คนร้ายวางระเบิดตู้เอทีเอ็ม หน้ามหาวิทยาลัยฟาฏอนี อ.ยะรัง จ.ปัตตานี จับรปภ. มัดมือ ปล้นลูกซอง 2 กระบอก
ข่าวที่น่าสนใจ
7 ตุลาคม 2568 เพจเฟุซบุ๊ก “กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า” ได้โพสต์ข้อความระบุว่า คนร้ายก่อเหตุวางระเบิดตู้เอทีเอ็มในมหาวิทยาลัยฟาฏอนี – อ.ยะรัง จ.ปัตตานี ระบุว่า เมื่อเวลา 00.50 น. เกิดเหตุคนร้ายไม่ทราบกลุ่ม จำนวน 3 – 5 คน เดินเท้าลงมาจากเนินเขาหลังมหาวิทยาลัยฟาฏอนี หมู่ที่ 3 บ้านโสร่ง ตำบลเขาตูม อำเภอยะรัง จังหวัดปัตตานี โดยกลุ่มคนร้ายได้ลอบผ่านเข้ามาภายในพื้นที่มหาวิทยาลัย ก่อนจะจับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของมหาวิทยาลัยจำนวน 2 นาย มัดมือไว้ภายในป้อมยาม และยึดอาวุธปืนลูกซองประจำกายไป 2 กระบอก
จากนั้นกลุ่มคนร้ายได้ก่อเหตุวางระเบิดตู้เอทีเอ็มของธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย ซึ่งตั้งอยู่ใกล้กับป้อม รปภ. จนเกิดเสียงระเบิดดังสนั่นในยามวิกาล สร้างความตกใจให้กับประชาชนในละแวกนั้น และสร้างความเสียหายแก่ทรัพย์สินของทางธนาคารและชุมชนโดยรอบ ก่อนจะหลบหนีขึ้นเนินเขาหลังมหาวิทยาลัย โดยจากการตรวจสอบเบื้องต้นคนร้ายไม่สามารถขโมยเงินออกจากตู้ ATM ไปได้
เหตุการณ์ครั้งนี้เป็นอีกครั้งที่คนร้ายไม่เพียงแต่สร้างความเสียหายต่อทรัพย์สินของรัฐและเอกชนเท่านั้น แต่ยังสะท้อนให้เห็นถึงความโหดร้ายของผู้ก่อเหตุ ที่กระทำเยี่ยงโจร ซึ่งเลือกใช้ความรุนแรงโดยไม่คำนึงถึงผลกระทบต่อชีวิตผู้อื่น โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยซึ่งทำหน้าที่อย่างสุจริตกลับต้องถูกทำร้ายและคุกคามในขณะปฏิบัติหน้าที่ เพียงเพื่อหวังประโยชน์ทางการเงิน เพื่อมาหล่อเลี้ยงกลุ่มของตน ไม่ตรงกับที่ได้โฆษณาชวนเชื่อไว้ว่ากระทำเพื่อพี่น้องประชาชน ปัจจุบันเจ้าหน้าที่ฝ่ายส่วนที่เกี่ยวกับได้เร่งเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมเก็บหลักฐาน เพื่อดำเนินการติดตามจับกุมผู้ก่อเหตุมาดามเนินคดีตามกฎหมายโดยเร็วที่สุด
ทั้งนี้ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ขอความร่วมมือพี่น้องประชาชนในพื้นที่ช่วยกันสอดส่องดูแลพื้นที่หากพบเห็นบุคคลต้องสงสัยหรือวัตถุต้องสงสัยหรือข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อการติดตามผู้ก่อเหตุ สามารถแจ้งเบอร์สายด่วน กอ.รมน.ภาค 4 สน. โทร. 1341 หรือหน่วยเฉพาะกิจใกล้บ้านได้ตลอด 24 ชั่วโมง และย้ำว่า ผู้สนับสนุนผู้ก่อเหตุรุนแรง ไม่ว่าจะเป็นการให้ที่พักพิง ซ่อนตัว หรือจัดหาเสบียง ถือว่ามีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 189 อาจถูกจำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ข่าวล่าสุด
เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น