“นายกฯอนุทิน” มอบรางวัลสุดยอด CEO ปี 68 แย้มหลังคนละครึ่งพลัส เตรียมแล้วมาตรการเฟส 2 กระตุ้นศก.ใช้จ่าย

นายกฯ “อนุทิน” มอบรางวัลสุดยอด CEO ประจำปี 2568 พร้อมปาฐกถา 4 “Reset” พลิกประเทศ ไทยเวอร์ชันใหม่ที่ "พร้อมจะเติบโตอีกครั้ง อย่างยั่งยืน"

“นายกฯอนุทิน” มอบรางวัลสุดยอด CEO ปี 68 แย้มหลังคนละครึ่งพลัส เตรียมแล้วมาตรการเฟส 2 กระตุ้นศก.ใช้จ่าย – Top News รายงาน

 

นายกฯอนุทิน

เมื่อวันที่ 8 ตุลาคม 2568 เวลา 14.00 น. ณ โรงละครอักษรา คิง เพาเวอร์ กรุงเทพมหานคร นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวปาฐกถาพิเศษ ในหัวข้อ “Reset โครงสร้างประเทศ Recover เศรษฐกิจไทย” ในงานสัมมนาใหญ่เศรษฐกิจไทย ประจำปี 2568 “เมื่อโลกเปลี่ยน..ประเทศไทยไปทางไหน ?” โดยมี นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน นางสาวดวงพร อุดมทิพย์ นายกสมาคมผู้สื่อข่าวเศรษฐกิจ คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ผู้บริหารหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน สื่อมวลชน และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมงานด้วย โดยนายกรัฐมนตรีได้มอบรางวัลให้กับสุดยอดซีอีโอทั้ง 16 คน พร้อมกล่าวปาฐกถาพิเศษ ในหัวข้อ “Reset โครงสร้างประเทศ Recover เศรษฐกิจไทย”

นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายกรัฐมนตรีกล่าวถึงโจทย์สำคัญในวันนี้ว่า ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โรคอุบัติใหม่ “AI” ประเทศที่ปรับตัวช้า จะสูญเสียโอกาสทางเศรษฐกิจ และ “อำนาจต่อรอง” ในเวทีโลกด้วย

นายกรัฐมนตรีให้ความหมายของคำว่า “Reset” การ Reset วิธีคิด คือ การกลับมาทบทวนสิ่งที่ทำ การ Reset ประเทศวันนั้ จึงไม่ใช่แค่การเปลี่ยนนโยบาย แต่เป็นการเปลี่ยน “วิธีคิด วิธีทำงาน และวิธีบริหารความร่วมมือ” ซึ่งต้องปรับตัวไปพร้อม ๆ กัน

– Reset ด้านความมั่นคง รัฐบาลมุ่งสร้างความมั่นคง ทั้งภายนอกและภายใน และกำลังแก้ปัญหาความมั่นคงตามแนวชายแดน โดยใช้ทั้งพลังของการทูต การทหาร และพลังทางเศรษฐกิจ เพื่อนำสันติภาพกลับคืนมา สู่ชีวิตพี่น้องประชาชน

“เปลี่ยนความตึงเครียด ให้กลับมาเป็น ความร่วมมือ ในอนาคตอันใกล้ เร่งจัดการปัญหาภัยสังคม ทั้งยาเสพติด การพนันออนไลน์ อาชญากรรมข้ามชาติ และการหลอกลวงทางเทคโนโลยี เพราะไม่เพียงทำลายชีวิตประชาชน แต่ยังบั่นทอนความเชื่อมั่นต่อระบบเศรษฐกิจด้วย” ซึ่งได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทำงานร่วมกันแบบบูรณาการ ยึด “หลักนิติธรรม” ด้วยความโปร่งใสและเป็นธรรม ไม่เลือกปฏิบัติ และที่สำคัญจะไม่ยอมให้ “การทุจริตคอร์รัปชัน” กลายเป็นต้นทุนแฝงของระบบเศรษฐกิจไทยอีกต่อไป รวมทั้งประเทศไทยกำลังอยู่ในกระบวนการของการสมัครเข้าเป็นสมาชิก OECD กระบวนการยุติธรรมตามหลักนิติธรรม จึงเป็นหนึ่งในเกณฑ์ที่จะต้องถูกพิจารณา

-การ Reset ด้านเศรษฐกิจ รัฐบาลกำลังขับเคลื่อนเศรษฐกิจ เน้นสร้างรายได้ ลดรายจ่าย ลดหนี้ ส่งเสริมเกษตรกร และสนับสนุนให้ SME ฟื้นตัวได้ พร้อมลดค่าครองชีพ ลดค่าพลังงาน และค่าขนส่ง จัดให้มี “โครงการธงฟ้า” ให้เข้าถึงทุกชุมชน โดยเฉพาะในพื้นที่ชายแดน รวมทั้ง จะเสริมความมั่นคงทางเกษตรและพลังงาน ด้วยแนวทาง smart farming สนับสนุนพลังงานแสงอาทิตย์ในภาคครัวเรือน และภาคเกษตร บริหารราคาสินค้าเกษตรให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม ให้เป็น “เศรษฐกิจสีเขียว” ที่ช่วยทั้งชาวนาและโลกไปพร้อมกัน

ข่าวที่น่าสนใจ

โครงการ “คนละครึ่ง พลัส” ที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ให้คำจำกัดความ ว่า เป็นนโยบายเศรษฐกิจเฉพาะกิจ ที่เป็นการกระตุ้นสั้น ได้ผลยาว และกระจายตัว

ทั้งนี้ รัฐบาลเร่งเจรจาข้อตกลงภาษีต่างตอบแทน (Agreement on Reciprocal Tax) ผลักดัน “เศรษฐกิจดิจิทัล” อย่างจริงจัง โดยเฉพาะการนำ Al และ Big Data มาปรับใช้ในการผลิต การค้าและบริการ รวมถึงอุตสาหกรรมอนาคต โดยปรับปรุงกฎระเบียบให้เอื้อต่อการลงทุนลดขั้นตอนที่ซ้ำซ้อน และสร้างระบบที่โปร่งใส ตรวจสอบได้ เพื่อความสะดวก และความมั่นใจของนักลงทุน

– ด้านสังคม รัฐบาลให้ความสำคัญกับการลงทุนในมนุษย์ จากการที่ประเทศเป็นสังคมสูงวัยเต็มรูปแบบ รัฐบาลจึงมีความมุ่งมั่นที่จะเดินหน้าสร้างระบบที่เปิดโอกาสให้ “ผู้สูงอายุมีงานทำและมีรายได้” โดยได้หารือถึงความเป็นไปได้ในการปรับอายุสำหรับการเกษียณไว้ในโอกาสที่เหมาะสม

“รัฐบาลจะสนับสนุนอุตสาหกรรมสุขภาพ เทคโนโลยีดูแลผู้สูงวัย และปรับโครงสร้างพื้นฐานให้เป็นมิตรต่อผู้สูงอายุ Universal Design นั้นมีประโยชน์นัก เพราะการออกแบบเมืองและอาคารห้างร้านต่าง ๆ ให้เอื้อต่อวิถีชีวิตของกลุ่มคนเปราะบาง เด็กไทยเกิดและเติบโตอย่างมีคุณภาพ มีการศึกษาที่เท่าทันโลก มีพัฒนาทักษะ และแรงบันดาลใจที่จะกลับมาช่วยบ้านเกิด”

 

– Reset ด้านสิ่งแวดล้อมและดิจิทัล ประเทศกำลังเดินหน้าสู่ “สังคมคาร์บอนต่ำ” อย่างจริงจัง รัฐบาลตั้งเป้าหมายให้ไทยปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ภายในปี 2025 และจะจัดตั้ง “ตลาดซื้อขายคาร์บอนเครดิตมาตรฐาน” ผลักดันพลังงานสะอาดในภาคอุตสาหกรรมและเกษตร ให้ได้ตามเป้า ยังจะมีการออกกฎหมาย เช่น พระราชบัญญัติบริหารจัดการเพื่ออากาศสะอาด พระราชบัญญัติการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เป็นการลงทุนระยะยาว เพื่อความยั่งยืนในอนาคตของประเทศ ด้านดิจิทัล รัฐบาลจะเร่งสร้าง “รัฐบาลดิจิทัลที่เชื่อมโยงกันทั้งระบบ” เชื่อมโยงทั้งประเทศ สร้างความโปร่งใสตรวจสอบได้ จะเป็นผลบวกต่อการป้องกันและปราบปรามการคอร์รัปชันอย่างแน่นอน

นายกรัฐมนตรีเชิญชวนให้ “มองอนาคตร่วมกัน” รัฐบาลไม่สามารถ Reset ต้องการพลัง ทั้งจากภาครัฐ ภาคเอกชน ประชาชนในทุกภาคส่วน รวมถึงสื่อมวลชนด้วย เป็นประเทศไทยในเวอร์ชันที่ “พร้อมจะเติบโตอีกครั้ง อย่างยั่งยืน”

อนึ่ง รางวัลสุดยอดซีอีโอ ประจำปี 2568 จำนวน 20 รางวัล ประกอบด้วย 1) สุดยอดซีอีโอรุ่นใหญ่ ใน 7 สาขาธุรกิจ จำนวน 8 รางวัล 2) สุดยอดซีอีโอรุ่นกลาง ใน 2 สาขาธุรกิจ จำนวน 3 รางวัล 3) สุดยอดซีอีโอรุ่นเอสเอ็มอี ใน 4 สาขาธุรกิจ จำนวน 5 รางวัล 4) สุดยอดซีอีโอรัฐวิสาหกิจ ใน 3 สาขาธุรกิจ จำนวน 3 รางวัล และ 5) สุดยอดซีอีโอขวัญใจสื่อมวลชน จำนวน 1 รางวัล

“นายกฯ” เผย เตรียมมาตรการเศรษฐกิจในเฟสถัดไปไว้แล้ว ดีใจที่เห็น “คนละครึ่ง” เกิดขึ้นได้จริง ตั้งแต่วันแรกๆที่ทำงาน ยังไม่ขอมองไกลอีก 4 ปี ขอทำ 4 เดือนนี้ให้รอดก่อน ยัน ปัญหาเศรษฐกิจไม่ได้มาจากการเปลี่ยนรัฐบาลบ่อย แต่มาจากการคอรัปชั่น มองญี่ปุ่นหรืออังกฤษ เปลี่ยนรัฐบาลมากกว่าไทยอีก

นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี กล่าวถึง การเดินหน้ามาตรการทางเศรษฐกิจ หลังรัฐบาลออกนโยบายคนละครึ่ง พลัส ไปแล้ว จะทำเรื่องใดต่อไป ว่า จะพยายามวางรากฐานให้เศรษฐกิจมั่นคงแข็งแกร่ง ให้มีการกระจายรายได้ของพี่น้องประชาชน โดยเฉพาะสิ้นปีนี้ และจะใช้เวลา 4 เดือนที่รัฐบาลจะทำงานอย่างเต็มที่ในการวางแนวทางและรากฐานที่ดี เพื่อที่รัฐบาลชุดต่อไปที่เข้ามา สามารถเดินหน้าต่อยอดได้เลย ซึ่งจะมีมาตรการเฟส 1 เฟส 2 เตรียมไว้อยู่ รวมถึงเรื่องท่องเที่ยวด้วย

สำหรับงบประมาณที่ใช้ในแต่ละโครงการมีเพียงพอหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตนยึดถือวินัยการเงินการคลังสำคัญที่สุด ไม่ใช่เราใช้เงินไปแจกประชาชนทั้งหมด แต่เราให้ประชาชนมีส่วนร่วมด้วย ซึ่งรัฐก็สามารถนำงบประมาณ​ 3 หมื่นกว่าล้านบาทไปชำระหนี้ให้กับธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ หรือ ธ.ก.ส. ได้ ซึ่งเป็นการรักษาวินัยการเงินการคลังเป็นที่ประจักษ์ชัด และทำให้เกิดความเชื่อมั่นว่า รัฐบาลนี้มีเป้าหมายที่สำคัญในการรักษาพื้นฐานทางเศรษฐกิจ

ส่วนการผลักดันให้ประเทศไทยกลับมาเป็นผู้นำในภูมิภาคอาเซียนนนั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เราตั้งเป้าหมาย เพราะไทยเป็นผู้นำในภูมิภาคนี้มาโดยตลอดแทบจะทุกมิติ ไม่ว่าเป็นเรื่องการเงิน การท่องเที่ยว การเกษตรและอุตสาหกรรม แต่ที่ผ่านมาไทยอาจไม่เน้นการส่งเสริมการลงทุนเพิ่มขึ้น อาจยึดติดกฏระเบียบเดิมอาจไม่สอดคล้องกับกติกาใหม่ของโลกปัจจุบัน เราก็ต้องกลับมาตั้งเป้าหมายใหม่ และยังเชื่อมั่นว่า ประเทศไทยมีภูมิรัฐศาสตร์ที่ดี ได้เปรียบประเทศอื่นๆ

“ไม่เสียหายอะไรที่เราจะตั้งเป้าว่า เราจะกลับมาเป็นผู้นำทางด้านเศรษฐกิจในภูมิภาคนี้ได้ในระยะเวลารวดเร็ว”นายอนุทิน กล่าว

 

อย่างไรก็ตาม แม้ไทยจะได้เปรียบด้านภูมิรัฐศาสตร์ แต่ปัญหาใหญ่ที่ส่งผลต่อเศรษฐกจิ คือ ความต่อเนื่องทางการเมืองซึ่งถือเป็นจุดอ่อน นายกรัฐมนตรี ตอบกลับทันทีว่า ไม่ใช่เรื่องการเมือง แต่เป็นเรื่องการคอรัปชั่น เมื่อเราสร้างระบบสังคมดิจิทัลจะบังคับให้การกระทำที่เป็นการทุจริตตรวจสอบได้ เราจึงต้องไปพัฒนาระบบข่าวสาร เอไอ ดิจิทัล ให้เกิดความโปร่งใส ตรวจสอบได้ เราต้องสร้างระบบขึ้นมาที่ทำให้คนที่อยู่ในสังคม หรืออยู่ในระบบคิดพิเรนอีกต่อไป

นายกรัฐมนตรี ยังเชื่อมั่นว่า เรื่องการเมืองยังนิ่งพอสมควรแล้ว ไม่มีปัญหาอะไร เราก็ทำตามที่เราข้อตกลงกับทุกๆฝ่าย และตั้งหน้าทำงานอย่างเต็มที่ และปีหน้าก็มีการเลือกตั้งใหม่ พรรคไหนทำดี ฝีมือดีก็เลือกกลับทำงาน

ทั้งนี้ การเปลี่ยนตัวรัฐบาล หรือ เปลี่ยนผู้นำบ่อยๆ จะส่งผลต่อนักลงทุนที่เข้ามาลงทุน นายอนุทิน มองว่า ญีปุ่นหรืออังกฤษเปลี่ยนบ่อยกว่าไทย และมองว่า ความเชื่อมั่นอยู่ที่ระบบ อยู่ที่ประชาชน อยู่ที่ความมุ่งมั่นในการสร้างหลักนิติธรรม หลักธรรมาภิบาล ใครจะไปจะมาไม่สำคัญกับใครวางระบบที่ดี

อย่างไรก็ตาม พูดได้หรือไม่ว่า หากรัฐบาลวางรากฐาน 4 เดือนนี้ได้ แล้วรอบหน้านายกรัฐมนตรีกลับมา เศรษฐกิจจะเติบโตหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เอา 4 เดือนนี้ให้รอดก่อน และให้รัฐบาลได้ทำทุกอย่างอย่างที่เราตั้งใจให้เกิดขึ้น ซึ่งดีใจมากที่โครงการคนละครึ่ง พลัส เกิดแล้ว และการคืนหนี้ให้กับธ.ก.ส. เกิดขึ้นในวันแรกของการทำงานของรัฐบาล หลังจากการทำงานของรัฐบาล

“อะไรเริ่มต้นดี จากการกลัดกระตุมแรกถูก ควรจะถูกไปเรื่อยๆ ยกเว้นมีใครไม่ประสงค์ดีซะก่อน”นายอนุทิน กล่าว

ทั้งนี้ การมีทีมเศรษฐกิจที่ดี ส่งผลต่อเศรษฐกิจดีขึ้น ส่งผลต่อไปยังพรรคภูมิใจไทยด้วยหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า มีแต่พรรคประเทศไทย เราทำงานเต็มที่เพื่อประเทศไทย เรายังปัญหาเพื่อนบ้าน ความขัดแย้งไทย-กัมพูชา และทำความชัดเจนให้เขารับทราบ เราจะยอม เราจะอ่อนค้อโดยที่เขาไม่ทำอะไรเลย คงเป็นเพียงความฝัน เขาต้องทำทุกอย่างตามที่เรากำหนดไว้ สิ่งที่เรากำหนดไม่ใช่สิ่งที่ยาก แต่เป็นสิ่งที่ทำให้เกิดความปลอดภัยกับคนไทย ก่อให้เกิดความชัดเจนต่ออธิปไตยของประเทศนี้ และก่อให้เกิดความสงบเรียบร้อยในภูมิภาคนี้ ซึ่งเขาต้องทำตาม

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง รุดลงพื้นที่ซับน้ำตา เยียวยาผู้ประสบอัคคีภัย เมืองระยอง
สวยงาม อลังการ เรือพนมพระ วัดเขาโร อดีดแชมป์ รางวัลพระราชทาน ชนะเลิศ 5 ลูก
คนจีนแห่เดินทางกลับบ้านหลังโกลเด้นวีคสิ้นสุด
"สุชาติ" มอบหมาย "อธิบดีกรมอุทยานฯ เข้าเยี่ยมให้กำลังใจ "เวอร์นอน" นักสำรวจถ้ำฮีโร่ถ้ำหลวง หลังเข้ารับการรักษาอาการปอดอักเสบ
สำนักศิลปากรที่ 10 นครราชสีมา ลงตรวจสอบชิ้นส่วนวัตถุโบราณปราสาทคนา หลังถูกนำมาเก็บไว้ที่วัดแนงมุด เป็นวัตถุโบราณสมัยพุทธศตวรรษราวยุคที่ 15 ถึง 16
ผบ.ตร.ลงพื้นที่อ่างทอง ตรวจเยี่ยม–มอบถุงยังชีพช่วยผู้ประสบอุทกภัยตำบลโผงเผง

ดู LIVE รายการ

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น​