จีน) เจียงซีจัดกิจกรรมเก็บขยะ พิชิตเหรียญ Eco-Hero

ดู LIVE รายการ

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น​